ใช้ Gmail เป็น pop3/pop3s client

เริ่มกันเลย สำหรับผู้ใช้ใหม่ไม่เคยสมัครเมล์ของมหาวิทยาลัยมาก่อน ต้องเริ่มที่ https://webmail.psu.ac.th เลื่อนลงมาล่างสุด ปุ่มสีแดงที่เขียนว่า Register or Reset Password PSU-Email และ เว็บ https://passport.psu.ac.th มองไปทางซ้ายจะมีข้อความ ขอ/เปลี่ยนรหัส Google ทั้งสองเว็บจะมี 4 ช่องให้กรอก ช่องแรกคือ username ของ PSU Passport ช่องสองรหัสผ่านของ PSU Passport ช่องสามและสี่รหัสผ่านใหม่ที่จะใช้กับระบบเมล์ (ไม่เกี่ยวกับ PSU Passport นะย้ำ) ทำสองเว็บนี้ให้เสร็จเรียบร้อยก่อนแล้วเริ่มที่ข้อ 2 ได้เลย!! ต้องยกเลิก filter ที่ตั้งไว้ที่เว็บเมล์ก่อน คือลบส่วนที่เคยตั้งค่าไว้ตามเอกสาร https://kyl.psu.th/RLYBWKpt6 ซึ่งหากมีกฎข้ออื่น ๆ ที่สร้างเพิ่มเติมจะเก็บไว้ก็ได้เช่นกัน แค่ต้องลบอันที่ redirect ไป @g.psu.ac.th ทิ้งไปก่อนเท่านั้น (สำหรับผู้ใช้ใหม่ สามารถทำตามเอกสาร https://kyl.psu.th/RLYBWKpt6 ได้เลย แต่!!! ไม่ต้องทำในส่วน redirect ตั้งแต่ Step 2 ไม่ต้องทำ ให้ทำตามเอกสารนี้แทน) เปิดเว็บ https://gmail.com ล็อคอินเข้าระบบให้เรียบร้อย มองไปมุมบนขวาจะเห็นรูปเฟือง ให้คลิกรูปเฟืองแล้วเลือก See all settings จะได้หน้า Settings ให้คลิกที่ Accounts and Import จะได้หน้าตาประมาณนี้ ทีนี้เลื่อนลงมาจนกว่าจะเจอ Check mail from other accounts: คลิก Add a mail account จะมีหน้าต่างใหม่ปรากฎขึ้น!!! ให้กรอกอีเมลในรูปแบบ username.s@mail.psu.ac.th เช่น gr☷☷☷☷.n@mail.psu.ac.th แล้วกด Next หลังจากนั้นก็กรอกข้อมูลดังรูป โดยส่วนที่ต้องกรอกเพิ่มจะเป็น password และ POP Server ต้องแก้เป็น mail.psu.ac.th เท่านั้น Port ที่ใช้ได้คือ 110 ซึ่งคือ POP3 ธรรมดา ไม่สามารถเลือก Always use a secure connection (SSL) when retrieving mail. และ 995 คือ POP3S ที่ต้องเลือก Always use a secure connection (SSL) when retrieving mail ซึ่ง 2 Port นี้ต่างกันที่การเข้ารหัสและความเร็วในการโหลดเมล์ คือ Port 110 โหลดเร็วแต่ไม่เข้ารหัส Port 995 โหลดช้าเพราะเข้ารหัส ก็ต้องเลือกอย่างใด อย่างหนึ่ง หากต้องการเก็บเมล์ไว้ที่ https://webmail.psu.ac.th ก็ให้เลือก Leave a copy of retrieved message on the server. และในส่วนตัวเลือกสุดท้าย Label incoming messages จะเลือกหรือไม่เลือกก็ได้ แต่แนะนำให้เลือก โดยสามารถเปลี่ยนชื่อเรียกได้ เพื่อความสะดวกในการค้นหา กด Add Account เพื่อไปหน้าถัดไป จะได้หน้า Your mail account has been added. เลือก No เพราะเราไม่ต้องการส่งเมล์ออกในนาม @mail.psu.ac.th กด Finish กดปุ่ม F5 ที่แป้นพิมพ์ก็จะเห็นว่าเราได้เพิ่มเมล์ @mail.psu.ac.th ไว้แล้วและกำลัง Check mail เมื่อรอไปสักครู่ให้เลื่อนดูในแถบด้านซ้ายมือจะมีชื่อที่เราตั้งไว้ตอนกด Add a mail account เท่านี้เราก็สามารถเช็คเมล์ @psu.ac.th ได้โดยไม่ต้อง redirect mail

