การแต่งภาพให้มีมิติด้วย PowerPoint

วันนี้มานำเสนอการแต่งภาพง่าย ๆ โดยไม่ต้องใช้โปรแกรมตกแต่งภาพ แค่มีโปรแกรมนำเสนอผลงานอย่าง Power Point ก็สามารถทำได้ไม่ยากเลย โดยวันนี้ขอเสนอการแต่งภาพให้มีมิติ ไปดูกันเลยจร้า 1.เปิดโปรแกรม Power point จากนั้นไปที่เมนู Insert คลิก Pictures เลือกภาพที่ต้องการ 2.คลิกที่ภาพที่ Insert เข้ามา จากนั้นกด ctrl ค้างไว้ แล้วลากภาพออกมา จะได้เพิ่มขึ้นมาอีกภาพนึง 3.เอาภาพพื้นหลังออก คลิกที่ภาพที่ต้องการเอาพื้นหลังออก ไปที่เมนู Format คลิก Remove Background แล้วปรับขนาดให้ได้ตามต้องการ 4.จากนั้นที่เมนู Format คลิก Keep Changes ภาพพื้นหลังก็จะหายไป 5.ภาพตั้งต้นเราทำการใส่กรอบเข้าไป ไปที่เมนู Format คลิก Metal Frame แล้ว Crop ตัดเป็นรูปร่าง ที่เมนู Format คลิก Crop to Shape .ในส่วนของการทำรูป Pop out ขึ้นมาด้านบน เลือก Trapizoid จากนั้นคลิก Crop ลดขนาดของภาพลงมาเหลือสักครึ่งหนึ่ง ให้คาบเกี่ยวกับส่วนของดอกบัวที่จะแสดงออกมาสักครึ่งนึง จากนั้นกดปุ่ม Crop จากนั้นนำดอกบัวภาพที่นำพื้นหลังออกมาประกบลงในภาพที่1 ก็จะได้รูปดอกไม้ที่ลอยเด่นขึ้นมา 9.กรณีที่ 2 ให้รูปดอกบัวปรากฏเด่นมาด้านข้าง ที่เมนู Format คลิก Crop to Shape เลือก Flowchart Manual Input จากนั้นคลิก Crop 10.เลื่อนขนาด และเลื่อนด้านข้างเข้ามา เพื่อให้ดอกบัวปรากฏขึ้นมาทั้งด้านบนและด้านข้าง จากนั้นคลิก Crop 11.จากนั้นนำดอกบัวภาพที่นำพื้นหลังออกมาประกบลงในภาพที่1  

Read More »

NETPIE : เริ่มต้นใช้งาน

NETPIE เป็น Paas (Platform as a Service) ทำหน้าที่เป็นสื่อกลาง ที่ทำให้สิ่งต่างๆเชื่อมโยงกันได้ผ่านอินเตอร์เน็ต (IoT) พัฒนาภายใต้การสนับสนุนของ Nectec ใช้งานได้ 100 Credit ฟรี (ประมาณว่า สร้างได้ 100 ช่องทาง) สำหรับแต่ละ Account เอาเป็นว่า “ฟรี” อธิบายแบบเร็วๆ คร่าวๆ อย่างไม่เป็นทางการคือ ถ้าที่บ้านเรามีพวก Censor ซึ่งวัดค่าต่างๆ เช่น อุณหภูมิ แล้วมีความสามารถในการเกาะ WiFi ได้ โดยที่บ้านใช้อินเตอร์เน็ตแบบ ADSL ปัญหาคือ เราจะเข้าไปเอาข้อมูลเจ้า Censor นี้ได้อย่างไร ? ในเมื่อ ADSL ก็ไม่ได้ Fix IP หรือ จะใช้ Dynamic DNS (DDNS) ก็มีค่าใช้จ่าย เป็นต้น หรือ บางคนก็อาจจะคิดถึงวิธีไป Host เครื่องคอมพิวเตอร์ไว้บน Internet หรือจะไปสร้างบน Cloud แล้วอาจจะสร้าง Web Application เพื่อให้ Censor ไปเรียกแล้วบันทึกค่าลงในฐานข้อมูล อะไรทำนองนั้น ที่กล่าวมา ก็ต้องมีค่าใช้จ่าย หรือ ต้องลงแรงในการสร้างตัวกลางเหล่านั้น NETPIE ก็ทำหน้าที่ เป็น Broker หรือตัวกลาง โดย Censor ทำหน้าที่ติดต่อผ่าน Internet มาแปะค่าเอาไว้ใน NETPIE แล้วจึงค่อยนำไปใช้งานต่อได้ เพียงแค่ สมัครใช้งาน แล้วก็ไปสร้างช่องทางให้ Censor มา Update ข้อมูล ดังสโลแกนของ NETPIE ว่า NETPIE … where things chat. เริ่มกันเลย วิธีการสมัคร ไปที่ https://netpie.io/sign_up แล้วก็กรอกข้อมูล หลังจากนั้น NETPIE ก็จะส่ง SMS แจ้ง One Time Password มาให้ เมื่อ Login ครั้งแรก NETPIE จะให้ทำการตั้งรหัสผ่านใหม่ ต่อไป สร้าง Application ไปที่เมนู Resources > Applications ต่อไปเป็นสร้าง Application (ในที่นี้คือ kx01web) คลิกปุ่ม + ตั้งชื่อ แล้วกดปุ่ม Create ใน Application ที่สร้าง คลิกเครื่องหมาย + ใส่ชื่ออุปกรณ์ (ในที่นี้คือ web01) เลือกชนิดเป็น Session Key แล้วคลิก Create ต่อไปเป็นการเอา REST API Auth ไปใช้งาน (ในที่นี้คือ 6JhowZyvcRsyHUg:EclJZt2C0lKXXXXXXXXX) โดยคลิกที่ Application KEY ที่สร้างขึ้น แล้วคลิกรูป ลูกตา หลังบรรทัด REST API Auth แล้ว Copy ค่าไปใช้งาน (ซึ่งจะเป็นคู่ของ Key:Secret) ในที่นี้ จะลองให้ เครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็น Ubuntu เก็บข้อมูล memory แล้วส่งไปเก็บไว้บน NETPIE ผ่าน cURL รูปแบบประมาณนี้ curl -X PUT “https://api.netpie.io/topic/kx01web/web01” -d “123456” -u 6JhowZyvcRsyHUg:EclJZt2C0lKXXXXXXXXX โดยในตัวอย่างนี้ Application ID คือ kx0web Censor คือ web01 ค่าที่จะส่งไปคือ 123456 และ REST API Auth คือ 6JhowZyvcRsyHUg:EclJZt2C0lKXXXXXXXXX หากผลการทำงานออกมาเป็น

