การบริหารโครงการโดยใช้เครื่องมือ Team Foundation Server (Phase 2 : การบันทึกความต้องการ)
อ้างอิงจากบทความก่อนหน้าในหัวข้อ “เริ่มต้นกับการบริหารโครงการโดยใช้เครื่องมือ Team Foundation Server (Phase 1 : Overview)” จากบทความดังกล่าว ผู้เขียนตั้งใจเกริ่นนำเพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจเกี่ยวกับเครื่องมือ TFS เพื่อนำมาเป็นผู้ช่วยผู้จัดการโครงการ ในการบริหารโครงการมาแล้ว สำหรับใน Phase2 นี้ ผู้เขียนจะขออธิบายขั้นตอนและรายละเอียดของการบันทึกความต้องการ หรือที่เรียกว่า Backlog Items โดยใช้เครื่องมือ TFS ในกระบวนการ Software Process : SDLC ในขั้นตอน Planning หรือการวางแผน ผู้จัดการโครงการจะสามารถวางแผนได้ ก็ต่อเมื่อทราบรายละเอียดของความต้องการทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมดของโครงการ ในที่นี่ขอเรียกว่า Backlog items ดังนั้น TFS จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยเก็บบันทึก รวบรวม Backlog items ต่างๆ ที่เก็บรวบรวมมา และสามารถตรวจสอบสถานะของแต่ละ Backlog items ว่าอยู่ในสถานะใด เช่น ยังไม่ดำเนินการ กำลังดำเนินการ หรือดำเนินการแล้วเสร็จ เป็นต้น อยากรู้รายละเอียดกันแล้วใช่ไม๊ค่ะ…มาติดตามกันเลยค่ะ ขั้นตอน 1 : การสร้าง Project Name ก่อนการบันทึก Backlog items แต่ละระบบก็จะมีชื่อของระบบ หรือโครงการ กันก่อน ดังนั้นจะต้องทำการ Add Project Name หรือชื่อโครงการ เข้าไปใน TFS กันก่อน ซึ่งผู้จัดการโครงการ 1 คน อาจจะต้องดูแลและรับผิดชอบ มากกว่า 1 โครงการ หรือ 1 Project ได้ ในที่นี้ขอยกตัวอย่าง FMIS Accounting Report นะค่ะ เป็นโครงการในการพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อรายงานงบแสดงฐานะการเงิน งบรายได้-ค่าใช้จ่าย และหมายเหตุประกอบงบการเงิน ขั้นตอน 2 : การบันทึกความต้องการ ในขั้นตอนนี้ผู้จัดการโครงการ และทีมพัฒนา จะทำการรวบรวมความต้องการ หรือ Backlog items ด้วยวิธีการต่างๆ ได้แก่ การประชุม การสอบถามจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหรือผู้ปฏิบัติงาน การศึกษาจากเอกสาร ฯลฯ เพื่อให้ได้มาซึ่ง Backlog Item เป็นข้อๆ และนำมาบันทึกใน Project Name ตามขั้นตอนดังนี้ 2.1 เลือก Project Name ที่ต้องการ 2.2 เลือก WORK เลือก Backlog items และเลือก Backlog ดังรูปด้านล่าง 2.3 ทำการ Add Backlog item โดย ระบุ Type = Product Backlog Item และ Title คือ ชื่อของความต้องการ หลังจากนั้น กดปุ่ม Add แสดงขั้นตอนดังรูปด้านล่าง 2.4 เมื่อ Add แล้ว Backlog หรือความต้องการก็จะถูกบันทึกลงใน TFS โดยมีสถานะเริ่มต้น เป็น “New” ดังรูป 2.5 ขั้นตอนข้างต้น เป็นการบันทึก Title ของ Backlog item เท่านั้น หากต้องการบันทึกรายละเอียดให้ Double click ที่รายการของ Backlog item ที่ต้องการ หน้าจอจะแสดง รายละเอียดของ Backlog item ดังกล่าว เพื่อให้ระบุรายละเอียดสำคัญ ๆ ดังรูป จากรูปด้านบน แต่ละส่วน มีรายละเอียด ดังนี้ หมายเลข 1 : หมายถึง ประเภทเป็น Backlog item โดยมี No. ที่ running จาก TFS = 5796 ซึ่งส่วนนี้ไม่สามารถแก้ไขได้ หมายเลข 2 :