Read More »

✏️ More than noting “Notion”

ทุกวันนี้เวลาเราใช้ชีวิตประจำวัน ถ้าเราไม่จดโน๊ต ทุกอย่างเราก็จะต้องจดจำทุกอย่างอยู่ในหัวสมองเราเอง แน่นอนการจดจำในหัวสมองเรานั้นมันก็ไม่ได้มีความถูกต้อง แม่นยำ 100% การจดโน๊ตก็เป็นอีกหนึ่งวิธีการที่จะช่วยเตือนความจำ ระหว่างการจดก็จะเป็นส่วนช่วยในการจดจำได้ดียิ่งขึ้น จะดีไหมถ้ามีเครื่องสักตัวหนึ่งที่ เราสามารถจดโน๊ตของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว มันสามารถนำข้อมูลที่เราจดไป มาใช้งานต่อได้อีก เช่นการจดรายงานการประชุมโดยมีการแปะลิ้งค์ รูป ข้อความได้ลงในหน้ากระดาษ แล้วใช้การ mentions ผู้เข้าร่วมประชุมให้มา revise และ approve ได้ จุดไหนผิดถูกสามารถ comment ได้ เมื่อแก้ไขเสร็จแล้วก็สามารถ Lock ไฟล์นั้นๆได้และ Export ออกไปเป็น PDF สำหรับการส่งรายงานก็ทำได้เช่นกัน 🤔 What is Notion? Website: Notion – One workspace. Every team. Notion เป็นเครื่องมือการจดโน๊ตที่เป็นได้มากกว่าการจด จดแล้วก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ ในระหว่างการจดก็มีเครื่องมือที่อำนวยความสะดวกเช่น การใส่ Heading1,2,3 List ประเภทต่างๆ Checkbox และอื่นๆอีกมากมาย และที่สำคัญ เราสามารถเก็บข้อมูลในรูปแบบของ Database ได้ ซึ่งเราก็จะสามารถเรียกใช้ซ้ำ ใส่ความเชื่อมโยงให้กับ Database หลายๆอันที่เราสร้างขึ้นมาได้ อันนี้แค่ยกตัวอย่างมาส่วนหนึ่งนะครับ ตัวเครื่องมือนี้เราสามารถนำไปประยุกต์ให้เข้ากับการใช้งานในชีวิตประจำวันของเราด้วยท่าทางไหนก็ได้ จะเห็นได้ว่ามีประโยชน์มากๆ ผมจึงอยากแนะนำให้ทุกคนมาใช้กัน Notion เป็น base on web-browser application สามารถทำได้จากอุปกรณ์ไหนก็ได้ แถมยังมีเวอร์ชั่น Windows/Mac OS iOS และ Android อีกด้วย Used cases of using Notion Note เป็นการจดบันทึกทั่วไปในชีวิตประจำวันเช่น บันทึกการประชุม มีการคุยในหัวข้อต่างๆที่ลงรายละเอียดก็มีการใช้ sub-page เข้ามาแบ่งสัดส่วนให้อ่านง่าย สวยงาม หรือการจดบันทึกเตือนความจำ Work log เป็นการจดบันทึกการปฏิบัติงานโดยการใช้ส่วนของ Database มาเก็บข้อมูลและจัดการข้อมูลประเภทของ work log และรายละเอียดการทำงาน สามารถตั้งให้แสดงผลในรูปแบบของ Table หรือ List หรือ Calendar ก็ได้ด้วย เมื่อถึงรอบรายงานก็ Export ออกเป็น csv หรือทำการแชร์หน้าที่จดบันทึกไปยังผู้ประเมินได้โดยตรง Software Document เป็นการประยุกต์ใช้การจดบันทึก แต่เราสามารถสร้าง Template ให้กับเอกสารได้ซึ่งเราสามารถตั้งให้มี Layout แบบเฉพาะได้ ตั้งส่วนของ Header ส่วนต่างๆตั้งไว้ได้ ตั้งส่วนของตัวอย่างข้อมูลไว้ได้ เวลาเราจะสร้างเอกสารก็สามารถเลือก Template นั้นมาใช้งานได้เลยโดยไม่ต้องเสียเวลาสร้างใหม่ตั้งแต่ต้น จริงๆแล้วตัว Notion เองก็มี Template สำเร็จรูปมาให้เราใช้งานด้วยเช่นกัน มีเยอะมาก หลากหลายหมวด สามารถเลือกใช้มาตั้งต้นแล้วใช้งานต่อได้เลย

