ELK #08 Oracle Audit Trail

ต่อจา ELK #07 – Logstash คราวนี้ มาใช้งานจริง โดยใช้ ELK เพื่อเก็บ Log ของ Oracle Audit Trail Oracle Audit Trail บน Database Server เก็บ Log ในรูปแบบ XML โดยแต่ละ Event จะมี tag <AuditRecord> … </AuditRecord> คุมอยู่ ที่แตกต่างจาก Log ทั่วไปคือ ในแต่ละ Event จะมีเครื่องหมาย CRLF (การขึ้นบรรทัดใหม่) เป็นระยะ ๆ ออกแบบให้ Logstash รับข้อมูล (Input Plugin) จาก TCP Port 5515 ซึ่งต้องใช้ Codec ในการรวบ Multiline ในแต่ละ Event เข้าด้วยกัน โดยหา pattern “<AuditRecord>” เป็นจุดเริ่มต้น ส่วนบรรทัดที่ไม่เจอ Pattern ดังกล่าวนั้นการตั้งค่า negate => “true” เป็นการบอกว่า “ให้ดำเนินการต่อไป” โดยจะเอาบรรทัดที่ตามมาจากนี้ ต่อท้าย ด้วยการตั้งค่า what=> “previous” ในส่วนของ Filter Plugin จะอ่านค่าจาก “message” และ ส่งสิ่งที่ถอดจาก XML ได้ ไปยัง “doc” ในส่วของ Output Plugin จะส่งออกไปยัง ElasticSearch ที่ TCP port 9200 ดัง Configuration ต่อไปนี้ จากนั้น ทาง Oracle Database Server ทำการเปิด Audit Trail แล้วเขียน Log ลงไฟล์ แล้วเขียน Cron เพื่อ Netcat ไฟล์ส่งมาให้ Lostash ที่เปิด Port TCP 5515 ไว้รอรับ ผลที่ได้คือ โดยวิธีนี้ จะเป็นการนำ Log ซึ่งจากเดิมเป็น Text Format นำมาเป็น NoSQL ได้ ซึ่งจะสามารถ Query ข้อมูลได้ง่ายยิ่งขึ้น หวังว่าจะเป็นประโยชน์ครับ

Read More »

วิธีใช้ Google Sheets เป็นฐานข้อมูล เพื่อการเฝ้าระวังระบบ โดยการใช้งานผ่าน Google API Client Library for Python

ต่อจาก วิธีการใช้ Google Sheets เป็นฐานข้อมูล การใช้งาน Google Drive API ด้วย Google Client Library for Python วิธีการ Upload ไฟล์ไปบน Google Drive File Stream ด้วย Google Client Library for Python คราวนี้ ใครมีข้อมูลที่เกิดขึ้นในเซิร์ฟเวอร์ภายในองค์กร แล้วต้องการส่งไปเขียนเก็บไว้ใน Google Sheets แบบต่อท้าย (Append) เช่น ในตัวอย่างนี้ วัดระยะเวลาการโอนย้ายข้อมูล เปรียบเทียบระหว่าง rsync เพื่อสำรองข้อมูลไปไว้ในเครื่องเซิร์ฟเวอร์สำรองที่ต่างวิทยาเขต กับ การนำไปเก็บไว้ใน Google Drive ตามวิธีการที่กล่าวไว้ใน วิธีการ Upload ไฟล์ไปบน Google Drive File Stream ด้วย Google Client Library for Python ผมได้เขียนโค๊ดเอาไว้ที่ https://github.com/nagarindkx/google.git สามารถโคลนไปใช้งานได้ (ช่วย Reference กันด้วยนะครับ) ขั้นตอนการใช้งานมีดังนี้ ใช้คำสั่ง git clone https://github.com/nagarindkx/google.git cd google ติดตั้ง python, pip, google-api-python-client ตามที่เขียนไว้ใน การใช้งาน Google Drive API ด้วย Google Client Library for Python และสร้างโปรเจคใน Google Developer Console เปิดใช้งาน Google Sheets API, สร้าง Credentials > OAuth Client ID แล้ว download JSON มาไว้ในชื่อว่า client_secret.json รูปแบบคำสั่งคือ $ python append2gsheet.py –help usage: append2gsheet.py [-h] [–auth_host_name AUTH_HOST_NAME] [–noauth_local_webserver] [–auth_host_port [AUTH_HOST_PORT [AUTH_HOST_PORT …]]] [–logging_level {DEBUG,INFO,WARNING,ERROR,CRITICAL}] –data DATA –sheetid SHEETID [–range RANGE] [–value-input-option VALUEINPUTOPTION] optional arguments: -h, –help show this help message and exit –auth_host_name AUTH_HOST_NAME Hostname when running a local web server. –noauth_local_webserver Do not run a local web server. –auth_host_port [AUTH_HOST_PORT [AUTH_HOST_PORT …]] Port web server should listen on. –logging_level {DEBUG,INFO,WARNING,ERROR,CRITICAL} Set the logging level of detail. –data DATA CSV format –sheetid SHEETID Google Sheets ID –range RANGE Simply Sheet Name like ‘Sheet1!A1’ –value-input-option VALUEINPUTOPTION Optional: [RAW,USER_ENTERED] สิ่งที่ต้องมี คือ Google Sheets ที่สร้างไว้แล้ว ให้สังเกตที่ URL ตัวข้อความที่อยู่หลัง https://docs.google.com/spreadsheets/d/ จะเป็น “Sheet

