Setup และ Teardown (Robot Freamwork)

หลังจากที่เราเริ่มเขียน Test Script ไปสักพัก ก็จะเริ่มมี Test Step ที่เรามักต้องทำซ้ำ ๆ กัน เช่นเวลาเริ่มต้นและส่วนท้ายของ Test Script ทำให้ Test Script ของเราดูรก อ่านยาก มี Code ซ้ำ ๆ กันเต็มไปหมด และ Test Script เองก็มี Step ที่ไม่เกี่ยวกับการ Test ปนมาเพียบเลย วันนี้เลยขอเสนอให้ลองใช้ Setup และ Tear Down เพื่อช่วยลด Step เหล่านี้จาก Test Script ของเราดู โดย Setup และ Tear Down คืออะไรมารู้จักกัน Suite Setup = ก่อนที่จะเริ่ม Run Test ทั้งหมด จะต้องเริ่มการทำงานตัวนี้ก่อน Suite Teardown = หลังจาก Run Test เสร็จทั้งหมดแล้วจะสั่งให้ทำอะไรตอนสุดท้าย Test Setup = ก่อนที่จะเริ่มเข้า Test Case ให้เริ่มการกระทำนี้ก่อน Test Teardown = หลังจากจบ Test Case แต่ละ Case ให้ทำการกระทำนี้ ตัวอย่าง จากรูปด้านบน ก่อนที่จะเริ่ม Run Test ทั้งหมด ให้เริ่มทำการเปิด Browser ก่อน เมื่อเริ่ม Test Case ให้แสดงคำว่า Start!!! และเมื่อจบ Test Case ให้แสดงคำว่า “Finish!!!” แล้วพอจบ Test ให้ทำการ ปิด Browser นี้ ดังนั้น กรณีหากเรามี Case แค่ Case เดียวอาจจะไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ Test Setup กับ Test Teardown ก็ได้ เพราะว่าเราสามารถใช้ Suite Setup ในการเริ่มต้น และ Suite Teardown ในการจบการกระทำเลยก็ได้ ***สมมติว่า Test Case เรามี Pre-Condition ที่มี Step เหมือนกันทุก Test Case ก็ควรเอา Step นี้อยู่ใน Test Setup ข้อดีของ Setup และ Teardown ลดความซ้ำซ้อนของแต่ละ Test Script ลง ช่วยให้ดูง่ายขึ้น ช่วยทำให้เราโฟกัส กับสิ่งที่เราต้องการจะ Test ในแต่ละ Test Case ได้จริงๆ โดยไม่มี Setup Step และ Teardown Step มาทำให้ดูวุ่นวาย เกินความจำเป็น ช่วยเครียร์ Test Environment เสมอก่อนจากรัน Test และหลังจากรัน Test เสร็จ ถึง Test จะ Failed  แต่ Teardown ก็ยังทำงานต่อ จึงมั่นใจได้ว่า Test Environment ของเราสะอาดเสมอก่อนจะรัน Test ข้อต่อไป ^_^

Read More »

