Category: Desktop Computer (PC, linux, windows, mac)

  • Quick Analysis ใน Excel 2016 : ชุดคำสั่ง “Formatting”

    จากบทความที่เคยเขียนไปก่อนหน้านี้ เรื่อง แนะนำการใช้เครื่องมือ Quick Analysis ใน Excel 2016 : ชุดคำสั่ง “Text” สำหรับโจทย์ที่เป็นตัวอักษร แต่ครั้งนี้จะมาเล่าต่อของ Quick Analysis ในชุดคำสั่ง “Formatting” เหมือนเดิมนั่นแหละ แต่โจทย์จะเปลี่ยนไปเป็นตัวเลขบ้าง มาดูกันสิว่ามันสามารถทำอะไรได้บ้าง

    สำหรับรอบนี้ได้สมมุติข้อมูลเป็นข้อมูลเวลาการทำงานในแต่ละวันของพนักงานที่ทำงานเป็นกะ เป็นรายชั่วโมง โดยคนคนนี้ทำงาน ได้กี่ชั่วโมงในแต่ละวัน ดังรูป

    มาดูว่าจะมีลูกเล่นอะไรบ้างค่ะ

    ส่วน Data bar เป็นการแสดง Bar หรือแท่งของข้อมูลนั่นเองค่ะ
    ถ้าไม่เห็นภาพ มาปฏิบัติกันดีกว่าค่ะ โดยเลือกช่วงของข้อมูล และเลือก Formatting เลือก Quick Analysis จากนั้นเลือก Data bar ตามขั้นตอนดังรูป

    ผลลัพธ์ที่ได้ ดังรูปด้านล่างค่ะ เป็นการแสดง Bar ให้เห็นถึงปริมาณของชั่วโมงการทำงานนั่นเอง

    ส่วน Greater จะเลือกข้อมูลที่มีข้อมูลที่สูงกว่า ที่เรากำหนด สามารถทำได้ดังนี้ค่ะ
    โดยเลือกช่วงข้อมูลที่ต้องการ เลือก Quick Analysis และเลือก Formatting จากนั้นเลือก Greater จะปรากฎ Dialog ขึ้นมาเพื่อให้ใส่ จำนวนที่จะให้ว่าให้เลือกข้อมูลที่ดีกว่าอะไร ในที่นี้ระบุเป็น “8” จากนั้น จะให้แสดงข้อมูลที่เข้าเงื่อนไขเป็นอย่างไร ในที่นี่เลือกเป็น “Light Red Fill with Dark Red Text” คือให้ cell และอักษร ที่เข้าเงื่อนไขเป็นสีแดง นั่นเอง (สามารถทำตามได้จากรูปด้านล่างค่ะ)

    และผลลัพธ์ คือใน Column C จะทำการ เปลี่ยนสีของ cell และ อักษร เป็นสีแดง สำหรับ วันที่มีการทำงานมากกว่า 8 ชั่วโมงนั่นเอง

    ส่วน Color จะแสดงข้อมูลในลักษณะของสี เพื่อแสดงถึงข้อมูลด้วยสีต่าง ๆ โดยตัวเลขน้อยสุดจะเป็น สีแดง เลขสูงสุดจะเป็นสีเขียว สำหรับข้อมูลตัวเลขกลาง ๆ จะเป็นสีที่แตกต่างออกไป
    มาทำเพื่อให้เห็นภาพดีกว่าค่ะ โดยเลือกช่วงข้อมูล จากนั้นเลือก Quick Analysis และเลือก Color ผลลัพธ์ จะเป็นดังรูปด้านล่างค่ะ

    ค่ะ จากที่แสดงมาทั้งหมด อาจจะพอช่วยให้เห็นภาพ เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในการจัดการข้อมูลด้วย Excel ในมุมต้องการได้นะค่ะ บางครั้งในการทำข้อมูลอาจจะต้องมีการประยุกต์นำเทคนิคนี้นิด อันนี้หน่อยมาช่วยๆ กัน ถึงจะได้ผลลัพธ์ตามต้องการนะค่ะ หวังว่าบทความนี้พอจะเป็นแนวทาง สำหรับผู้อ่านได้บ้าง ไม่มากก็น้อยนะค่ะ…ขอบคุณค่ะ

  • แนะนำการใช้เครื่องมือ Quick Analysis ใน Excel 2016 : ชุดคำสั่ง “Text”

    สำหรับ Excel 2016 ที่เราใช้งานอยู่เป็นประจำในชีวิตประจำวันนั้น มีเครื่องมือที่ช่วยอำนวยความสะดวกมากมาย จนบางครั้งเราจะลืมไปว่า มันสามารถช่วยอำนวยความสะดวกอะไรได้บ้าง สำหรับบทความนี้ จะกล่าวถึงคำสั่ง “Quick Analysis” ซึ่งอาจจะไม่ได้เป็นความรู้ใหม่สำหรับผู้ที่ได้ใช้อยู่เป็นประจำ หรือใช้อยู่แล้ว แต่ก็เพื่อเป็นความรู้ เป็นข้อมูลให้กับสำหรับคนที่ยังไม่เคยใช้แล้วกันนะค่ะ

