การเก็บพิกัด GPS ด้วย Android device

เป็นแอพสาหรับการออกพื้นที่ภาคสนามเพื่อเก็บพิกัด สามารถใช้ GPS ได้โดยไม่ต้องต่อเน็ต แต่หากจะ share to Maps ต้องอาศัยอินเตอร์เน็ตครับ ชื่อแอพ GPS Status & Toolbox ที่ใช้ฟรี บน Android device เลยคิดว่านำมาแชร์ สำหรับใครที่ต้องการเก็บพิกัด GPS แบบง่ายๆ เพื่อนำมาใช้งานต่อในด้านอื่นๆต่อไป เกริ่นก่อนนิดนึงว่า ปกติแล้วนักภูมิสารสนเทศ หรือผู้ที่ทำงานด้านภูมิสารสนเทศ จะใช้เครื่อง GPS ที่เฉพาะเหมาะกับงาน ซึ่งมีหลายรุ่น หลายยี่ห้อ ทั้งแบบธรรมดาและแบบถ่ายรูปพร้อมฝังพิกัดได้ด้วย ก็มีราคาที่แตกต่างกันไปตามรุ่นและฟังก์ชั่น ดูเพิ่มเติม มาเริ่มต้นใช้งานคร่าวๆ กันเลยดีกว่าคับ 1. เข้า Play Store บน Android ของท่าน > ค้นหา GPS Status & Toolbox > คลิก install 2. เมื่อติดตั้งและเปิดแอพแล้วจะมีหน้าตาแบบนี้ 3. ก่อนใช้แอพ ต้องเปิด GPS ทุกครั้ง 4. เปิดแอพขึ้นมาแล้ว สังเกตว่าระบบจะ loading location เพราะต้องรอให้จับสัญญาณดาวเทียมได้ก่อน *** ส่วนกลมๆที่เห็นเป็นจุดๆ จะแสดงการจับสัญญาณดาวเทียมได้กี่ดวง ความเข้มของสัญญาณแค่ไหน (ยิ่งเยอะดวงก็ยิ่งแม่นยำในการระบุพิกัดมากยิ่งขึ้น) 5. การตั้งค่าต่างๆ ที่จำเป็นของแอพ ไปที่ menu > setting 6. Distance ตั้งค่าหน่วยระยะทาง ใช้เป็น เมตร, กิโลเมตร 7. Speed จะปรับค่าตามการเดินหรือเวลาที่เรานั่งอยู่ในรถ หน่วยเป็น กิโลเมตรต่อชั่วโมง 8. Select format จะให้แสดงค่าเป็น Latitude, Longitude หรือตั้งค่าเป็น UTM เพื่อเอาไปใช้ในโปรแกรม ArcGIS ก็ได้ 9. กลับมาที่หน้าจอหลัก จะแสดงค่าต่างๆ ตามที่ตั้งค่าไว้ 10. ทำการเก็บค่าพิกัด lat, long โดยการแชร์ ให้เปิด menu > share 11. เลือก share ตามที่มือถือเราลงแอพไว้ หรือเลือกส่งออกไปยัง Maps ได้เลย (ในหน้าจอไม่เห็นเพราะอยู่ด้านล่างสุด) 12. สามารถ share พิกัด to email ได้ ซึ่งลิงค์ที่ได้ สามารถเปิดที่เว็บบราวเซอร์ได้เลย โดยจะเป็น Google Map 13. โหมด Radar มีคาสั่ง Mark Location ด้วย และยังสามารถ save target (ค่าแลต-ลอง)ได้อีกด้วย 14. มีคาสั่ง Show on Map ไปยัง Google maps บนมือถือเราได้ด้วย 15. ปรับการแสดงแผนที่เป็นแบบ Satellite *** ได้ภาพที่คมชัดมาก 16. นอกจากนี้ยังสามารถวัดระยะทางได้ *** ตามตัวอย่าง วัดระยะจากถนนปากซอยไปยังจุดพิกัด จะได้ระยะทาง 45 เมตร   นอกจากนี้ แอพยังมีการแสดงต่างๆ อีกมากมาย อาทิเช่น ความสูง-ต่ำของพื้นที่(จากระดับน้ำทะเล) เข็มทิศ เป็นต้น ก็ลองเล่นเพิ่มเติมดูนะคับ ไม่ยาก ^^ หมายเหตุ ความแม่นยำของการระบุค่าพิกัด ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ และพื้นที่ๆ เปิดใช้งาน (ควรอยู่ในที่โล่งแจ้ง เพื่อสะดวกในการจับสัญญาณดาวเทียม  