Read More »

Cassandra #01 เริ่มต้นใช้งาน

Cassandra เป็นระบบ Database ที่เหมาะสำหรับการ Scalability และให้ High Availability โดยไปลดประสิทธิภาพ มีความทนทานสูง (Fault Tolerance) โดยสามารถใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วไปๆ (Commodity Hardware) หรือ ใช้งาน Cloud Infrastructure สำหรับงานที่มีความสำคัญได้ (Mission Critical) สามารถกระจายสำเนา (Replication) ข้าม Data Center ได้อีกด้วย [1][3] ในบทความนี้ จะแสดงการติดตั้งบน Ubuntu 16.04 เพียงเครื่องเดียวก่อน และให้เห็นวิธีการติดต่อตัวฐานข้อมูล การส่ง Query เบื้องต้น # echo “deb http://www.apache.org/dist/cassandra/debian 310x main” | sudo tee -a /etc/apt/sources.list.d/cassandra.sources.list # curl https://www.apache.org/dist/cassandra/KEYS | sudo apt-key add – # sudo apt-get update # sudo apt-get install cassandra ต่อไป วิธีการส่งคำสั่งไปยัง Cassandra จะใช้งานผ่าน cqlsh (Cassandra Query Language Shell) # cqlsh -C Connected to Test Cluster at 127.0.0.1:9042. [cqlsh 5.0.1 | Cassandra 3.10 | CQL spec 3.4.4 | Native protocol v4] Use HELP for help. cqlsh> ใน Cassandra จะเรียก Database ว่า Keyspace วิธีที่จะดูว่ามี Keyspace อะไรอยู่บ้าง ใช้คำสั่ง [2] cqlsh> DESCRIBE keyspaces; system_schema system_auth system system_distributed system_traces สั่งสร้าง Keyspace ชื่อ test ด้วยคำสั่งต่อไปนี้ cqlsh> CREATE KEYSPACE test WITH REPLICATION = {‘class’ : ‘SimpleStrategy’, ‘replication_factor’ : 3}; เนื่องจาก Cassandra มีลักษณะพิเศษที่ไม่เหมือนกับ Database Servers อื่นๆ ก็คือเรื่องการ Replication ตั้งแต่เริ่มต้น ในคำสั่งข้างต้น จะบอกว่า ระบบจากสร้าง 3 สำเนา เป็นหลัก (จะกล่าวรายละเอียดในตอนต่อๆไป) ต่อไป สั่งสร้าง Table ชื่อ table1 csqlsh> use test; cqlsh:test> create table table1 ( … id text primary key, … age int, … firstname text, … lastname text … ); คำสั่งในการ Insert ข้อมูล cqlsh:test> INSERT INTO table1 (id, age, firstname, lastname) VALUES ( ‘000001’, 10, ‘John’,

Read More »