    ก่อนอื่นเรามาสร้างข้อมูลสมมุติใน Excel ก่อนนะค่ะ ในที่นี้ทำการสร้างข้อมูลตารางการออกกำลังกาย และการพักผ่อน ในเดือนมีนาคมกันค่ะ ตามข้อมูลในรูปนะค่ะ

    การใช้ Quick Analysis ในชุดคำสั่ง “Text”
    ตั้งโจทน์กันก่อน เราจะมาหา Record ที่มีคำที่สนใจกันนะค่ะ
    สามารถทำได้โดย เลือกช่วงของข้อมูลที่ต้องการright click >> ทำการ right click >> เลือก Quick Analysis


    เลือก Formatting >> เลือก Text

    จะปรากฎหน้าจอ เพื่อให้กำหนดเงื่อนไข
    Format cell that contain the text : ให้ระบุคำที่ต้องการหา ในที่นี้ระบุ “Run”
    with : เป็นการดำเนินการ กรณีที่พบข้อมูลตามที่ต้องการ ในที่นี้จะเลือก “Yellow Fill with Dark Yellow Text”
    จากนั้นกดปุ่ม “OK” เพื่อยืนยันเงื่อนไขที่ระบุ

    ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นดังนี้

    ข้อมูลที่มีคำว่า “Run” อยู่ก็จะมีพื้นเป็นสีเหลือง ง่าย ๆ ใช่ไม๊ค่ะ

    สำหรับในชุดคำสั่ง “Formatting” ก็ยังมีคำสั่งอีกนะค่ะ ได้แก่
    Duplicate : หา Record ที่มีข้อความซ้ำกับกัน
    Unique : หา Recored ที่มีข้อความไม่ซ้ำกับ Record อื่น
    Equal To : หา Record ที่มีข้อความเหมือนกับคำที่ต้องการค้นหา ซึ่งจะคล้ายกับคำสั่ง “Text” ต่างกันที่ คำสั่ง “Equal To” จะต้องเหมือนเท่านั้น แต่ “Text” คือมีคำที่ต้องการอยู่ในข้อความ

    เอาแบบเริ่มต้นกันแค่นี้ก่อนนะค่ะ วันหลังจะมาบรรยายในชุดคำสั่งต่อไปให้ดูกันอีกนะค่ะ….ติดตามชมกันนะค่ะ

  • Protect Windows Computer LAB using Toolwiz Time Freeze and Cygwin

    Toolwiz Time Freeze เป็น open source software freeware ติดตั้งเพิ่มใน Windows 10 สำหรับจัดการเครื่องคอมพิวเตอร์ในห้องบริการ ซึ่งจะทำให้เมื่อ restart เครื่อง จะกลับคืนสู่สภาพเหมือนครั้งที่ติดตั้งเสร็จไว้ให้บริการในตอนแรก Toolwiz Time Freeze ไม่ได้ให้ซอฟต์แวร์ควบคุมรวมศูนย์กลางแบบโปรแกรมอื่นประเภทเดียวกันนี้ เราจะต้องทำการเดินไปปลด Lock ที่หน้าเครื่อง Windows ทีละเครื่องเอง แต่อย่างไรก็ตาม Toolwiz Time Freeze ก็ให้คำสั่งรันแบบ command line มาด้วย

    http://www.toolwiz.com/lead/toolwiz_time_freeze.php

    ผมจึงลองเสนอไอเดีย วิธีใช้ linux ubuntu ในการควบคุมไม่ต้องเดินไปทำหน้าเครื่อง นั่นคือ ใช้คำสั่ง ssh ในการรัน ToolwizTimeFreeze.exe ด้วย option /freeze หรือ /freezealways หรือ unfreeze

    หลักการคร่าว ๆ
    ซอฟต์แวร์ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ที่จะให้บริการ
    1.ติดตั้ง Windows 10
    2.login เข้าใช้งานด้วยบัญชีผู้ใช้ (user) สิทธิเทียบเท่า Administrator
    3.ติดตั้ง Cygwin for Windows จะได้ Linux emulator โดยเลือกติดตั้ง service sshd ทำงานอัตโนมัติเมื่อเปิดเครื่อง Windows
    4.ติดตั้ง Toolwiz Time Freeze ตั้ง Lock พร้อมตั้งค่า password ป้องกันการเปิดเข้าโปรแกรม

    ซอฟต์แวร์ที่เครื่องของ admin ผู้ดูแล
    1.ติดตั้ง Ubuntu server หรือ Desktop เพิ่ม 1 เครื่อง เพื่อที่จะสร้าง ssh key ด้วยคำสั่ง sshkeygen จะได้ key file ชื่อ id_rsa.pub และ id_rsa.key อยู่ในไดเรกทอรี .ssh
    2.ทำขั้นตอนส่ง id_rsa.pub ไปใส่เพิ่มต่อท้ายไฟล์ authorized_keys ของ user ที่ติดตั้ง Cygwin for Windows 10
    3.ตอนนี้ เราจะสามารถ ssh user@ip (IP ของ Windows 10) ได้แล้วโดยไม่มีการถาม password ทดสอบดู