Read More »

Figma: Scrolling  with overflow behavior (Horizontal Scrolling)

บล๊อกนี้ผู้เขียนจะมาแนะนำวิธีการตั้งค่า Mobile App Prototype ที่เราได้พัฒนาขึ้นมา (ด้วย figma) เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเลื่อน (Scrolling) ส่วนของเนื้อหาที่มีมากจนเกินขนาดของอุปกรณ์ได้ โดยใน figma นั้น สามารถทำ Scrolling เพื่อให้รองรับกับพฤติกรรมของผู้ใช้ได้ 3 แบบ ดังนี้ค่ะ แบบที่ 1 Horizontal Scrolling  คือ การเลื่อนในแนวนอน ซ้ายและขวาภายในเฟรม โดยยังคงตำแหน่งแนวตั้งไว้ เช่น ภาพสินค้า , แกลอรี่ภาพ แบบที่ 2 Vertical Scrolling คือ การเลื่อนในแนวตั้ง ขึ้นและลงภายในเฟรม เช่น เลื่อนดูเว็บไซต์ที่มีขนาดยาว หรือเนื้อหาที่อยู่ภายในแอป แบบที่ 3 Horizontal & Vertical Scrolling คือ การเลื่อนในแนวนอนและแนวตั้ง ผู้ใช้สามารถเลื่อนไปในทิศทางใดก็ได้ภายในเฟรม เช่น การดูแผนที่ สำหรับบล๊อกนี้นั้น ผู้เขียนขอยกเอา Horizontal Scrolling มาแนะนำกันก่อนนะคะ ขั้นตอนหลักๆของการทำ Scrolling ก็มีตามนี้ค่าาาาา กดเลือก frame ที่ต้องการทำ Scrolling (ต้องเป็น Frame นะคะ จึงจะกำหนด Scrolling ได้) เปิด panel Prototype ที่แถบด้านขวา เลือก overflow behavior ตามที่ต้องการ ซึ่งมี 4 ตัวเลือกนะคะ คือ No Scrolling Horizontal Scrolling ** Vertical Scrolling Horizontal & Vertical Scrolling Horizontal Scrolling ผู้ใช้เลื่อน content ซ้ายและขวาภายใน frame วิธีการดูในคลิปได้เลยค่า ในคลิปวินาทีที่ 0:00:11 ทำ Group ให้เป็น frame (คลิกขวาบน Group แล้วเลือก Frame Selection) อย่างที่บอกกันข้างต้น เนื่องจากหากไม่ใช่ frame จะกำหนด Scrolling ไม่ได้วินาทีที่ 0:00:11 ปรับขนาดของ frame และ ซ่อนเนื้อหาที่เกินกรอบ โดยติ๊กถูกที่ Clip Contentวินาทีที่ 0:00:25 ไปที่ prototype panel แล้วกำหนด Overflow scrolling แบบ Horizontal scrollingวินาทีที่ 0:00:34 กด Present ลองดูผลลัพธ์กัน 😉 Ref : https://help.figma.com/hc/en-us/articles/360039818734-Prototype-scrolling-with-overflow-behavior

Read More »

UX, everything related!