Read More »

วิธีการ Upload ไฟล์ไปบน Google Drive File Stream ด้วย Google Client Library for Python

Google Drive File Stream จริงๆแล้วก็คือการเปิดให้ PC ทั้ง Windows และ Mac สามารถ Map Drive จาก Google Drive มาเป็น G:\ หรืออะไรทำนองนั้น แต่ปัจจุบัน (September 2017) บน Windows Server ซึ่งใช้ Secure Boot จะไม่สามารถติดตั้ง Client ได้ และ Ubuntu Server ก็ยังไม่มีตัวติดตั้ง ดังนั้น ในภาพของผู้ดูแลระบบ ไม่สามารถใช้ความสามารถนี้ได้ … โดยตรง ส่วนใน Windows Desktop ทั่วไปก็จะติดตั้งได้ แม้ว่า จากคำโฆษณา จะบอกว่าผู้ใช้สามารถใช้งานได้ แม้พื้นที่บน Local Drive ไม่เยอะ แต่เอาเข้าจริง ด้วยความสามารถที่จะใช้งาน Offline ได้บ้าง ทำให้ Client ต้อง Cache ไฟล์ที่ใช้งานด้วยเช่นกัน และหาก upload ไฟล์ขนาดใหญ่ จาก Local Drive ไปเก็บใน G:\ ข้างต้น ก็จะทำให้ต้องเสียพื้นที่ในขนาดเท่าๆกันไปด้วย เช่น ใน Local Drive มีไฟล์ที่จะ Backup ขึ้นไป ขนาด 1 GB บน C:\ เมื่อทำการ Copy ไปยัง G:\ ก็จะเสียพื้นที่อีก 1 GB ด้วยเช่นกัน ทางออกก็คือ ใช้ความสามารถของ Google Client Library ทำการ Upload ไฟล์ขึ้นไปโดยตรง เท่าที่ทดลองมา จะไม่ได้ Cache บน Local Drive ทำให้สามารถ Upload ไฟล์ขนาดใหญ่ได้ โดยไม่เสียพื้นที่เพิ่มแบบ Client ข้างต้น วิธีการใช้งาน Python เพื่อ Upload File ขึ้น Google Drive File Stream ผมเขียน Code เอาไว้ ชื่อ upload2gdrive.py ไว้บน GitHub (https://github.com/nagarindkx/google) สามารถดึงมาใช้งานได้โดยใช้คำสั่ง clone https://github.com/nagarindkx/google.git cd google สร้าง Project, Credential ตาม “ขั้นที่ 1” ในบทความ การใช้งาน Google Drive API ด้วย Google Client Library for Python ซึ่งจะได้ไฟล์ Client Secret File มา ให้แก้ไขชื่อเป็น “client_secret.json” แล้ว นำไปไว้ใน directory “google” ตามข้อ 1 วิธีใช้คำสั่ง ดูวิธีใช้ python upload2gdrive.py –help Upload ไฟล์ จาก /backup/bigfile.tar,gz python upload2gdrive.py –file /backup/bigfile.tar.gz บน Windows ก็สามารถใช้งานได้ ด้วยคำสั่ง python upload2gdrive.py –file D:\backup\bigfile.tar.gz หากต้องการระบุตำแหน่ง Folder บน Google Drive ที่ต้องการเอาไฟล์ไปไว้ ให้ระบุ Folder ID python upload2gdrive.py –file /backup/bigfile.tar.gz —-gdrive-id xxxxxxxbdXVu7icyyyyyy หากต้องการระบุ Chunk Size (ปริมาณข้อมูลที่จะแบ่ง Upload เช่น