    เมื่อต้องการปลด Lock (Unfreeze) Windows 10 ก็ใช้คำสั่งนี้ได้
    คำสั่งเขียนต่อกันเป็นบรรทัดเดียว

    ssh -o UserKnownHostsFile=/dev/null -o StrictHostKeyChecking=no $user@$ip  "/cygdrive/c/Program\ Files/Toolwiz\ Time\ Freeze\ 2017/ToolwizTimeFreeze.exe /unfreeze /usepass=$password" > /dev/null 2>&1 &

    โดยให้แทนที่ $user ด้วย ชื่อบัญชีผู้ใช้ที่ติดตั้ง Cygwin ให้แทนที่ $ip ด้วยไอพีแอดเดรสของ Windows 10 และให้แทนที่ $password ด้วย password ของโปรแกรม Toolwiz Time Freeze

    เมื่อรันคำสั่งนี้แล้ว Windows 10 จะ restart เมื่อตรวจสอบดูจะพบว่า Toolwiz Time Freeze อยู่ในสถานะ unprotect

    เมื่อต้องการ Protect Windows 10 (Freeze) ก็ใช้คำสั่ง 3 คำสั่งนี้ ต้องทำตามลำดับ คำสั่งเขียนต่อกันเป็นบรรทัดเดียว

    คำสั่งที่ 1/3

    ssh -o UserKnownHostsFile=/dev/null -o StrictHostKeyChecking=no $user@$ip "/cygdrive/c/Program\ Files/Toolwiz\ Time\ Freeze\ 2017/ToolwizTimeFreeze.exe /freeze /usepass=$password" > /dev/null 2>&1 &

    คำสั่งที่ 2/3

    ssh -o UserKnownHostsFile=/dev/null -o StrictHostKeyChecking=no $user@$ip "/cygdrive/c/Program\ Files/Toolwiz\ Time\ Freeze\ 2017/ToolwizTimeFreeze.exe /freezealways /usepass=$password" > /dev/null 2>&1 &

    คำสั่งที่ 3/3

    ssh -o UserKnownHostsFile=/dev/null -o StrictHostKeyChecking=no $user@$ip "shutdown -r -f -t 0" > /dev/null 2>&1 &

    เมื่อรันคำสั่งนี้แล้ว Windows 10 จะ restart เมื่อตรวจสอบดูจะพบว่า Toolwiz Time Freeze อยู่ในสถานะ protect

    ดังนั้น หากเรานำคำสั่งเหล่านี้มาเรียงเข้าเป็น shell script หรือ scripting language ที่ call คำสั่ง ssh ได้ ก็จะทำให้เราสั่ง Lock และ ปลด Lock เครื่องจำนวนมากได้อย่างง่ายขึ้น

    การ Lock หรือ Unlock ด้วย script จะมี process stopped ของ ssh ที่ไปสั่ง Toolwiz ให้ลบ process ด้วยวิธีนี้

    ps a | grep Toolwiz | awk '{print $1}' | xargs kill -9 > /dev/null 2>&1

    หมายเหตุ (ข้างล่างนี้คือตัวอย่าง)

    1.คำสั่งที่แนะนำ อ้างถึง path ที่ใช้ในการติดตั้งโปรแกรมแบบ default คือ

    c:\Program Files\Toolwiz Time Freeze 2017

    2.การตั้งค่าในโปรแกรม Toolwiz Time Freeze

    Download จาก ftp server โดยใช้ไฟล์นี้ Setup_TimeFreeze.exe

    ขั้นตอน installation จะมีตัวเลือกที่เป็นค่า default
    Use disk caching for the Time Freeze Engine (MB.): 5120 (ตัวเลขนี้คงต้องทดสอบกันเอาเอง)
    [ ] Enable Time Freeze on your system partition (C:) every time:
    [/] Disable Time Freeze while in Windows Safe-mode.
    [ ] Enable Password Protection

    ขั้นตอนตั้งค่า จะมีตัวเลือกที่ผมได้ทดลองใช้
    แท็บ Toolwiz Time Freeze
    In Time Freeze mode, your system will be protected from any changes. ให้คลิกปุ่ม Start Time Freeze
    [/] Enable Time Freeze automatically when Windows starts.
    [/] Enable Folder Exclusion when Time Freeze is ON
    และเลือกบาง folder ให้เก็บไฟล์ได้ เช่น c:\mywallpaper

    แท็บ Setting and Help
    [/] Enable Password Protection for the control
    [ ] Hide the tray icon
    [ ] Show toolbar on your Desktop

    3.การตั้งค่า Cygwin for Windows ให้มี service sshd

    ขั้นตอนติดตั้งโปรแกรม Cygwin
    login ด้วย user ชื่อ Administrator หรือ login ด้วย user ที่มีสิทธิเทียบเท่า Administrator ก็ได้
    ติดตั้ง cygwin ให้คลิกขวาที่ Link ข้างล่างนี้และเลือก Save as เพื่อ download ไว้ แต่ไม่ต้องสั่งรัน
    ไฟล์สำหรับ Windows 64 bit http://cygwin.com/setup-x86_64.exe
    แล้วออกไปที่ Windows CMD แบบ Run as Administrator
    ให้ทำคำสั่ง ณ ตำแหน่งโฟลเดอร์ที่ download ไฟล์ เช่น Downloads ดังนี้

    cd %HOMEPATH%/Downloads 
    setup-x86_64.exe -q -s http://mirrors.psu.ac.th/cygwin -P openssh,curl,wget,dialog,vim 

