How to install pfSense 2.1 by newbies

04/10/2556 กราบสวัสดีทุกๆท่านอีกครั้งครับ วันนี้ผมจะมาเขียนเรื่อง วิธีการติดตั้ง pfSense ครับ ซึ่งอธิบายก่อนว่า pfSense คือ application firewall  ที่มีหลากหลาย feature มาก ไอ่ที่บอกว่ามากคือเราสามารถติดตั้งเพิ่มเติมได้นั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น ทำ hotspot ,billing , proxy,log ,vpn ,captive portal,radius, ..  ตัว pfSense นั้นเป็น BSD แต่เราแทบไม่ต้องใช้ command กับมันเลยยกเว้นกรณีที่จำเป็นจริงๆ(แก้ไฟล์ระบบ) เพราะทุกอย่าง admin สามารถเข้าไปแก้ไขได้ทั้งหมดผ่านทาง webbrowser  เอาแค่นี้แหละคร่าวๆ วันนี้ผมตั้งใจจะเขียนแค่วิธีติดตั้งให้สามารถออกอินเทอร์เน็ตได้พอ ส่วนวิธีคอนฟิคทำอะไรอย่างอื่น ค่อยมาต่ออีกครั้ง เพราะมันเยอะมาก                  โอเค วันนี้สอนวิธีติดตั้ง pfSense เวอร์ชั้น 2.1 พึ่งออกเลยครับเมื่อวันที่  14 กันยายน 2556  สดๆร้อนๆ เผลอๆ บทความนี้ก็เป็นบทความแรกๆ ของ เวอร์ชั่น 2.1 ของเลยนะเนี่ย.. เอาล่ะครับถ้าพร้อมแล้วมาเริ่มกันเลย 1. เปิดเว็บ  pfSense  และไปโหลด2.1 มาจาก mirror ของผมเลือก mirror ของ NYI.net   ที่     http://files.nyi.pfsense.org/mirror/downloads  เวลาโหลดเลือกแบบ  pfSense-LiveCD-2.1-RELEASE-i386.iso.gz   หรือแบบ  pfSense-LiveCD-2.1-RELEASE-amd64.iso.gz   ก็สุดแล้วแต่ cpu ของแต่ละคนจะรองรับส่วนในนี้ผมขอทดลองโหลดแบบ 32 bit ซึ่งก็คือ i386 นะ

Read More »

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ start/stop dhcp server ทันทีที่เปิด server

พวกเราที่ใช้งาน ubuntu server และที่ติดตั้ง dhcp server เพื่อทำหน้าที่แจกจ่าย IP Address ให้กับเครื่อง client ก็มักจะเลือกใช้ dhcp server ของ ISC (www.isc.org) ซึ่งก็จะติดตั้งได้ง่ายๆผ่านคำสั่ง apt-get install (ผมละคำว่า sudo ที่ต้องใส่นำหน้าคำสั่งเอาไว้ในฐานที่เข้าใจ) แต่เดิมใน ubuntu 10.04 จำได้ว่าวิธีติดตั้ง dhcp server ก็จะใช้คำสั่ง apt-get install dhcp3-server แล้วต่อมาเมื่อเปลี่ยนเป็น ubuntu 12.04 วิธีการติดตั้งก็เปลี่ยนไปเป็น apt-get install isc-dhcp-server คราวนี้ก็มาถึงเรื่องที่อยากมาเล่าสู่กันฟัง คือ พวกเราจะรู้ไม๊ครับว่า หากเราต้องการจะ start หรือ stop dhcp server จะทำอย่างไร และโจทย์ของผมคือ ในการทำ dhcp server ทดสอบผมไม่ต้องการให้ dhcp server มันทำงานทันทีที่เปิดเครื่อง จะต้องทำอย่างไร เราเคยรู้มาว่า อ๋อ ก็ใช้คำสั่ง update-rc.d ถ้าต้องการเปิดใช้งาน ก็สั่ง update-rc.d isc-dhcp-server defaults ถ้าไม่ต้องการให้ทำงานทันทีที่เปิดเครื่อง ก็สั่ง update-rc.d -f isc-dhcp-server remove แบบนี้ เชื่อไม๊ครับว่า หลังจาก reboot เครื่องแล้ว dhcp server มันก็ทำงานอยู่ โดยใช้คำสั่งในการเช็ค คือ ps ax | grep dhcp แสดงผลลัพธ์แบบนี้ mama@ubuntu:~$ ps ax | grep dhcp  2491 ?        Ss     0:00 /usr/sbin/dhcpd -f -q -4 -pf /run/dhcp-server/dhcpd.pid -cf /etc/dhcp/dhcpd.conf eth0 หรือ service isc-dhcp-server status แสดงผลแบบนี้ mama@ubuntu:~$ sudo start isc-dhcp-server isc-dhcp-server start/running, process 2491 เอาหละสิ แล้ว dhcp server มันเปิดขึ้นมาได้อย่างไร ค้นๆดูก็พบว่ามันมีไดเรกทอรี /etc/init/ ที่จะเป็นที่เก็บโปรแกรมสมัยใหม่ที่เรียกกันว่าแบบ upstart แทนการใช้งานแบบ SysVinit (/etc/init.d/) และก็เจอไฟล์ isc-dhcp-server.conf อยู่ใน /etc/init/ เมื่อแก้ไขที่ไฟล์นี้ก็สำเร็จ ใส่ comment “#” เพื่อว่าจะไม่ start เมื่อเปิดเครื่อง (บรรทัดที่4 #start on runlevel [2345]) ก็ลองค้นดูเรื่องราวใน google ก็พบบทความหนึ่ง เรื่อง “What is the difference between /etc/init/ and /etc/init.d/?” ก็ได้คำตอบว่า ปัจจุบันนี้ผู้พัฒนาโปรแกรมบน ubuntu สามารถเลือกใช้ init ได้ 2 แบบ SysVinit กับ Upstart แบบ SysVinit เวลาสั่ง start จะทำดังนี้ /etc/init.d/dhcp3server start แบบ Upstart เวลาสั่ง start จะทำดังนี้ start isc-dhcp-server แบบ SysVinit ตั้งค่าโปรแกรมทำงานเมื่อเปิดเครื่อง แก้ไขด้วย update-rd.d แบบ Upstart ตั้งค่าโปรแกรมทำงานเมื่อเปิดเครื่อง แก้ไขที่ไฟล์ config ใน /etc/init/ ขออนุญาต