Read More »

การใช้งาน Google Drive API ด้วย Google Client Library for Python

ในบทความนี้ จะแนะนำวิธีการเขียน Python เพื่อติดต่อกับ Google Drive API ทาง Google Client Library ซึ่ง จะใช้ REST v2 [1] เนื่องจาก ใน REST v3 ยังหาทางแสดง Progress ไม่ได้ (หากได้แล้วจะมา Update นะ) สิ่งต้องมี Python 2.6 ขึ้นไป PIP Package Management Tool เครื่องต้องต่อ Internet ได้ แน่นอน มี Google Account ขั้นที่ 1: เปิดใช้ Drive API เปิด URL https://console.cloud.google.com แล้วคลิก Select a project จากนั้นคลิกปุ่ม + เพือสร้าง Project ตั้งชื่อ Project แล้วคลิก Save เลือก Project ที่สร้างขึ้น เลือก API Library ที่ต้องการ ในที่นี้คือ Google Drive API แล้วคลิก Enable จากนั้น Create Credentials เลือกชนิดเป็น OAuth Client ID แล้วกรอกข้อมูลดังนี้ สร้าง Consent Screen เลือก Application Type เป็น Web Application, ระบุ Name (จะแสดงตอนขอ Permission) แล้วตั้งค่า URL ทั้ง 2 อันเป็น http://localhost:8080   และ สุดท้าย คลิก Download ก็จะได้ไฟล์ JSON มา ส่งนี้จะเรียกว่า “Client Secret File”  ให้เก็บไฟล์ไว้ใน Directory เดียวกันกับที่ต้องการจะเขียน Python Code โดยสามารถแก้ไขเปลี่ยนชื่อ เช่น ตั้งเป็น client_secret.json ขั้นที่ 2: ติดตั้ง Google Client Library ติดตั้งด้วย pip ตามคำสั่งต่อไปนี้ pip install –upgrade google-api-python-client ขั้นที่ 3: เขียน Code เพื่อติดต่อ Drive API จาก Python Quickstart [1] เป็นการเริ่มต้นที่ดีมาก เราสามารถนำ Code มาเป็นจุดเริ่มต้นได้ โดยตัวอย่างจะทำการติดต่อไปยัง Google Drive แล้ว List รายการของไฟล์ 10 อันดับแรกออกมา ตัวอย่างที่ Google ให้มา จะอ้างอิงไปยัง Credentials Path ไปยัง directory “.credentials” ใน “Home Directory” ของผู้ใช้ แต่ในตัวอย่างที่จะแสดงต่อไปนี้ ได้แก้ไขให้ “Client Secret File” อยู่ที่ directory เดียวกับ python file และเมื่อทำการ Authorization แล้วก็จะได้ “Credential File” มาเก็บไว้ที่เดียวกัน Code ต้นฉบับ สามารถดูได้จาก https://developers.google.com/drive/v2/web/quickstart/python ในที่นี้จะเปลี่ยนเฉพาะส่วนที่ต้องการข้างต้น และ เขียน Comment เพื่ออธิบายเพิ่มเติมเป็นภาษาไทย (ซึ่งไม่สามารถเขียนลงไปใน Python Code ได้) โดยตั้งชื่อไฟล์ว่า listfile.py from __future__

