After Effect การสร้าง Text Fade in Fade out (part1)

การสร้าง Text Fade in Fade out จาก After Effect ไปใช้งานบน Premier Pro (part1) เนื้อหาเป็นการสร้างงานจาก After Effect แล้วคล้ายๆกับการสร้าง Component(ในการเขียนโปรแกรม)เพื่อให้ใช้งานได้ตลอดในPremier Pro เนื้อหาทั้งหมดมี 3 part ด้วยกันครับ 1.การสร้าง Text Fade in Fade out จาก After Effect 2.การ export งานที่สร้างจาก After Effect ไปใช้งานบน Premier Pro 3.การเรียกใช้งาน After Effect ที่ Export มาใช้บน Premier Pro หลังจาก click ที่เครื่องมือพิมพ์ข้อความ แล้วมา click ที่พื้นที่ทำงาน ระบุข้อความตามต้องการ ตั้งข้อความอะไรก็ได้ครับเพราะตอนเรานำไปใช้ที่ Premier Pro จะเป็นข้อความที่เราจะต้องแก้ไข เลือกจัด Paragraph เป็น Center Text และ Align เป็น Align Horizontally กรณีที่ไม่มีให้ไปเปิดที่เมนู Window หลังจากนั้นเรามาที่เครื่องมือ Rectangle Tool สร้าง สี่เหลี่ยมเพื่อจะนำมาใช้บังข้อความ ให้เลื่อนสี่เหลี่ยมที่สร้างขึ้นให้ใกล้ๆกับ Text ครับ จากนั้นให้ไปที่ Track Matte กรณีหาไม่เจอให้ไป click ขวา บริเวณที่กรอบสีแดงดังภาพ เลือก Columns -> Modes อธิบายเพิ่มเติมในงานของเรามีการสร้าง Text และรูปสี่เหลี่ยมไว้ ถ้าเราเอาไฟล์นี้ไปใช้ในงานvdo ของเราตอนนี้จะเห็นแค่Text แต่ไม่เห็นรูปสี่เหลี่ยม(ในรูปขอทำเป็นเส้นปะไว้) สิ่งที่เราจะทำต่อไปก็คือทำAnimation ให้กับ Text ไปซ่อนหลังรูปสี่เหลี่ยม ก็คือการ Fade in / Text ออกมาจากรูปสี่เหลี่ยม ก็คือการ Fade out หากรูปสี่เหลี่ยมหายไปแบบนี้ถือว่าถูกต้องแล้วครับ เริ่มทำ Animation โดยการใช้ Keyframe ให้ไปที่ Transform -> Position Click ที่เพิ่ม Keyframe (ทางซ้ายมือ)และเลื่อน Timeline มาที่จุดเริ่มต้น เพิ่ม Keyframe ที่ KeyFrame เริ่มต้นให้เลื่อนTEXT มาซ่อนไว้หลังรูปสี่เหลี่ยม Drag เมาส์ ทั้ง 2 Keyframe กดปุ่ม Ctrl + c Copy Keyframe เอาไว้ เลื่อน Timeline ไปวินาทีที่ 2 กดปุ่ม Ctrl + v วาง Keyframe Click ขวา Keyframe ที่ 3 เลือก Keyframe Assistant -> Time -Reverse Keyframes เท่านี้เราก็จะได้ Text ที่มีการ Fade in Fade out แล้วครับ

Read More »

Tabulator ในการดึงข้อมูลจาก google sheet

ต้องการนำข้อมูลใน google sheet ไปแสดงบนหน้าเว็บ ด้วย Tabulator ตัวอย่างข้อมูลดังนี้ค่ะ จากนั้นให้เราไปสร้าง Apps Script กันค่ะ สร้าง function และสร้าง page index จากนั้นค้นใน google ว่า tabulator > คลิก Documentation > คลิก Quick Start > ที่ Install Sources > CDN จากนั้นให้ Copy ไปวางที่บรรทัดที่ 4 หน้า index.html ดังรูป จากนั้นให้ Copy จะได้ code หน้า index.html ดังนี้ จากนั้นคลิกปุ่ม Deploy > New deployment ที่ setting > Web app ที่ Who has access เลือก Anyone > กดปุ่ม Deploy > Done จากนั้นคลิกปุ่ม Test deployment > คลิกที่ URL จะได้ผลลัพธ์ดังนี้ เป็นผลลัพธ์ตาม code ตัวอย่างที่เรา copy มาจากเว็บ Tabulator ค่ะ คราวนี้มาทำให้ดึงข้อมูลจาก google sheet กันดีกว่าค่ะ ไปที่ Code.gs กันเล้ย ตามนี้จ้า จากนั้นไปที่ index.html จะดึงค่าจาก google sheet หล่ะ จากนั้นลอง Refresh หน้าจอดู ลองนำไปเล่นกันดูนะคะ ^_^

