kanakorn.h
เมื่อต้องการส่ง email ด้วย command line วิธีที่ถูกต้องที่สุด ไม่ผูกติดกับ email client program บน Linux คือการสร้างไฟล์ แล้วส่งผ่าน sendmail ไม่ว่าจะเป็น original sendmail หรือ backward-compatibility ของ postfix ก็ตาม (จะกล่าวในอีกบทความหนึ่ง) แต่หากต้องการความง่าย ก็ลองใช้วิธีนี้ดูครับ ผ่านโปรแกรมชื่อ mutt ตัวอย่างคือ 1. ส่ง email ไปให้ username.s@xxx.psu.ac.th 2. บอกว่า ส่งจาก IT Department ซึ่ง email address เป็น blah@itdept.xxx.psu.ac.th 3. มี Subject ว่า This is Subject 4. แนบไฟล์ชื่อ test.txt 5. แต่จดหมายนี้
>> Read More <<
เนื่องจากมี disk ขนาดแค่ 560 GB หลายลูก แต่ต้องการเอามารวมกันให้เป็น Volume ใหญ่ๆ และไม่ใช้ RAID เขียนเป็นบันทึกเก็บไว้ จึงอยากเอามานำเสนอ เผื่อเป็นประโยชน์ 1. มี /dev/sdb , /dev/sdc , /dev/sdd ก้อนละ 560 GB อยู่ ต้องทำ LVM เป้าหมายคือ ต้องการได้ Device สำหรับการ mount ชื่อ /dev/virtual1/logical1 reference: http://www.howtoforge.com/linux_lvm http://www.linuxquestions.org/questions/linux-hardware-18/lvcreate-with-max-size-available-749253/ 2. ติดตั้ง lvm software ด้วยคำสั่ง apt-get install lvm2 dmsetup mdadm reiserfsprogs xfsprogs 3. สร้าง partition ใน physical disk
grianggrai.n
*Ubuntu 13.04 แก้ปัญหานี้แล้วครับ หลังจากเข้าร่วม ติว “VirtualBox Networking + vi + Shell Scripts” ก็ติดใจใช้แต่ elvis (elvis เป็น vi editor ชนิดหนึ่ง http://fivedots.coe.psu.ac.th/~cj/LUG/vi.pdf สามารถติดตั้งเพิ่มโดยใช้คำสั่ง $sudo apt-get install elvis ซึ่งเมื่อติดตั้งแล้ว elvis จะกลายเป็น default editor ทันที ดูได้จากคำสั่ง $sudo update-alternative –config editor ดังรูป ) มาโดยตลอด ติดอยู่อย่างเดียวคือ เมื่อติดตั้งแล้ว เมื่อเปิด vi ขึ้นมาพบว่าหน้าจอเป็นสีดำทั้งหมด ก็ต้องมาเปลี่ยนสีของ terminal เพื่อให้อ่านออกเป็นแบบนี้ อีกวิธีไม่ต้องแก้สีของโปรไฟล์ คือ แก้ค่าในแฟ้ม /etc/elvis/elvis.clr $sudo vi /etc/elvis/elvis.clr ให้มองหาข้อความ
wiboon.w
ผมเจอปัญหาว่ามีเครื่องเสีย ผมต้องเข้าไปช่วยกู้ข้อมูลในดิสก์ที่เสีย แต่ก็พบว่า home directory ได้ทำ encrypt ไว้ในตอนติดตั้ง ubuntu 10.04 desktop ผมจึงค้นหาดูพบหลายบทความ แต่มาลงตัวที่บทความนี้ http://www.kaijanmaki.net/2009/10/26/recovering-files-from-ecryptfs-encrypted-home/ เป็นจุดเริ่มต้นให้ลองทำตามดู ผมทำ Virtual Machine เป็น guest ใน Oracle VM VirtualBox โดยติดตั้ง ubuntu 10.04 desktop (จะลองกับ 12.04 หรืออื่นๆก็คงได้) แล้วลองสร้างไฟล์ test.txt, test2.txt จากนั้น shutdown เครื่อง guest แล้วบูตอีกทีด้วยไฟล์ ubuntu-10.04.4-desktop-i386.iso แล้วเลือก Try ubuntu เมื่อเข้าถึงหน้ากราฟิกแล้ว คลิกเมนู places, เลือก disk ที่ต้องการ จากนั้นเปิด terminal เพื่อออกไปทำงานในโหมด command line ใช้คำสั่ง