แปลงรูปภาพ ให้เป็นตัวอักษร

สำหรับ Blog ที่ 3 ในปีงบประมาณนี้ จะขอว่าด้วยเรื่องง่ายๆ ที่หลายๆ คนอาจไม่เคยรู้กันมาก่อน (มันง่ายจริงๆนะ ไม่ได้โม้ ) นั่นก็คือวิธีการแปลงรูปภาพ ให้กลายมาเป็นตัวอักษร หรือข้อความ มาเริ่มกันเลยดีกว่า ต้องขอเกริ่นก่อนว่า ทางผู้เขียนค่อนข้างจะใช้ชีวิตในทุกๆ วันกับการทำงานเอกสาร จัดทำคู่มือนู้นนั่นนี่ ต่างๆมากมาย และบ่อยครั้ง ก็จำเป็นจะต้องมานั่งคัดลอก หรือพิมพ์ข้อความจากไฟล์ภาพต่างๆ ให้มาอยู่ในรูปแบบเอกสารที่สามารถนำมาแก้ไขหรือประมวลผลต่อได้ ซึ่งมันก็จะค่อนข้างเสียเวลาอยู่มิใช่น้อยในแต่ละครั้ง อ๊าาาา … พอพูดมาจนถึงตอนนี้ หลายๆคนก็อาจจะคิดว่าก็มีตั้งหลายวิธีที่จะแปลงไฟล์รูปภาพให้ไปเป็นข้อความไง ทำไมไม่ใช้ละ ใช่!! มันก็มีหลายๆ โปรแกรมจริงนั่นแหละที่จะสามารถ convert รูปภาพให้เป็นตัวอักษรได้ แต่ไม่อยากลงโปรแกรมให้ยุ่งยากไง ก็อยากแค่คลิกขวาแล้วแปลงได้เลยง่ะ มันจะมีมั้ย ?? ตอบเลยว่า *** มี *** นั่นก็คือการแปลงรูปภาพ ให้กลายเป็นตัวอักษร ผ่านทาง Google Docs บน Google Drive นั่นเอง และไม่ใช่แค่รองรับการแปลงเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษเท่านั้นนะ แต่ยังรองรับการแปลงเป็นภาษาไทยได้ด้วย และไม่ใช่ได้ธรรมดานะ ยังถูกต้อง 100% ไปอี๊กกกก โอย!! เยี่ยมจริงๆ เยี่ยมจริงๆ ไม่บ่นมากละไปดูวิธีกันเลย let’s โกวววว Step 1. แนะนำให้เตรียมสแกนหรือถ่ายภาพข้อความที่ต้องการให้ชัด และ save เป็น .jpg หรือ .png ก็แล้วแต่ จากนั้นอัพโหลดขึ้น Google Drive ของเรา Step 2. เมื่ออัพโหลดเรียบร้อยแล้ว ให้ทำการ คลิกขวาที่รูป —> เลือกเปิดด้วย —> เลือก Google เอกสาร ดังรูป Step 3. รอแป๊บนึง Google Docs ก็จะเปิดขึ้นมา โดยด้านบนสุดจะเป็นภาพปกติต้นแบบของเรา ส่วนด้านล่างของหน้าเอกสารก็จะเป็นตัวอักษรที่แปลงมาจากรูปภาพให้เราโดยอัตโนมัติ ซึ่งเราก็จะสามารถ copy หรือนำข้อความที่แปลงมาได้นั้นไปใช้งานต่อได้เลย ง่ายเนอะ เทคโนโลยีสมัยนี้เนี่ย ทำให้ชีวิตเราง่ายและสะดวกสบายขึ้นมากจริงๆ อย่างไรก็แล้วแต่ ทางผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่า Blog สั้นๆ ในรอบนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านไม่มากก็น้อยแหละนะ อยากให้ลองใช้งานกันดู เช่น ถ้าจะพิมพ์ข้อความสักหน้านึงในหนังสือเล่มนึง ก็หยิบมือถือขึ้นมา ถ่ายรูปหน้าที่ต้องการเลย จากนั้นอัพขึ้น Google Drive อัพเสร็จ คลิกขวาตามขั้นตอน บิงโกกกกกก ได้ข้อความมาละโดยไม่ต้องนั่งพิมพ์ หื้มมมม ประหยัดเวลาสุดๆ ไปลองกันดูเน้อทุกคน ….. สวัสดี ขอขอบคุณข้อมูลข่าวสารดีดี– https://www.it24hrs.com

Read More »