Read More »

วิธีทำระบบกล้องวงจรปิดที่บ้านแบบประหยัด + ดูผ่าน Internet โดยไม่ต้องทำ Port Forward

อยากมีกล้องวงจรปิดที่บ้านแบบประหยัดงบ เชิญอ่าน … แนวคิด: ใช้งานสิ่งที่มีอยู่ ซื้อเท่าที่จำเป็น บันทึกวิดีโอได้ตามช่วงเวลาที่กำหนด (06:00-18:00) นอกช่วงเวลาบันทึกเฉพาะเมื่อมีความเคลื่อนไหว (Motion Detection) (00:00-06:00) ระบบสามารถลบวิดีโอที่อายุเกินกำหนดได้ และสามารถดูได้จาก Internet โดยไม่ต้องทำ Port Forward (บ้านที่มี ADSL ไม่สามารถ Fix IP ได้ แถมบางค่ายให้ NAT IP มาที่ Router อีก ยิ่งทำยาก) สิ่งที่มีอยู่แล้ว: กล้อง: สามารถใช้งาน Smart Phone เก่าๆ เช่น Samsung Galaxy Mini + ติดตั้งโปรแกรม IPCamera โดย Fix IP: 192.168.2.21       PC: Notebook เครื่องเก่า เป็น Windows 7 ติดตั้งโปรแกรม Open Source ชื่อ iSpy หรือ จะใช้ VLC ก็ได้ (ค่อยเขียนบทความต่อไป สำหรับคนที่จะใช้ Linux Server) Wireless Network: TP-Link TD-W8961ND ซื้อเพิ่ม: กล้อง Network Camera: D-Link DCS-930L ราคา 1,290 บาท โดย Fix IP: 192.168.2.22 เลือกรุ่นนี้เพราะ พื้นที่ที่ต้องการจับภาพไม่จำเป็นต้องมี Infrared ไว้ดูตอนกลางคืน สามารถตั้งเวลาที่จะเชื่อมต่อจาก Internet ได้ (เพื่อความปลอดภัย) ,มี Motion Detect ซึ่งเพียงพอต่อความต้องการแล้ว และ กล้องของ D-Link มีสิ่งที่เรียกว่า mydlink Cloud Access ทำให้สามารถเชื่อมต่อกล้องจาก Internet ได้โดยไม่ต้องทำ Port Forward (หากใครไม่ชอบ ก็ปิดได้) การติดตั้ง: กล้องของ Android ที่ติดตั้ง IPCamera Apps ไป จะสามารถเข้าถึงวิดีโอได้ที่ http://a.b.c.d:8080/video โดยสามารถตั้ง Username/Password ได้ตามต้องการ กล้องของ D-Link DCS-930L เมื่อแกะกล่อง ก็เสียบสายไฟ แล้วไปกดปุ่ม WPS ที่ Router ระบบก็จะเชื่อมต่อกล้องเข้ากับระบบแล้ว หรือถ้าไม่มี WPS ก็ต่อสาย LAN เข้ากับ Port ของกล้อง และ Fix IP ของ Network Card ของคอมพิวเตอร์ ให้เป็น 192.168.0.2 แล้วเปิดเว็บไปที่ http://192.168.0.20 เพื่อเข้าไปบริหารจัดการกล้อง จากนั้น เมื่อจะเข้าถึงวิดีโอได้ที่ http://a.b.c.d/video/mjpeg.cgi โดยสามารถตั้ง Username/Password ได้ตามต้องการ ที่ Router ให้เข้าไปใน Router Configuration เพื่อ Fix IP กับ MAC Address ของกล้อง เป็นอันเรียบร้อย โปรแกรม iSpy: กดปุม Add กล้องตาม URL ที่กล่าวข้างต้น จากนั้น ตั้งค่า Schedule เพื่อกำหนดว่า เวลา 06:00-18:00 ของทุกวัน ให้บันทึกวิดีโอต่อเนื่อง ค่าเริ่มต้นจะบันทึกวิดีโอเป็นไฟล์ ความยาว 15 นาที (900 วินาที) ซึ่งสามารถปรับแต่งได้ตามต้องการ ส่วนเวลา 00:00-06:00 ก็สั่งให้ทำ Motion Detect จับภาพเฉพาะเมื่อมีการเคลื่อนไหว (สามารถระบายตำแหน่งที่ต้องการให้จับความเคลื่อนไหวได้ด้วย) แล้วก็ Save … จบ โปรแกรมนี้สามารถเพิ่มกล้องได้ 32