    หรือ

    cd %HOMEPATH%/Downloads 
    setup-x86_64.exe -q -s http://cygwin.mirror.constant.com/ -P openssh,curl,wget,dialog,vim 
    

    รอนานสักนิด เมื่อเสร็จจะมีข้อความ Ending cygwin install ให้กด Enter

    ขั้นตอนติดตั้ง script เพื่อจัดการเรื่องควบคุมเครื่อง
    เปิดโปรแกรม Cygwin Terminal แบบ Run as Administrator เพราะว่าจะมีการเข้าไปแก้ registry

    การตั้งค่า cygwin เพื่อจัดการเรื่องควบคุมเครื่อง ทำดังนี้

    wget -N ftp://ftp.psu.ac.th/pub/psu12-sritrang/cygwin/cygwin-config-sshd.sh
    bash -o igncr cygwin-config-sshd.sh

    script ติดตั้งจะถามยืนยันว่าจะติดตั้ง ให้กด y และ Enter
    จะเริ่มต้นด้วย
    (1)การติดตั้ง user ชื่อ cyg_server ให้ตั้ง password
    (2)program จะ run ไปเรือย ๆ จนเสร็จ (จะมีแวะระหว่างทาง ให้ใส่ password = ให้ใส่ตัวเดียวกับข้อ (1) (การติดตั้ง user ชื่อ cyg_server) และจะมีถาม reenter = ใส่ซ้ำอีกครั้งให้เหมือนกัน) Cygwin3.0.7(14พ.ค.62)ไม่มีหยุดถาม password แล้ว
    (3)program จะมาหยุดที่คำถาม Cygwin3.0.7(14พ.ค.62)ไม่มีหยุดถามแล้ว
    Warning: Registering the Cygwin LSA authentication package requires administrator privileges! You also have to reboot the machine to activate the change.
    Are you sure you want to continue? (yes/no)
    ให้ตอบ yes
    (4)เมื่อเสร็จจะมีข้อความ cygwin-config-sshd.sh finished เมื่อเสร็จจะออกสู่ prompt

    การตรวจสอบ cygwin มี sshd พร้อมให้บริการให้ทำดังนี้
    ให้ reboot Windows หลังจากติดตั้ง cygwin เพื่อให้มีการ start service sshd ขึ้นมาก่อน
    ให้ login ด้วย user สิทธิ Administrator
    เปิด program cygwin64 terminal โดยคลิกขวาเลือก Run as Administrator
    พิมพ์คำสั่ง ssh 127.0.0.1 ผลลัพธ์จะต้องมีคำถามให้ตอบ Yes และ ถาม password

    ในกรณี cygwin มีปัญหา ให้ทำดังนี้
    ให้ login ด้วย user สิทธิ Administrator
    เปิด program cygwin64 terminal โดยคลิกขวาเลือก Run as Administrator
    รัน script cygwin-uninstall.sh ดังนี้
    bash -o igncr cygwin-uninstall.sh
    ออก (exit) จาก cygwin terminal
    แล้วเข้า Windows Explorer ลบ c:\cygwin64 ทิ้ง
    ต่อไปก็ย้อนไปทำการติดตั้ง (reinstall) cygwin ใหม่ จนเสร็จ

    References:

  • How to install Office Professional Plus 2019 in PSU

    • สามารถ download ได้จาก https://licensing.psu.ac.th
    Office Professional Plus 2019
    • ล็อคอินเข้าระบบให้เรียบร้อย
    • เมื่อเปิดหน้าของ Office Professional Plus 2019 เลื่อนลงมาล่างสุดจะมีให้ Download อยู่ 2 ส่วน
    Download
    • โดย Office pro plus 2019 setup คือส่วนที่จำเป็นต้องโหลด และสามารถเลือกโหลด Configuration Setup ได้ตามภาษาและสถาปัตยกรรมที่ต้องการ
    • เมื่อโหลดเสร็จแล้ว ติดตั้งโดยการเปิด cmd เรียกใช้ cmd ด้วยการกด windows+R
    • การติดตั้ง Office Professional Plus 2019 จะเป็นการติดตั้งผ่านอินเตอร์เน็ตเท่านั้น
    Run cmd
    cmd
    • พิมพ์ cd ไปยังโฟลเดอร์ที่ดาวน์โหลดทั้งสองไฟล์ไว้ (ในตัวอย่างโหลดไฟล์ไว้ที่ Desktop)
    Download location
    • พิมพ์คำสั่งดังต่อไปนี้ โดยเลือกตามรุ่นและสถาปัตยกรรมที่เลือก
    1. o2019proplussetup.exe /configure o2019proplus32en.xml
    2. o2019proplussetup.exe /configure o2019proplus32th.xml
    3. o2019proplussetup.exe /configure o2019proplus64en.xml
    4. o2019proplussetup.exe /configure o2019proplus64th.xml
    Setup command
    • จะมีหน้า User control ให้ตอบ Yes แล้วจะได้หน้าต่างติดตั้งขึ้นมา
    Installing
    • รอจนเสร็จ
    installation is finished!
    Finish
    • เปิด Microsoft word สร้างเอกสารใหม่
    Blank document
    • คลิกเมนู File แล้วเลือก account
    Account
    • มองไปด้านขวาในส่วนของ Product Information หากยังไม่มีข้อความว่า Product Activated ให้คลิก Change Product key
    Product Information
    • ให้นำคีย์จากเว็บ https://licensing.psu.ac.th มาใส่แล้วกด Activate Office
    • ต้องเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตให้เรียบร้อยก่อนทำขั้นตอนนี้
    Activate Office
    • สำหรับผู้ใช้ทั่วไปจบเพียงเท่านี้ ขอให้สนุก
    • สำหรับ Power Users และคนที่ต้องการใช้ Office ภาษาอื่นๆ มากกว่าภาษาไทย และ ภาษาอังกฤษ
    • หากเปิดดูในแฟ้ม o2019proplus64en.xml จะมีส่วนที่แก้ไขได้
    <Configuration>
      <Add SourcePath="https://bahamut.psu.ac.th/office2019-64" OfficeClientEdition="64"
     Channel="PerpetualVL2019">
          <Product ID="ProPlus2019Volume" PIDKEY="NMMKJ-6RK4F-KMJVX-8D9MJ-6MWKP">
             <Language ID="en-us" />
          </Product>
          <Product ID="ProofingTools">
            <Language ID="th-th" />
          </Product>
      </Add>
      <Property Name="AUTOACTIVATE" Value="1" />
      <Display Level="Full" AcceptEULA="TRUE" />  
      <Logging Level="Standard" Path="%temp%" /> 
    </Configuration>
    </code>
    • ได้แก่ SourcePath และ Language ID
    • โดยค่าที่เป็นไปได้ของ SourcePath คือ โฟลเดอร์ปลายทางที่จะได้เป็นที่เก็บตัวติดตั้ง Office Professional Plus 2019 เช่น d:\download ซึ่งแปลว่าโหลดตัวติดตั้งมาเก็บไว้ที่ d:\download
    • และค่าที่เป็นไปได้ของ Language ID ได้แก่ รหัสภาษาที่ไมโครซอฟท์กำหนดโดยสามารถดูได้ที่ https://docs.microsoft.com/en-us/DeployOffice/office2016/language-identifiers-and-optionstate-id-values-in-office-2016
    • ตัวอย่างไฟล์ที่แก้เสร็จแล้ว
    <Configuration>
      <Add SourcePath="d:\download" OfficeClientEdition="64" 
    Channel="PerpetualVL2019">
          <Product ID="ProPlus2019Volume" PIDKEY="NMMKJ-6RK4F-KMJVX-8D9MJ-6MWKP">
             <Language ID="ja-jp" />
          </Product>
          <Product ID="ProofingTools">
            <Language ID="ja-jp" />
          </Product>
      </Add>
      <Property Name="AUTOACTIVATE" Value="1" />
      <Display Level="Full" AcceptEULA="TRUE" />  
      <Logging Level="Standard" Path="%temp%" /> 
    </Configuration>
    </code>
    • วิธีใช้งานให้พิมพ์คำสั่งต่อไปนี้ใน cmd
    o2019proplussetup.exe /download o2019proplus64en.xml
    download
    • จะค้างอยู่จนกว่าจะ download เสร็จ
    downloading
    • เมื่อ download เสร็จแล้วสามารถพิมพ์คำสั่งต่อไปนี้ใน cmd เช่นเดิม เพื่อเริ่มกระบวนการติดตั้ง แบบที่กล่าวมาแล้ว
    o2019proplussetup.exe /configure o2019proplus64en.xml
    • จบขอให้สนุกครับ
  • การนำเสนอรูปภาพให้น่าสนใจใน Power Point ด้วย Slide master

    ตามหัวข้อเลยนะคะ อาจเป็นเรื่องที่หลาย ๆ คนทราบอยู่แล้ว ถือว่าเป็นการทบทวนแล้วกันนะคะ มาดูกันเลย

    การสร้าง Logo ให้กับทุกหน้าใน slide

    ปัญหา : ถ้าเราต้องมาจัดวางโลโก้อยู่เองทีละหน้าก็ต้องใช้เวลาในการจัดตำแหน่ง ถึงแม้จะ Copy ได้ก็เถอะ Slide master ช่วยได้ค่ะ

    1.ไปที่แท็บเมนู View –> Slide Master คลิกขวาที่แท็บด้านซ้ายเลือก Insert Layout

    2.ไปที่แท็บเมนู Insert –> Picture เลือกรูปที่ต้องการ

    3.จากนั้นเลื่อนกล่อง Picture มาบริเวณที่เราต้องการแสดงโลโก้ ในที่นี้เลื่อนมาบริเวณมุมขวาบน

    4.คลิกขวาที่ Slide ที่กำลังจัดทำ Rename Layout เพื่อแก้ไขชื่อ Layout

    5.ไปที่แท็บ Slide Master –> Close Master View

    6.ที่แท็บ Home –> New Slide –> Custom Logo Layout

     

    7.คลิกขวา New Slide ก็จะได้ Layout ที่มีโลโก้ตามต้องการ

    การสร้างหน้าสำหรับแนะนำตัว

    1.ไปที่แท็บเมนู View –> Slide Master คลิกขวาที่แท็บด้านซ้ายเลือก Insert Layout

    2.ไปที่แท็บ Slide Master –> Insert Placeholder –> Picture

    3.ไปที่แท็บ Format –> Edit Shape –> Change Shape –> Oval เพื่อเปลี่ยน Shape ตามต้องการ