Read More »

ใช้ Gmail เป็น pop3/pop3s client

เริ่มกันเลย สำหรับผู้ใช้ใหม่ไม่เคยสมัครเมล์ของมหาวิทยาลัยมาก่อน ต้องเริ่มที่ https://webmail.psu.ac.th เลื่อนลงมาล่างสุด ปุ่มสีแดงที่เขียนว่า Register or Reset Password PSU-Email และ เว็บ https://passport.psu.ac.th มองไปทางซ้ายจะมีข้อความ ขอ/เปลี่ยนรหัส Google ทั้งสองเว็บจะมี 4 ช่องให้กรอก ช่องแรกคือ username ของ PSU Passport ช่องสองรหัสผ่านของ PSU Passport ช่องสามและสี่รหัสผ่านใหม่ที่จะใช้กับระบบเมล์ (ไม่เกี่ยวกับ PSU Passport นะย้ำ) ทำสองเว็บนี้ให้เสร็จเรียบร้อยก่อนแล้วเริ่มที่ข้อ 2 ได้เลย!! ต้องยกเลิก filter ที่ตั้งไว้ที่เว็บเมล์ก่อน คือลบส่วนที่เคยตั้งค่าไว้ตามเอกสาร https://kyl.psu.th/RLYBWKpt6 ซึ่งหากมีกฎข้ออื่น ๆ ที่สร้างเพิ่มเติมจะเก็บไว้ก็ได้เช่นกัน แค่ต้องลบอันที่ redirect ไป @g.psu.ac.th ทิ้งไปก่อนเท่านั้น (สำหรับผู้ใช้ใหม่ สามารถทำตามเอกสาร https://kyl.psu.th/RLYBWKpt6 ได้เลย แต่!!! ไม่ต้องทำในส่วน redirect ตั้งแต่ Step 2 ไม่ต้องทำ ให้ทำตามเอกสารนี้แทน) เปิดเว็บ https://gmail.com ล็อคอินเข้าระบบให้เรียบร้อย มองไปมุมบนขวาจะเห็นรูปเฟือง ให้คลิกรูปเฟืองแล้วเลือก See all settings จะได้หน้า Settings ให้คลิกที่ Accounts and Import จะได้หน้าตาประมาณนี้ ทีนี้เลื่อนลงมาจนกว่าจะเจอ Check mail from other accounts: คลิก Add a mail account จะมีหน้าต่างใหม่ปรากฎขึ้น!!! ให้กรอกอีเมลในรูปแบบ username.s@mail.psu.ac.th เช่น gr☷☷☷☷.n@mail.psu.ac.th แล้วกด Next หลังจากนั้นก็กรอกข้อมูลดังรูป โดยส่วนที่ต้องกรอกเพิ่มจะเป็น password และ POP Server ต้องแก้เป็น mail.psu.ac.th เท่านั้น Port ที่ใช้ได้คือ 110 ซึ่งคือ POP3 ธรรมดา ไม่สามารถเลือก Always use a secure connection (SSL) when retrieving mail. และ 995 คือ POP3S ที่ต้องเลือก Always use a secure connection (SSL) when retrieving mail ซึ่ง 2 Port นี้ต่างกันที่การเข้ารหัสและความเร็วในการโหลดเมล์ คือ Port 110 โหลดเร็วแต่ไม่เข้ารหัส Port 995 โหลดช้าเพราะเข้ารหัส ก็ต้องเลือกอย่างใด อย่างหนึ่ง หากต้องการเก็บเมล์ไว้ที่ https://webmail.psu.ac.th ก็ให้เลือก Leave a copy of retrieved message on the server. และในส่วนตัวเลือกสุดท้าย Label incoming messages จะเลือกหรือไม่เลือกก็ได้ แต่แนะนำให้เลือก โดยสามารถเปลี่ยนชื่อเรียกได้ เพื่อความสะดวกในการค้นหา กด Add Account เพื่อไปหน้าถัดไป จะได้หน้า Your mail account has been added. เลือก No เพราะเราไม่ต้องการส่งเมล์ออกในนาม @mail.psu.ac.th กด Finish กดปุ่ม F5 ที่แป้นพิมพ์ก็จะเห็นว่าเราได้เพิ่มเมล์ @mail.psu.ac.th ไว้แล้วและกำลัง Check mail เมื่อรอไปสักครู่ให้เลื่อนดูในแถบด้านซ้ายมือจะมีชื่อที่เราตั้งไว้ตอนกด Add a mail account เท่านี้เราก็สามารถเช็คเมล์ @psu.ac.th ได้โดยไม่ต้อง redirect mail