เรามักได้ยินคำว่า UI เป็นประจำเมื่อเราพัฒนาระบบแต่ รู้หรือไม่ว่านอกจาก UI แล้วมันมีอีกหนึ่งอย่างที่ควรรู้และสำคัญยิ่งกว่าแต่ถูกมองข้ามไปคือ UX (ย่อมาจาก User experience) หลายๆคนมักจะสับสนว่า UI และ UX มันคือสิ่งเดียวกัน จริงๆแล้วมันคือคนละอย่างกันเลย วันนี้เราจะมาเล่าให้ฟัง UI :: User Interface User Interface คือหน้าตาของระบบที่ผู้ใช้ได้เห็น ได้ตอบสนอง ไม่ใช่ระบบในทางคอมพิวเตอร์อย่างเดียวที่มี UI ถ้าเทียบกับขวดซอสมะเขือเทศ ขวดก็คือหนึ่งใน UI เช่นกันหรืออาหาร 1 จาน หน้าตาของอาหารก็ถือว่าเป็น UI ด้วย “UI เป็นสิ่งที่สามารถมองเห็นได้หรือจับต้องได้“ UX :: User Experience User Experience คือ Experience หรือประสบการณ์ของผู้ใช้ที่เราได้ส่งมอบให้ มากกว่า Interface ที่ผู้ใช้งานได้ตอบสนอง เราจะไป focus ที่ผู้ใช้ใช้สินค้าเราแล้วมีความรู้สึกอย่างไร ผู้ใช้ใช้สินค้าเราแล้วได้บรรลุวัตถุประสงค์ของเราหรือไม่ “UX คือสิ่งที่อยู่กับความรู้สึก จับต้องไม่ได้ มองไม่เห็น แต่วัดประเมินผลได้” ยกตัวอย่างแบบเห็นภาพ การออกแบบ UX ของการรับประทานอาหารจานหนึ่ง เราอยากให้ผู้ใช้รู้สึก fresh ก่อนตามด้วยความแน่นของรสชาติที่ตั้งใจปรุงตามมา ก็ต้องออกแบบจานอาหาร การเลือกใช้วัตถุดิบ หรือการให้กินคู่กับเครื่องดื่มบางอย่าง จะช่วยส่งเสริม/เติมเต็มให้ผู้กินได้รับประสบการณ์ที่แปลกใหม่ได้ จริงๆแล้ว นอกจาก website หรือ application ที่ต้องมี UX ที่ดีเป็น 1 ในองค์ประกอบแล้ว ทุกๆอย่างรอบตัวในชีวิตประจำวันก็ต้องมี UX ที่ดีเช่นกัน Why should we have to care on UX? UX เรียกได้ว่าเป็นสารต้นต้นของสินค้าก็ว่าได้ การทำให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีมักจะเป็น 1 ในวัตถุประสงค์หลักในการออกแบบสินค้าและบริการ เพราะถ้าทำออกมาแล้ว ผู้ใช้ไม่ enjoy ใช้แล้วลำบากกว่าเดิม แล้วใครจะมาใช้งาน? สินค้าบางอย่างที่ใช้ในชีวิตประจำวันเช่นซอสมะเขือเทศออกแบบขวดซอสแบบทั่วไป เวลาใช้ผู้ใช้จะต้องเคาะ/เขย่าขวด ซอสจึงจะออกมา การออกแบบขวดให้เป็นแบบคว่ำ บีบแล้วซอสออกเลย เป็นการแก้ปัญหาของผู้ใช้ เมื่อผลิตออกมาจึงขาย ตอบโจทย์ปัญหาของผู้ใช้ ผู้ใช้ก็ happy, win win ทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ แล้วเราจะไปหาข้อมูลอะไรมาวิเคราะห์หละ แน่นอน UX = Research Research เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการทำแบบสอบถาม การสัมภาส การสังเกตการใช้งาน การลงพื้นที่จริง หรือการอิงข้อมูลทางสถิติหรือข้อมูล log ยิ่งทำเยอะยิ่งทำให้เกิด UX ที่ดี การมี user experience ที่ดีมาจากการทำ Research หรือการค้นความหาข้อมูล ถามว่าการตามหาข้อมูลจะทำได้อย่างไรหละ User Research การ research ข้อมูลของผู้ใช้งาน/กลุ่มผู้ใช้งาน จะได้ออกแบบได้ตรงจุด ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้เช่น อายุ เพศ ที่อยู่ เป็นต้น ผู้ใช้ที่เราขายคือใคร กลุ่มไหนบ้าง ทำงานอะไร ผู้ใช้สินค้าเรามีบุคลิกอย่างไร นิสัยเป็นอย่างไร รวมไปถึง รูปภาพของผู้ใช้ ควรเป็นรูปที่สามารถสื่อถึง Lifestyle ของคนๆนั้นได้ จะดีมากๆ ข้อมูลเหล่านี้เป็นตัวแปรตั้งต้นที่เราจะต้องมาออกแบบระบบอย่างไรให้ตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้ที่เราเก็บข้อมูลมา จะเห็นได้ว่า ยิ่งเราทำ research มาเท่าไหร โอกาสของการสร้างสินค้ามาให้ตอบโจทย์คนส่วนใหญ่ได้ จะทำให้สินค้าเราขายออกได้ง่ายกว่าเช่น การออกแบบระบบสารสนเทศที่กลุ่มผู้ใช้ระบบ 90%เป็นผู้มีอายุ การทำระบบให้เขาใช้งานก็ควรมีตัวอักษรที่ใหญ่กว่าทั่วไป มีการทำ Shortcut เมนูที่ง่าย ไม่สับซ้อน Brand Research คนที่ว่าจ้างหรือว่าง่ายๆคือเจ้าของระบบคือใคร Brand หรืออัตลักษณ์ของเขาเป็นอย่างไร วัตถุประสงค์ขององค์กร สีขององค์กร design token ขององค์กร ก็เป็นอีก 1 อย่างที่ต้องมีการศึกษาข้อมูลด้วยเช่นกัน Problem Research นอกจากการ research ผู้ใช้แล้ว เราก็ควรศึกษาปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยเช่นกัน เพราะอะไรผู้ใช้ถึงเลิกใช้ ทำไมผู้ใช้ถึงไม่ใช้ feature นี้ ทำไมผู้ใช้สับสนในการใช้งาน ปัญหาเหล่านี้ก็จะเป็นอีกหนึ่งสารตั้งต้นที่จะทำไปออกแบบและพัฒนาสินค้าด้วยเช่นกัน ซึ่งเราสามารถสำรวจปัญหาเหล่านี้ได้จากการให้ผู้ใช้ทำแบบสอบถาม การลงพื้นที่จริงไปสังเกตการใช้งานระบบ