Read More »

How to install phpmyadmin and joomla 3.1.5 on ubuntu server 12.04.3 lts

สวัสดีครับ ช่วงนี้ผมได้ลองติดตั้งอะไรหลายๆอย่าง ซึ่งได้ทำเป็นไฟล์ pdf แล้วด้วยบางส่วน แต่ยังไม่เรียบร้อย ซึ่งวันนี้ห่างหายไปนานกับการเขียนบล็อกเนื่องจากไม่ว่างแล้วก็งานยุ่งมาก แต่ก็มีความคิดอยากจะเขียนบทความอยู่นะ พอดีขณะนี้ได้โอกาศเลยขอมาจัดซักหน่อยหนึ่งบทความ โดยในบทความนี้ผมก็เขียนขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์กับการทำงานในคณะเหมือนเดิม คือ เครื่องเซิร์ฟเวอร์เครื่องเก่าเป็น windows 2003 ซึ่งอายุก็มากกว่า 7 ปีแล้ว สภาพเครื่อง cpu ram part มันหมดอายุการผลิตไม่สามารถซื้อมาอัพเกรดเพิ่มได้ จึงต้องเปลี่ยนที่อยู่ให้เว็บไซต์ภายในเครื่องใหม่ คือ ย้ายโฮสต์นั่นแหละครับ คราวนี้เปลี่ยนมาติดตั้ง virtual แทน โดย OS: Ubuntu Server 12.04.3 LTS i386  ตอนแรกว่าจะโหลดแบบ 64 bit มาใช้งานแต่กลัวมันไม่เข้ากับ software ที่จะติดตั้งตัวอื่นๆเลยใช้แบบนี้ไปก่อน  โดยอันดับแรกผมก็ติดตตั้ง ubuntu 12.04.3 LST นะ โดยไม่ได้ใช้แบบสำเร็จรูป โดยตอนเลือกติดตั้ง ผมเลือก  Package  Openssh-server และ  LAMP เพื่อนำมาทำเป็นเว็บเซิร์ฟเวอร์ โดยเมื่อติดตั้งเสร็จแล้ว ลองทดสอบเรียกหน้า localhost หรือเรียกไปที่ ip เครื่องก็จะแสดงสถานะการทำงานว่า It’s Work   apache2 ทำงานได้ ส่วน service ของ mysql ก็ทำงานได้ตามปกติแต่เวลาจะเข้าไปจัดการมันนี่สิ ถ้าไม่มี tool ก็ลำบากหน่อย จึงได้ไปโหลด script authentication ของ อาจารย์ฉัตรชัย จาก share มาใช้งาน   http://share.psu.ac.th/blog/etc/19218  ซึ่งเขียนตั้งแต่ปี 54 ปัจจุบัน 56 แล้วก็ยังใช้งานได้อยู่นะ (ของแกดีจริง ๕๕๕) จากนั้นมาอัพเกรด ubuntu ของเราก่อนโดย 1.  sudo apt-get update 2. จากนั้น ใช้คำสั่งติดตั้ง  phpmyadmin โดย      sudo apt-get install phpmyadmin  ระบบก็จะให้เราเลือกว่าเราจะใช้ host ตัวใหน ระหว่าง apache2 หรือ lighthttp  ถ้าติดตั้ง LAMP ก็เลือก apache2 นะ จากนั้นระบบจะให้เรากรอกรหัสผ่านของ mysql จากนั้นระบบก็จะให้เราตั้งรหัสผ่านสำหรับ root ของ phpmyadmin  และก็ให้เรายืนยันรหัสอีกครั้ง