Read More »

วิธีการใช้งาน ADSL ร่วมกันกับข้างบ้าน

ใครใช้ ADSL หรือ ซื้อ Internet ไว้ใช้งานที่บ้านบ้าง ??? มีราคาตั้งแต่ 590 บาทต่อเดือน (ไม่รวม VAT) ขึ้นไป เมื่อมีแล้วก็ใช้งานได้รวดเร็วทันใจ … แต่คำถามคือ … ใช้งานคุ้มค่าหรือไม่ ??? แล้วจะดีไม๊ ถ้ารู้ว่า ยังใช้ไม่คุ้มค่า แล้วสามารถหารค่าใช้จ่ายร่วมกับข้างบ้านได้ หรือ กรณีบ้านเดียวกันนี่แหล่ะ แต่เป็นบ้านทรงสูงเช่น บ้านเป็นตึกหลายชั้น จะเดินสาย LAN ไปชั้นบนๆก็ไม่สะดวก ไม่สวยงาม สามารถใช้ Solution นี้ได้ (แบ่งสัดส่วนกันตามสะดวกใจ) โจทย์: บ้าน A พบว่า ตัวเองใช้งาน ADSL 10Mbps ไม่ค่อยคุ้ม เลยคุยกับบ้าน B ว่า แบ่งใช้งานกันไม๊ ? บ้าน B ก็พบว่า ตัวเองถ้าติดตั้ง ADSL ใหม่ก็ใช้ไม่คุ้มเช่นกัน จึงหาทางออกร่วมกัน บ้าน A และ B คั่นด้วยถนนหมู่บ้าน กว้าง 10 เมตร ไม่สามารถลากสาย LAN ข้ามมาได้ ส่วน ADSL Router ของ A อยู่กลางบ้าน และปล่อยสัญญาณ WiFi เต็มพิกัด ที่กลางบ้าน B วัดความแรง WiFi ของบ้าน A ได้ -88 dB แต่ถ้ามาที่หน้าบ้านของ B จะวัดได้ -65 dB ซึ่งพอจะไหว แนวคิด: จะใช้เทคนิค WiFi Repeater ด้วย ADSL Router ตัวเก่ารับสัญญาณ WiFi มาแล้วกระจายผ่าน LAN ส่งให้ ใช้ WiFi Router อีกตัว ทำหน้าที่เป็น Access Point อุปกรณ์ที่ใช้ และการตั้งค่า: บ้าน A: 3BB ADSL WiFi Router (Router IP: 192.168.1.1) ตั้ง SSID เป็น AHOME บ้าน B: 1. Xyzel NBG-419N ทำงานในโหมด WISP (Wireless Internet Service Provider) ทำหน้าที่รับสัญญาณ WiFi มากระจายผ่าน LAN (Router IP: 192.168.2.1) และเปิด DHCP Range 192.168.2.2 – 192.168.2.99 จากนั้น เสียบสาย LAN เข้าที่ Port 1 (ถ้าจะให้ตัว Router อยู่ภายในบ้าน ควรซื้อสาย Antenna ยาวสัก 3 เมตร ราคาประมาณ 199 บาท เพื่อให้เสาอากาศไปอยู่นอกบ้าน แล้วเชื่อมสายสัญญาณเข้ามาที่ตัว Router) 2. TP-Link TD-W8961ND เปลี่ยนเป็น Access Point Mode  (Router IP: 192.168.2.100) ตั้ง SSID เป็น BHOME ปิด DHCP Server แล้วเสียบสาย LAN เข้ามาที่ Port 1 ผลการทำงาน:  บ้าน B: เมื่อเชื่อมกับ BHOME จะได้สัญญาณความแรง -50dB ทั้งบ้าน สามารถทดสอบ Speed Test ได้ 7