    4.ไปที่แท็บ Insert –> Shapes –> Line เพื่อสร้างเส้นแบ่งระหว่างรูปภาพและเนื้อหา

    5.ไปที่แท็บ Slide Master –> Insert Placeholder –> Text เพื่อใส่เนื้อหา

    6.คลิกขวาที่ Slide ที่กำลังจัดทำ Rename Layout เพื่อแก้ไขชื่อ Layout

    7.ไปที่แท็บ Slide Master –> Close Master View

    8.ที่แท็บ Home –> New Slide –> Custom Layout

    1. สามารถเพิ่มรูปภาพและพิมพ์ข้อความเนื้อหาเข้าไปตามต้องการ โดยมีรูปแบบตาม Custom Layout ที่ได้ออกแบบไว้

    การนำเสนอรูปภาพจำนวนหลาย ๆ รูปใน 1 slide ให้น่าสนใจ

    1.ไปที่แท็บเมนู View –> Slide Master คลิกขวาที่แท็บด้านซ้ายเลือก Insert Layout แล้วลบ Label ต่าง ๆ ออกให้หมด

    2.ไปที่แท็บ Slide Master –> Insert Placeholder –> Picture

    3.ลากวางในตำแหน่งตามต้องการ

    4.คัดลอก Picture อันที่ทำเรียบร้อยแล้วมาวางต่อ ๆ กันแล้วปรับขนาด ดังรูป

    5.ไปที่แท็บ Slide Master –> Close Master View

    6.ที่แท็บ Home –> New Slide –> Custom Layout

    7.สามารถเพิ่มรูปตามต้องการได้ และสามารถเพิ่มรูปโดยไม่ตรง Resize ขนาด ไม่ต้องปรับอะไร

    วันนี้แค่นี้ก่อนแล้วกันนะคะ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ

  • เปลี่ยน font หัว column ใน Excel ง่ายๆ

    วันนี้ทางผู้เขียนขอเริ่มต้นปีงบประมาณใหม่ ด้วยบทความอันแสนสั้น และเป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย

    ซึ่งสามารถทำตามได้ง่ายๆ เกี่ยวกับเจ้าตัว Microsoft Excel นี่แหละ ปะ! … เรามาเริ่มเลยละกัน

    สำหรับคนที่ใช้ Excel กันอยู่แล้ว หลายๆ คนอาจจะเคยสงสัยเหมือนผู้เขียน ว่ารูปแบบตัวอักษร

    ที่อยู่บนหัวตารางเนี่ย เราสามารถเปลี่ยนมันได้มั้ย เปลี่ยนเป็นตามแบบที่เราชอบได้รึเปล่า ???

     

    จริงๆ แล้วรูปแบบของหัวตาราง มันคือรูปแบบที่เรียกว่า Normal Style นั่นเอง ซึ่งนั่นก็หมายความว่า

    ถ้าเราไปเปลี่ยนเจ้า Normal Style ตัวนี้ รูปแบบหัวตารางของเราก็จะเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย…จริงมั้ย

     

    คำถามถัดมาละ … แล้วเราจะไปเปลี่ยนเจ้า Normal Style ตัวนี้ได้ยังไง ไปตรงไหน เลือกอะไร ???

    วันนี้ขอเขียนขั้นตอนการเปลี่ยน Normal Style แบบง่ายๆ กลั้นหายใจไม่ถึง 10 วิ ก็เสร็จละ ปะ ลุยยย !

     

    Step 1. ขาดไม่ได้เลยนะขั้นตอนนี้ …. เปิด Excel ก่อนเลย แหะๆ พอเปิดแล้วก็จะได้มาประมาณนี้

    (สังเกตจากที่จากรูป แบบ Normal Style ตัวอักษรหน้าตาก็จะพื้นๆ เรียบๆ นิดหน่อย)

     

     

     

     

     

     

     

     

    Step 2. ให้คลิกขวา ตรงรูปแบบที่ชื่อว่า Normal จากนั้น ให้เลือก Modify… ตัวอย่างตามรูปที่ 2 เลยนะ

     

     

     

     

     

     

     

     

    Step 3. จะปรากฏหน้าต่างเล็กที่ชื่อว่า Style ขึ้นมา ให้เราคลิกเลือกปุ่ม Format… ไปได้เลย

     

     

     

     

     

     

     

     

    Step 4. หลังจากเลือก Format… แล้ว Excel ก็จะแสดงหน้าต่าง Format Cells ขึ้นมา ให้เราเลือกรูปแบบ

    ของ Font, Style, Size หรืออื่นๆ ตัวอย่างตามรูปด้านล่างเลยนะทุกคน เมื่อเราเลือกเรียบร้อยแล้วก็กด OK และ OK

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    Step 5. เมื่อกด OK จนครบแล้วก็จะเห็นรูปแบบ Font ตัวอักษรตรงหัว Column เปลี่ยนไป ตัวอย่างตามรูปเลยจ๊ะ

    แท่น แท่น แท๊นนนนนนนน …. เย้ Font เปลี่ยนแล้ววววว !!