Read More »

Juju #04 – วิธีทำให้ WordPress กระจายงานไปยัง MySQL Slave ด้วย HyperDB

ต่อจาก Juju #03 – วิธีสร้าง Load Balance MySQL เมื่อมี MySQL Server มากกว่า 1 ตัว ซึ่งทำการ Replication กัน (ในตอนนี้ 2 ตัว คือ Master กับ Slave) ซึ่งให้ความสามารถในเรื่อง [1] Data-Security : เมื่อข้อมูลถูก Replicate ไปที่ Slave แล้ว เราสามารถหยุดการทำงานของ Slave เพื่อทำการสำรองข้อมูลได้ โดยไม่กระทบประสิทธิภาพการทำงานของ Master Analytics: ทำการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆได้ที่ Slave โดยไม่กระทบประสิทธิภาพการทำงานของ Master Scale-Out Solutions: เมื่อมี Slaves หลายตัว ทำให้สามารถกระจายงานในด้าน Read เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ โดยการแก้ไขข้อมูล จะทำที่ Master เท่านั้น ในบทความนี้ จะกล่าวถึงวิธีการ Scale-Out Solutions ของ WordPress เท่านั้น โดยใช้ Plugin ชื่อ HyperDB HyperDB [2] เป็น Database Class ที่ใช้แทนที WordPress built-in database functions โดยจะทำให้ WordPress สามารถติดต่อกับ MySQL ได้หลายเครื่อง โดยที่สามารถกำหนดได้ว่าจะ Write ไปยัง Master และ Read จากทั้ง Master และ Slaves อีกทั้งยังสามารถ Failover ได้อีกด้วย วิธีการติดตั้ง HyperDB ที่ WordPress ใช้คำสั่ง wget https://downloads.wordpress.org/plugin/hyperdb.1.2.zip sudo apt-get install unzip sudo unzip hyperdb.1.2.zip ย้ายไฟล์ hyperdb/db-config.php ไปยังที่ Directory เดียวกันกับ wp-config.php (ในที่นี้คื่อ /var/www/) sudo cp hyperdb/db-config.php /var/www ย้ายไฟล์ hyperdb/db.php ไปยังที่ Directory wp-content (ในที่นี้คื่อ /var/www/wp-content) sudo cp hyperdb/db.php /var/www/wp-content/ แก้ไขไฟล์ db-config.php (ในที่นี้คื่อ /var/www/db-config.php) [3] โดยค้นหาคำว่า DB_HOST ซึ่งควรจะปรากฏอยู่แค่ 2 แห่งในไฟล์ ให้ไปที่ชุดที่ 2 ซึ่งมีเนื้อหาประมาณนี้ จากนั้นแก้ไข DB_HOST ให้เป็น DB_SLAVE_1 ต่อไปก็ไปเพิ่ม define(‘DB_SLAVE_1′,’xxx.xxx.xxx.xxx’) ซึ่งไฟล์ wp-config.php หรือไม่ก็ wp-info.php (ในที่นี้อยู่ที่ /var/www/wp-info.php) เมื่อทดสอบใช้งาน พบว่า มี Query มาทั้งที่ master และ slave ในภาวะว่าง ในภาวะมีงานเข้ามา ทดสอบเพิ่มบทความใหม่ ชื่อ “This is my first article” พบว่า ระบบสามารถเขียนไปยัง Master แล้วสามารถส่งต่อไปให้ Slave ได้ ต่อไป เพิ่ม mysql-slave2 เข้าไปใน Juju และสร้าง Relation เป็น master -> Slave เช่นกัน แล้วทำการเพิ่ม DB_SLAVE_2 เข้าไปใน db-config.php และ wp-info.php ก็จะพบว่าข้อมูลได้ Replicate ไปหา Slave2 แล้ว และ เมื่อทำการ

Read More »