Read More »

Webmail transformation!! #4

export contact มาแล้วเอาเข้า webmail2 ไม่ได้ ยังไงซิ ? ไหนขอดูหน่อย เมื่อเปิดไฟล์ที่ export ออกจาก Squirrelmail (webmail) ตัวเก่าพบว่าข้อมูลที่ export มาเป็นดังนี้ จะเห็นว่ามีบรรทัดสุดท้ายที่รายชื่อแปลก ๆ เมื่อถามๆ ดูคือทำลิสต์เอาไว้ว่าถ้าส่งหาลิสต์นี้ก็ไปตามรายชื่อเมล์ได้เลย ทีนี้ การเก็บลักษณะนี้บน Roundcube (Webmail2) นั้นทำไม่ได้ครับต้องแก้ใหม่ให้อยู่ในรูปแบบดังนี้ *รูปแบบตามบรรทัดแรกในไฟล์นั่นเอง แต่ในความเป็นจริงสดมภ์ (คอลัมน์ Column) ที่จำเป็นจะต้องมีมีเพียง 3 คอลัมน์ ได้แก่ First Name, Last Name และ E-mail address เท่านั้นดังนี้เมื่อแปลงไฟล์ด้านบนให้เป็นตามรูปแบบก็จะได้เป็น หรือจะสร้างไฟล์ใหม่ขึ้นมาเองก็ได้แต่ต้องอยู่ในรูปแบบ ไฟล์ตัวอย่างก็จะได้เป็น เมื่อมาที่ Roundcube ไปที่ contact แล้วมองด้านขวาบนกด Import Browse เลือกไฟล์ที่แก้ไขแล้ว กด Import จะได้หน้าสำคัญที่เป็นตัวกำหนดว่าจะเอาคอลัมน์ไหนเข้าบ้าง หากเป็นไฟล์ Custom ก็จะมีเพียง 3 คอลัมน์ดังภาพ กด Import จะได้หน้าสรุปว่านำเข้าได้กี่รายชื่อ กด Close แต่มาเป็นการรวมแต่ละรายชื่อเข้ากลุ่มให้เหมือนสมัยเป็น Squirrelmail มองมาทางซ้ายสุดด้านบนจะเห็นคำว่า Group อยู่ ใกล้ ๆ กันนั้นมี ให้กดที่ แล้วเลือก Add group จะมีหน้าต่างสำหรับตั้งชื่อ Group ให้ ก็สามารถตั้งชื่อได้ตามอัธยาศัยแล้วกด Save จะได้ Group ที่สร้างเพิ่มขึ้นมาดังภาพ คราวนี้มาเพิ่มสมาชิกเข้ากลุ่ม ทำได้โดยการคลิกที่รายชื่อที่ต้องการแล้วมองไปทางขวา จะเห็นคำว่า Groups กดที่คำว่า Groups ก็จะเห็นรายชื่อกลุ่มที่เราสร้างไว้สามารถกด (ปุ่มอยู่ชิดซ้าย) ให้กลายเป็น (ปุ่มอยู่ชิดขวา) เพื่อให้รายชื่อนั้นอยู่ในกลุ่มที่เราต้องการนั่นเอง ก็สามารถเลือกได้จนพอใจเมื่อคลิกกลุ่มที่สร้างไว้จะพบรายชื่อที่เราต้องการให้อยู่ในกลุ่มนี้มีอยู่แล้ว สามารถส่งเมล์ถึงกลุ่มได้ทันทีโดยง่ายเพียงกดเลือกที่ชื่อกลุ่มที่เราต้องการจะส่งเมล์หา แล้วไปกดที่ Compose รายชื่อทั้งหมดในกลุ่มจะถูกใส่ในชื่อ To โดยอัตโนมัติ หรือหากมีหลายกลุ่มหรือต้องการส่งเมล์ถึง คนอื่นๆ ในคราวเดียวกัน (สำคัญ) ระบบเมล์ของมหาวิทยาลัยอนุญาตให้ส่งเมล์ถึงที่อยู่เมล์ได้ 100 เมล์เท่านั้นในคราวเดียวกัน สามารถกดที่รูป เพื่อเพิ่มรายชื่อได้ทันทีหรือจะพิมพ์ต่อท้ายไปก็ได้เช่นเดียวกัน จบขอให้สนุก…

Read More »