     

     

     

     

     

     

     

     

    เป็นยังไงกันบ้าง ง่ายมั้ย ง่ายเนอะ คลิกไปคลิกมา ปุบปับๆ ก็เสร็จละ ซึ่งเจ้าตัว Normal Style ตัวนี้ที่เราเปลี่ยน

    เมื่อไหร่ที่เราเปิดไฟล์ใหม่ Style เหล่านี้ก็จะกลับมาเป็นปกติเหมือนเช่นเดิมน๊าาาาา สบายใจได้ สำหรับครั้งนี้

    ผู้เขียนขอขอบคุณทุกคนที่เผลอคลิกเข้ามาอ่านนะ 55+ หวังเป็นอย่างยิ่งว่ามันจะมีประโยชน์ให้กับผู้อ่านไม่มากก็น้อย

    ***************************************************************************************************************

    แหล่งข้อมูลอ้างอิง

    –> http://www.inwexcel.com/10-excel-secrets/

  • วิธีแก้ไข Excel เปิดไฟล์ CSV แล้วอ่านภาษาไทยไม่ออก

    ผู้ใช้จะใช้คำประมาณว่า “เป็นภาษาต่างดาว” เอ่อ … ภาษาต่างดาวเนี่ยเป็นไงครับ ? อย่างคนเขียนคำว่า “私はあなたを愛している” ทำไมเราถึงรู้ว่า นี่คือภาษาญี่ปุ่น หรือ “我愛你”  ทำไมเราถึงรู้ว่า นี่เป็นภาษาจีน หรือ “Я люблю тебя” เป็นภาษารัสเซีย

    เปลี่ยนเป็นคำว่า “เป็นภาษาที่อ่านไม่ออก” หรือ “ไม่ออกมาเป็นภาษาไทย” จะถูกต้องกว่านะครับ

    ปัญหา

    ผู้ใช้เปิดไฟล์ที่แน่ใจได้ว่า Export จากระบบมาเป็น Unicode/UTF-8 แน่นอน

    สังเกต Column F

    เหตุ

    Microsoft Excel เค้าจะ Default ใช้ Charset เป็น Windows-874

    วิธีการแก้ไข

    สร้างไฟล์ Excel ใหม่

    คลิกเมนู Data -> From Text/CSV
    (ของใครเมนูภาษาไทย เทียบเคียงเอาเองนะครับ)

    เลือกไฟล์ CSV ที่ต้องการ เบื้องต้นตอนจะ Import จะได้เห็นสิ่งที่ Excel ทำ คือ Default เป็น Windows-874

    ต่อไป เปลี่ยนที่ File Origin เป็น Unicode/UTF-8
    หรือ แล้วแต่ที่ต้นทาง Export มา

    ก็จะได้ ภาษาไทยสวยงาม

    เมื่อคลิก Load ก็จะได้ข้อมูลที่เป็น “ภาษาไทย” อ่านออกแล้ว

    หวังว่าจะเป็นประโยชน์ครับ

  • การสร้างฟอร์มกรอกข้อมูลใน Word

    เราอาจจะสร้างฟอร์มเพื่อส่งให้ผู้อื่นกรอกเอกสาร ตามฟอร์มที่เราออกแบบไว้ โดยจะต้องไปเรียกใช้ Develper ที่แถบ Ribbon โดยไปที่เมนู File –> Options –> Customize Ribbon เลือก Develper ดังรูป

    จะเห็นว่ามีแถบ Developer ปรากฏอยู่

    เรามาเริ่มสร้างฟอร์มกัน ในที่นี้จะสร้างฟอร์มเล็ก ๆ ดังรูป

    จากนั้นคลิกแถบ Developer แต่ละ Control ที่จะนำมาใช้ แต่ละตัวทำหน้าที่อะไรบ้าง

    • หมายเลข 1 เป็นข้อความที่สามารถจัดรูปแบบได้
    • หมายเลข 2 เป็นข้อความที่กรอกอิสระ
    • หมายเลข 3 เป็นการแทรกรูปภาพ
    • หมายเลข 4 เป็นฟิลด์รายการที่มีตัวเลือก สามารถเลือกได้
    • หมายเลข 5 เป็นการแทรกฟิลด์แบบมีตัวเลือก เช่นเดียวกับหมายเลข 4
    • หมายเลข 6 เป็นรูปแบบวันที่ให้เลือก

     

    จากนั้นเมื่อเรารู้จักหน้าที่ของแต่ละ Control แล้ว เราก็เลือกใช้ให้ตรงกับความต้องการ โดยในส่วนของตำแหน่ง เราจะใช้ Combo box เมื่อคลิก Combo box  1 ครั้งให้ไปเลือกที่ Properties จากนั้นจะปรากฏดังรูป

    เมื่อเรียบร้อยแล้วจะได้ดังรูป

    เพื่อป้องกันการแก้ไขข้อความหัวข้อ คือให้กรอกได้เฉพาะข้อมูลที่มีช่องให้กรอกเท่านั้น โดยไปที่แถบ Developer –> Restrict Editing จะแสดงดังรูป

    จากนั้นที่ข้อ 2 ให้ติ๊กเลือกและกำหนดเป็น Filling in forms เพื่อป้องกันการแก้ไขข้อความ แล้วคลิกปุ่ม “Yes, Start Enforcing Protection” จะแสดง Dialog ดังรูป