Read More »

กรณีศึกษา การสำรองข้อมูล Neo4j Graph Database

สวัสดีครับ บทความนี้เป็นกรณีศึกษาเกี่ยวกับการสำรองข้อมูล Neo4j Graph Database เรื่องมันมีอยู่ว่า สำนักนวัตกรรมดิจิทัลและระบบอัจฉริยะ หรือชื่อเดิมคือ ศูนย์คอมพิวเตอร์ ได้พัฒนาระบบเอกสารอิเล็คทรอนิกส์ เวอร์ชั่นใหม่ ซึ่งได้เปลี่ยนเทคโนโลยีในการเก็บข้อมูลมาใช้ Neo4j Graph Database แทนของเดิมที่ใช้ Microsoft SQL Server จึงต้องมีการวางแผนความเสี่ยงในเรื่องของการสำรองข้อมูล คราวนี้ตัวผมเองไม่ได้มีความเชี่ยวชาญหรือรู้จักกับ Neo4j Graph Database มากเท่าไหร่ แต่น้องที่สำนักนวัตกรรมที่เป็นผู้พัฒนาระบบและเรียนรู้การใช้งานก็ได้ไปศึกษา ทดสอบวิธีการส่งออกและนำเข้าข้อมูลจนมีความรู้ ความเข้าใจ ก็ได้มาถ่ายทอดต่อ ส่วนตัวผมเองก็นำวิธีการนี้ไปบวกกับความรู้เรื่อง Batch Script + PowerShell เล็กน้อย ทำเป็นระบบสำรองข้อมูลขึ้นมา ซึ่งขณะนี้ได้ทดสอบมาประมาณ 1 เดือนก็ยังสามารถทำงานได้ จึงจะขอมาเล่าสู่กันฟังในบทความนี้ครับ ข้อมูลที่ได้รับมาก็คือ 1. Neo4j Graph Database ที่ใช้เป็นรุ่น Community ข้อดีคือ ไม่มีค่าใช้จ่ายในการใช้งาน แต่จะมีข้อจำกัดคือ ในการส่งออกและนำเข้าไฟล์ฐานข้อมูลนั้นจะไม่มีเครื่องมือให้ใช้งานมากมายจะต้องใช้คำสั่่งผ่านทาง Command Line 2. ข้อจำกัดอีกอย่างคือ การส่งออกไฟล์นั้นจะทำในขณะ Neo4j ทำงานอยู่ไม่ได้ ต้องหยุดการทำงานก่อนเสร็จแล้วจึงทำการสตาร์ท Neo4่j ขึ้นมาทำงานใหม่ นำข้อมูลที่ได้มาวางแผนการเขียน Script – เมื่อได้รับวิธีการสำรองข้อมูลมาแล้ว สิ่งหนึ่งที่อยากทราบก็คือ ระยะเวลาในการสำรองใช้เวลาเท่าไหร่ ตั้งแต่เริ่มต้นหยุดการทำงานไปจนถึงเสร็จสิ้นกระบวนการ จึงต้องมีการเขียน Log ไฟล์เอาไว้ด้วย เพื่อแสดงเวลาให้เห็น – เนื่องจากมีหลายขั้นตอนในการทำงานจีงใช้วิธีเขียนไฟล์ Script แยกการทำงานออกไป เช่น Batch File ชื่อ neo4j-stop.bat เอาไว้หยุดการทำงาน Neo4j Batch File ชื่อ neo4j-dump.bat เอาไว้ส่งออกไฟล์ฐานข้อมูล Neo4j ออกมา เมื่อได้รับข้อมูลและวางแผนการทำงานเรียบร้อยแล้ว จึงเริ่มต้นเขียน Script ตามลำดับขั้นตอนดังนี้ 1. สร้าง Batch File ชื่อ neo4j-stop.bat เอาไว้สำหรับหยุดการทำงานของ Neo4j จะมีคำสั่งที่เขียน ดังนี้ @echo off for /f %%a in (‘powershell -Command “Get-Date -format ‘HH:mm:ss’”‘) do set “TimeStart=%%a”echo === Start Backup Neo4j On %DATE% %TimeStart% === > log.txt net stop neo4j >> log.txt call neo4j-dump.bat อธิบายได้ดังนี้– เริ่มต้นจะมีการรับค่าวันและเวลาปัจจุบัน คือ %DATE% และ %TimeStart%– จากนั้นจึงเริ่มใช้คำสั่งหยุดการทำงานของ Neo4j– สังเกตว่าทุกคำสั่งจะมีการส่งออกไปเก็บที่ log.txt– เสร็จแล้วจะมีการเรียก Batch Script neo4j-dump.bat ให้ทำงานต่อ 2. สร้าง Batch File ชื่อ neo4j-dump.bat เอาไว้สำหรับส่งออกไฟล์ Neo4j จะมีคำสั่งที่เขียน ดังนี้ @echo off for /f %%a in (‘powershell -Command “Get-Date -format ‘HH:mm:ss’”‘) do set “TimeDumpStart=%%a” echo == Start Dump Database On %TimeDumpStart% == >> log.txt neo4j-admin dump –database=neo4j –to=C:\neo4j_dump\backup_%date:~10,4%%date:~4,2%%date:~7,2%.dump > logtmp.txt 2>> log.txt & call neo4j-start.bat อธิบายได้ดังนี้– จะมีคำสั่ง dump ฐานข้อมูล Neo4j ออกมาเก็บไว้ที่ C:\neo4j_dump ตั้งชื่อไฟล์ว่า