[GAFE] ใช้ Google Forms เพื่อ Upload ไฟล์ได้แล้ว

Google Forms เป็นเครื่องมือในการสร้างแบบสำรวจ แบบสอบถาม และแบบทดสอบที่ใช้งานได้ง่าย ใช้งานได้อย่างกว้างขวาง แต่ที่ผ่านมา ก็มีข้อจำกัดที่ยังด้อยกว่าการสร้าง Web Form นั่นคือ การใช้งาน Google Forms เพื่อ Upload ไฟล์ เช่น แบบฟอร์มการรับสมัคร แล้วต้องการให้ผู้ใช้ ส่งสำเนาบัตรประชาชนมาด้วย และแล้ว … ปลายปี 2559 Google Forms ก็เพิ่มความสามารถนี้เข้ามา แต่ “ให้ใช้เฉพาะ Google Apps” เท่านั้น หมายความว่า ผู้ที่ใช้ Free Gmail Account จะไม่สามารถใช้งานได้ ขั้นตอนการใช้งาน สร้าง Google Forms ด้วย Google Apps Account สร้างคำถามตามปรกติ แล้วในส่วนของการ Upload ไฟล์ คลิก Option ของชนิดของคำถามแล้วเลือกเป็น File Upload จากนั้นยอมรับเงื่อนไข โดยคลิก Continue จากนั้น สามารถ กำหนดขนาดสูงสุดของไฟล์ได้ กำหนดชนิดของไฟล์ก็ได้ คลิก แล้ว Apply กำหนดจำนวนของไฟล์ที่จะ Upload ก็ได้ เมื่อมีผู้ส่งไฟล์เข้ามา ก็จะเก็บไว้ใน Google Drive ขึ้นต้นด้วยชื่อไฟล์ แล้ว มีชื่อ (ตาม Email address)  ของผู้ส่ง แต่ไม่ต้องห่วง หากมีการส่งชื่อไฟล์ซ้ำกัน จากคนๆเดียวกัน ไฟล์ใน Google Drive จะแยกจากกันด้วย Unique ID เราสามารถเห็นความแตกต่างได้จากเวลา และในส่วนของ Response ก็จะมองเห็นว่า ใครส่งไฟล์อะไรมา ครับ

Read More »

JMeter #01: การสร้าง Load Test เบื้องต้น

Apache JMeter เป็น Open Source Software ที่พัฒนาด้วย Java 100% ออกแบบมาใช้สำหรับการทดสอบโหลดของพฤติกรรมการใช้งาน และวัดประสิทธิภาพ เดิมใช้เพื่อทดสอบ Web Application แต่ปัจจุบันสามารถใช้งานทดสอบได้หลากหลายขึ้นด้วย อ่านเพิ่มเติม: http://jmeter.apache.org/index.html บทความที่เกี่ยวข้อง: https://sysadmin.psu.ac.th/?s=jmeter ในการใช้งานทั่วไปเบื้องต้น สามารถอ่านได้จาก การติดตั้งโปรแกรมตรวจสอบประสิทธิภาพ Server : Apache JMeter บนเครื่อง Windows   การวัดประสิทธิภาพ (Performance Test) [1] แบ่งออกเป็น Performance Testing Load Testing Stress Testing ในที่นี้จะใช้ JMeter ในการทำ Load Testing โดยจะทดสอบ Web Application ตามเป้าหมายต่อไปนี้ ทดสอบกับ Web Page ที่ตั้งไว้ ซึ่งประกอบด้วยภาพจำนวนมาก จำนวน Connection ต่อวินาที ในระดับต่างๆ ในแต่ระดับ จะมีหยุดรอ 10 วินาที ก่อนจะยกระดับที่สูงขึ้น ขั้นตอนการใช้งาน JMeter สร้าง Load Testing เนื่องจากการทดสอบจะยิงไปที่ Web Page เดียวกันตลอด จึงสร้าง HTTP Request Default เพื่อให้ง่ายต่อการเปลี่ยนแปลง โดยคลิกขวาที่ Test Pane เลือก Add > Config Element > HTTP Request Default ใน HTTP Request Default กรอก Server Name or IP Port Number Path ตามต้องการ เช่น ต้องการทดสอบ http://192.168.107.107:80/wordpress/?p=4 คลิกขวาที่ Test Plan เลือก Add > Threads (Users) > Thread Group กรอก Name และ Number of Threads (users) ในตัวอย่างนี้ ตั้งค่า Number of Threads (users) เป็น 10 และ Ramp-Up Period (in seconds) เป็น 1 เพราะต้องการให้ทดสอบระบบว่า เมื่อ มีผู้ใช้ใช้งานพร้อมกัน 10 คนในวินาทีเดียวกันนั้น ระบบจะตอบสนองอย่างไร คลิกขวาที่ Thread Group นี้ (ตอนนี้จะเปลี่ยนชื่อจาก Thread Group เป็น 10 แล้ว) แล้วเลือก Add > Sampler > Http Request ในส่วนนี้ ไม่ต้องแก้ไขอะไร โดย JMeter จะไปเอาค่าที่ตั้งไว้ใน HTTP Request Default ข้างต้นมาใช้ ต่อไป เป็นส่วนของการแสดงผล คลิกขวาที่ Test Plan เลือก Add > Listener > Summary Report ต่อไป ใส่ Timer เพื่อให้ระบบ หยุดพักการทดสอบ เมื่อทำแต่ละ Thread Group เสร็จ เป็นเวลา 10 วินาที ก่อนจะเริ่ม Thread Group ต่อไป คลิกขวาที่ Test Plan เลือก Add > Timer

Read More »