    ระบุ Password ที่จะใช้ป้องกันการแก้ไขข้อความ จากนั้นคลกปุ่ม “OK” จากนั้นลองไปคลิกที่หัวข้อจะไม่สามารถแก้ไขข้อความได้ จะแก้ไข/กรอกได้เฉพาะที่ให้กรอกข้อมูลนั้น

     

     

     

     

     

     

  • สร้าง Barcode แบบง่ายๆ ด้วย Word

    ถ้าพูดถึงการสร้าง Barcode ในปัจจุบันก็จะมีมากมายหลายวิธี แล้วแต่เราจะเลือกใช้ แต่สำหรับ Blog นี้ผู้เขียนจะขอแนะนำการสร้าง Barcode แบบง่ายๆ ใช้เวลาไม่นาน โดยที่เราไม่ต้องเพิ่มโปรแกรมเสริม หรือใช้โปรแกรมอื่นๆ เข้ามาช่วยเลย ขอแค่มี Microsoft Word version 2013 หรือ 2016 ในเครื่อง … เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว 🙂

     

    มาทำความรู้จัก ระบบบาร์โค้ด (Barcode System) กันหน่อย 

    ระบบบาร์โค้ด หมายถึงการใช้สัญลักษณ์บาร์โค้ดบ่งชี้ไปยังข้อมูลตัวเลขหรือตัวอักษร และประยุกต์ต่อยอด โดยการนำตัวเลขหรือตัวอักษรเหล่านั้นบ่งชี้ไปยังสิ่งต่างๆ เช่น สินค้า (Product), วันหมดอายุ (Expiration date), บุคคล (Person), URL Website เป็นต้น ซึ่งจะมี 2 ประเภทหลักคือ 1 Dimension และแบบ 2 Dimension

     

    *สำหรับคำสั่งในการสร้างบาร์โค้ด DISPLAYBARCODE ใน Blog นี้ที่เราจะพูดถึงนั้น จะรองรับบาร์โค้ดแบบต่างๆ ดังนี้ QR, CODE128, CODE39, JPPOST, EAN, JAN, UPC, ITF14, NW7, CASE

     

    ขั้นตอนที่ 1 : เปิดโปรแกรม Word ขึ้นมา

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ขั้นตอนที่ 2 : กดปุ่ม Ctrl + F9 จากนั้นเราก็จะเห็นวงเล็กปิดเปิดเพิ่มเข้ามาใน Word ของเรา

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ขั้นตอนที่ 3 : พิมพ์คำสั่งตาม DISPLAYBARCODE ลงไปในวงเล็บ ตัวอย่างคำสั่งเช่น

    DISPLAYBARCODE “https://sis.psu.ac.th” QR \q 3

     

     

     

     

     

     

     

     

    ขั้นตอนที่ 4 : จากนั้นคลิก Alt + F9 เพื่อดูผลลัพธ์ แท่น แท๊นนน เท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อย

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    *ขออธิบายความหมายของแต่ละส่วนในคำสั่งสักนิดนึง เพื่อให้ผู้ใช้ได้เข้าใจง่ายขึ้น สำหรับส่วนแรก

     

    DISPLAYBARCODE   — คือคำสั่งที่เราจะใช้

    “https://sis.psu.ac.th” — เป็นข้อมูลที่เราจะใส่ในบาร์โค้ด ให้ใส่ไว้ภายในเครื่องหมาย ” ”

    QR — เป็นคำสั่งที่ระบุว่าสร้างบาร์โค้ดแบบ QR หากต้องการแบบอื่นเช่น CODE128 ก็เปลี่ยนได้

    โดยให้อิงตามรหัสบาร์โค้ดที่รองรับ

    \q 3  — เป็นการกำหนด Error correction level สำหรับใน QR code เท่านั้น

    หมายเหตุ : ระดับการแก้ไขข้อผิดพลาดของข้อมูล (Error Correction Level) คือ ความสามารถในการกู้คืนข้อมูลที่เสียหาย สามารถกำหนดได้ 4 ระดับ ดังนี้ L=7%, M=15%, Q=25%, H=30% ซึ่งการกำหนดในระดับที่สูงขึ้นจะมีผลทำให้ขนาดของ QR Code เพิ่มขึ้น

     

    เป็นยังไงกันบ้างเอ่ย ง่ายๆ ไม่กี่ขั้นตอนเองใช่มั้ย สำหรับ Blog นี้ผู้เขียนก็จะนำเสนอแบบสั้นๆ ง่ายๆ แต่หากผู้ใช้ท่านไหนต้องการศึกษาแบบละเอียด อย่างลึกซึ้งในส่วนอื่นๆเพิ่มเติมก็สามารถศึกษาเพิ่มเติมหรือดู syntax ได้ที่ MSDN.MICORSOFT

    เจอกันใหม่รอบ TOR หน้าเน้อผู้อ่านทุกคน แฮ่ …

    ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลอ้างอิง

    • https://msdn.microsoft.com/en-us/library/hh745901%28v=office.12%29.aspx?f=255&MSPPError=-2147217396
    • https://www.scandit.com/types-barcodes-choosing-right-barcode/