Read More »

Putty + Xming = Xwindows

สำหรับผู้ใช้งานวินโดวส์ อยากใช้บางโปรแกรมของ Xwindows แต่ไม่อยากเดินไป Log In หน้า Console ต้องมี putty และ xming โหลดที่ ftp://ftp.psu.ac.th/pub/putty สำหรับ 32-bit https://blog.splunk.net/wp/64bit-putty/ สำหรับ 64-bit ftp://ftp.psu.ac.th/pub/xming/ อันนี้ไม่มีแยก โหลดโปรแกรมทั้งสองมาติดตั้งในเครื่องให้เรียบร้อย (next tech) สำหรับ putty สามารถโหลด putty.exe มาไฟล์เดียวก็ได้ เปิด putty และ xming สำหรับ xming เปิดแล้วโปรแกรมจะไปอยู่ที่ Task Bar ที่ Putty ในหัวข้อ Connection -> SSH -> X11 เลือกหัวข้อ Enable X11 forwarding กลับมาหน้า Session ในช่อง Saved Sessions สร้างชื่อใหม่เก็บไว้ใช้เวลาต้องการ ทดสอบใช้งาน ให้เลือกไปที่ X11 Forwarding ที่สร้างไว้ แล้วกด Load แล้วใส่ชื่อ Host Name ที่ต้องการ เมื่อ Log In เรียบร้อยในครั้งแรก จะมีข้อความว่า /usr/bin/xauth: creating new authority file …. ลองเรียกใช้งานโปรแกรมที่ต้องใช้ Xwindows  เช่น gedit จบ … ขอให้สนุกครับ

Read More »

ติดตั้ง LibreOffice 4.1 บน Ubuntu และ Linux Mint

Add repository โดย repository นี้ใช้ได้สำหรับ Ubuntu รุ่น Precise, Quantal, Raring และ Linux Mint ในรุ่นที่เทียบเคียงกัน เช่น ปัจจุบัน Linux Mint 15 ซึ่งเทียบเคียงได้กับ Ubuntu Raring เป็นต้น ด้วยคำสั่ง sudo add-apt-repository ppa:libreoffice/ppa เนื่องจากในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มีไซต์ http://mirrors.psu.ac.th ซึ่งได้ทำการ mirror ไซต์ต่างๆ ที่จำเป็นไว้แล้วส่วนหนึ่ง รวมถึง repository ของ LibreOffice ด้วย ดังนั้น สามารถใช้งานได้ โดยการแก้แฟ้ม /etc/apt/sources.list.d/libreoffice-ppa-raring.list จากเดิม มีอะไรอยู่ให้แก้เป็นดังนี้ โดยหากเป็น Ubuntu รุ่นอื่นๆ ก็ให้เปลี่ยนคำว่า raring เป็นรุ่นที่ใช้งาน สำหรับ Linux Mint ก็ยังคงใช้รุ่นของ Ubuntu ที่เทียบเคียงกันมาเช่น Linux Mint 15 ก็ให้ใช้ของ raring deb http://mirrors.psu.ac.th/ppa/libreoffice/ raring main สั่ง update ฐานข้อมูล software ด้วยคำสั่ง sudo apt-get update สั่ง upgrade software ซึ่ง LibreOffice จะถูก upgrade ไปในคราวเดียวกันโดยอัตโนมัติด้วยคำสั่ง sudo apt-get -y dist-upgrade จบ.. ขอให้สนุกครับ ที่มา     http://www.ubuntuupdates.org/ppa/libreoffice

Read More »