Read More »

อัพ PHP 5.2 to 5.3

ไม่แน่ใจว่าจะเอามะพร้าวมาขายสวนหรือเปล่านะคับ แต่ก็เผื่อว่าบางท่านเจอปัญหาเดียวกันแล้วแก้ไม่ได้สักที (แบบไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมใหม่หมด) ด้วยตัวเองก่อนหน้านี้ติดตั้ง Apache 2.2 + PHP 5.2 + phpMyAdmin on Windows 8.1 เพื่อใช้งาน Joomla 2.5 แต่เมื่อต้องการจะติดตั้ง Joomla 3 และ Moodle ระบบกลับฟ้องว่าไม่ support PHP 5.2 จะต้องติดตั้ง PHP 5.3.10 ขึ้นไป[1] ด้วยความที่ไม่อยากติดตั้งใหม่ทั้งหมด เลยค้นหาวิธีการอัพ php 5.2 เป็น php 5.3 แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ -_-‘ หลายเว็บมีความซับซ้อนและยุ่งยากสำหรับผมมาก แต่ไปเจอมาเว็บนึง[2] ซึ่งมีวิธีการที่ง่ายมากๆ เลยอยากนำมาแชร์ให้สำหรับท่านไหนที่ประสบปัญหาเหมือนอย่างผม ขั้นตอนการ upgrade  1. เข้าเว็บ http://windows.php.net/downloads/releases/archives/  แล้วคลิกดาวน์โหลด php-5.3.29-Win32-VC9-x86.zip 2. เมื่อดาวน์โหลดไฟล์เสร็จแล้ว ก็ทำการ unzip 3. เปลี่ยนชื่อโฟลเดอร์ เป็น php5 4. copy โฟลเดอร์ php5 5. ไปที่โฟลเดอร์ php5 เวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ที่เราเคยติดตั้งไว้ โดยให้ทำการ rename เป็น php5_old    ในที่นี้จะอยู่ที่ C:\AppServ\ 6. past โฟลเดอร์ php5 ที่ได้จากการ ข้อ 2 และ 3 7. เข้าไปที่ Control Panel > Computer Management> Service เพื่อคลิก restart service ของ Apache2.2  หรือจะคลิกขวาที่ My Computer > Manage > Service ก็ได้เหมือนกันคับ 8. ทำการทดสอบการใช้งานโดย เปิดเว็บเบราเซอร์ แล้วพิมพ์ url : localhost/phpinfo.php จะปรากฏรายละเอียดเกี่ยวกับ php 5.3.29 ที่เราได้ทำการติดตั้ง 9. เสร็จสิ้นกระบวนการ ^^ ปล. Joomla 1.5 และ 2.5 ที่ได้เคยติดตั้งไว้ ก็ยังสามารถใช้งานได้ปกติดีคับ Refer : [1] http://www.joomla.org/technical-requirements.html [2] http://www.websiteadministrator.com.au/articles/install_guides/installing_php535.html

Read More »