เนื่องจากจะจัดทำระบบ Backup and Recovery ระบบ Mail ซึ่งทำงานอยู่บน Ubuntu จึงทำการรบรวมข้อมูล และหาแนวทางที่เหมาะสม ก่อนจะตัดสินใจเลือก แผนการ Backup ที่เหมาะสม ก็ควรพิจารณาเรื่องต่อไปนี้ด้วย [1] 1. WHY: จุดประสงค์การ Backup/Restore, ถ้าข้อมูลสูญหายจริงๆจะเกิดความเสียหายขนาดไหน ? 2. WHAT: สิ่งที่จะทำการ Backup, ทั้ง Hard Drive? หรือเป็นข้อมูลบางส่วน? 3. WHEN: เวลาที่ดีที่สุดที่จะ Backup, บ่อยขนาดไหน, จะทำการ Full/Incremental Backup เมื่อใดบ้าง ? 4. WHERE: เก็บ Backup ไว้ที่ใด, ในเครื่องนั้นๆ, เก็บไว้ภายนอก หรือใช้บริการ Cloud Storage 5. MEDIUM: สื่อที่ใช้จัดเก็บ, USB Stick,
จากการเข้าแก้ไขเว็บไซต์ต่างๆที่โดน Hack ในช่วง 2 ปีที่ผ่าน พบว่า จะมีรูปแบบเดิมๆคือ 1. มีการเปิด Permission ของ directory เป็นแบบ 777 หรือ world writable หรือแม้แต่เปิดสิทธิ์ให้ web user เช่น apache/httpd/www-data สามารถเขียนได้ 2. เมื่อมีพื้นที่ให้ web user เขียนได้ แล้ว Web Application นั้นๆ มีช่องโหว่ หรือไม่ก็มีการทำงานปรกติที่เปิดให้ Web User เขียนไฟล์ได้ตามปรกติ ก็เป็นช่องให้เกิดการ “วางไฟล์” ซึ่ง Hacker จะเข้ามาเรียกไฟล์ดังกล่าว ซึ่งจะได้สิทธิเป็น Web User ทำการแก้ไขไฟล์, นำไฟล์ .c มาวางแล้ว compile ต่อไป ซึ่งอาจจะทำให้เกิด Buffer Overflow จนกระทั่งสามารถครอง
chatchai.j
ปัญหาของการลืม password ของ root ของ MySQL ไม่ได้เป็นปัญหาเดียวที่ผมเจอ ในเรื่องของการใช้งาน MySQL Database Server ถึงแม้จะไม่บ่อยนัก แต่ก็บ่อยมากพอที่จะทำให้ ใน 2-3 ครั้งให้หลัง ผม “จำ” วิธีการแก้ปัญหาได้ โดยไม่ต้องพึ่งพา google อีกต่อไป ถ้าจะว่าไป ถ้าปัญหานี้ เกิดขึ้น “บ่อย” กว่าเดิมอีกซักหน่อย ผมก็คง “จำ” root password ได้ (เพราะต้องใช้บ่อยขึ้น) และส่งผลในทางกลับ ทำให้ ไม่ลืม root password และทำให้ปัญหานี้ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป — ฟังดูย้อนแย้ง ชวนขยักขย่อน หรือเปล่าครับ 🙂 แต่ไม่ว่าอย่างไร … การลืม password ในระดับสร้างความหงุดหงิดรำคาญใจแค่นั้นเอง ความรู้สึกอย่างมากก็คือ “ลืมอีกแล้ว ต้องรีเซ็ทพาสเวิร์ดอีกรอบ งี่เง่าจริงๆ!” แต่มีปัญหาอีกอย่างที่ …
ผมรัน Firefox browser แล้วพบว่ามันจะแจ้งว่า Adobe Flash Player Plugin ไม่ปลอดภัยเนื่องจาก Outdated จึงคลิกเข้าไปในหน้า Addons แล้ว ดาวน์โหลดจากเว็บ http://get.adobe.com/flashplayer/ ได้ไฟล์ install_flash_player_11_linux.x86_64.tar.gz จากนั้นแตกไฟล์ออกมาอย่างง่ายๆ เพราะใช้ GUI อยู่ ได้ไฟล์มาดังนี้ libflashplayer.so และไดเรกทอรี usr แล้วเปิดอ่าน readme.txt สั่งว่าให้อัปเดตแบบ manual ก็ต้องทำตาม ทั้งๆที่อยากทำแบบคลิกๆๆๆ จะสะดวกสำหรับผู้ใช้มากกว่า ตอนนี้ผมอยู่ที่หน้าต่าง terminal ของ linux mint ทำตามดังนี้ sudo cp libflashplayer.so /opt/mint-flashplugin-11/ sudo cp -r usr/* /usr รัน firefox ใหม่ ตอนนี้ใช้งานได้แล้ว หมายเหตุ เครื่องที่ใช้งานคือ ผมใช้คำสั่ง cat