Read More »

การสร้าง Visual Studio Project Template

ความสามารถอย่างหนึ่งที่น่าสนใจของ Visual Studio คือ การนำ Project ที่เราสร้างขึ้นมาใช้เป็นตัวตั้งต้นหรือ Project Template เพื่อสร้าง Project ต่อๆ ไปได้ ทำให้ Project ใหม่ที่สร้างขึ้น มีฟังกชันพื้นฐานพร้อมใช้งานแล้ว ตามที่กำหนดไว้ใน Template เช่น มีระบบเมนู มีตัวอย่างหน้าจอพร้อมการเชื่อมต่อฐานข้อมูล มีระบบ Authentication เป็นต้น ฟังกชันพื้นฐานต่าง ๆ เหล่านี้ จะทำให้เราสามารถเริ่ม Project ใหม่ได้อย่างรวดเร็ว วิธีการสร้าง Project Template ด้วย Visual Studio 2022 หลังจากที่เราเตรียม Project ตั้งต้นไว้แล้ว ดังนี้ 1. ไปที่เมนู Project -> Export Template 2. Export Template Wizard เลือก Project template จากนั้นคลิก Next 3. ระบุ Template name, Template description, Icon Image จากนั้นคลิก Finish เท่านี้ก็จะทำให้ได้ไฟล์ Project Template ไปใช้งานแล้ว โดย Visual Studio จะทำการนำเข้า Project Template ที่สร้างขึ้นมาให้โดยอัตโนมัติ ทำให้เราสามารถใช้สร้าง Project ใหม่ได้เลย วิธีการสร้าง Project ใหม่ จาก DIISBlazorTemplate เปิด Visual Studio 2022 ขึ้นมา แล้วไปที่เมนู File -> New -> Project จะปรากฏหน้าจอ Create a new project ให้เราพิมพ์ชื่อ DIIS ในช่องค้นหา ก็จะเจอผลลัพธ์ดังรูป ให้เลือก DIISBlazorTemplate และคลิกปุ่ม Next 3. หน้าจอ Configure your new project ให้ระบุ Project name, Location จากนั้นคลิก Create 4. ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็น Project ใหม่ ดังรูป 5. ทดลองรัน Project จะพบว่า เราสามารถใช้ฟังกชันพื้นฐานต่าง ๆ ได้ตามที่กำหนดไว้ใน Project ตั้งต้น เช่น การ Authentication, หน้าจอแสดงข้อมูลที่ได้จากการ Query จากฐานข้อมูล เป็นต้น

Read More »