การเชื่อมต่อ OAuth2 ด้วย WordPress

อยาก  Login ด้วย OAuth2 กับ WordPress ต้องทำอย่างไร สำหรับตัวอย่างนี้จะทำการติดตั้งบน WordPress 5.1 ผ่าน Plugin Simple Single Sign On หลังจากติดตั้ง WordPress เสร็จ เข้าหน้า Administrator แล้วทำการกด Install เพื่อเข้าไปยังหน้าติดตั้ง Extension เพิ่มเติม ทำการเพิ่มปลั๊กอินใหม่ดังรูป ทำการค้นหา single sign on และทำการ Install Now จากนั้นทำการกด Activate จากนั้นทำการตั้งค่าโดยข้าม Step 1 ไปตั้งค่า Step 2 เนื่องจากได้มีการตั้งค่า WP OAuth Server ให้รองรับไว้อยู่แล้ว หลังจากนั้นทำการทดสอบ Login โดยกดปุ่ม Single Sign On เพิ่งเท่านี้ก็จะสามารถใช้งานได้ แต่ยังเป็นแบบเลือกได้ว่าจะ Login แบบ Local หรือผ่าน OAuth โดยอาจจะทำเป็นปุ่มในหน้าแรกเพื่อให้กด Login ก็ได้เช่นกัน

Read More »

การเชื่อมต่อ OAuth2 ด้วย Joomla

อยาก  Login ด้วย OAuth2 กับ Joomla ต้องทำอย่างไร              สำหรับตัวอย่างนี้จะทำการติดตั้งบน Joomla 3.9.3 ผ่าน Plugin MiniOrange OAuth Client หลังจากติดตั้ง Joomla เสร็จ เข้าหน้า Administrator แล้วทำการกด Install เพื่อเข้าไปยังหน้าติดตั้ง Extension เพิ่มเติม หลังจากนั้นกด Add Install from Web ค้นหาชื่อ oauth ติดตั้ง miniOrange OAuth Client  หลังจากติดตั้งเสร็จให้ทำการเปิด Plugins เพิ่มเติมดังรูป จากนั้นทำการตั้งค่าโดยสำหรับ miniOrange ต้องสมัครใช้งานก่อน เพราะมีทั้งแบบฟรีและไม่ฟรี แต่เราจะใช้เฉพาะในส่วนของฟรี ในการสมัครต้องใส่ email และตั้งรหัสผ่าน หลังจากติดตั้ง Joomla เสร็จให้ทำการกด Install เพื่อเข้าไปยังหน้าติดตั้ง Extension เพิ่มเติม จากนั้นทำการตั้งค่าเกี่ยวกับ OAuth สามารถกดทดสอบการ Authen ได้ที่ปุ่ม Test Configuration จะปรากฎหน้า Login เพื่อเข้าสู่ระบบ     หลังจาก Login เสร็จจะคืนค่า User Profile ดังรูป           ในการเอาไปใช้งานต่อให้ทำการสร้างปุ่ม ชี้ไปยัง http://localhost/joomla/?morequest=oauthredirect&app_name=other เพื่อเข้าใช้งาน OAuth ลองไปทำต่อดูครับ

Read More »

ทดสอบเชื่อมต่อ OAuth2 ด้วย Postman

ต้องการทดสอบใช้งาน OAuth2 แต่ยังไม่รู้เลยว่าต้องทำยังไง              ถ้าต้องการทดสอบเบื้องต้นว่า OAuth2 ใช้งานอย่างไร หรือต้องการทดสอบอะไรบางอย่างก็สามารถใช้  Postman ทดสอบได้เลยครับ โดยไม่ต้องเขียนโปรแกรม ซึ่งก่อนอื่นต้องทำการติดตั้งโปรแกรมให้เรียบร้อยก่อนจาก Link : https://sysadmin.psu.ac.th/2017/04/23/postman  ตัวอย่างการเชื่อมต่อแบบ Authorization Code จากนั้นทำการกรอกรายละเอียด ซึ่งรายละเอียดทางผู้ดูแลจะแจ้งให้ทราบเมื่อขอเปิดใช้บริการ จากนั้นจะปรากฎหน้าให้ Login เข้าสู่ระบบ หลังจาก Login ก็จะปรากฎหน้า Token นำไปใช้ขอบริการข้อมูล จะได้ access_token ไปใช้งาน โดยจากตัวอย่างจะเห็นว่ามีระยะเวลาหมดอายุ 3600 วินาที หรือ 1 ชม.นั่นเอง ส่วนคำว่า bearer เป็นชนิดของ Token ซึ่งชนิดมีผลต่อรูปแบบความปลอดภัยที่แตกต่างกัน ซึ่งจะไม่ได้กล่าวถึงรายละเอียด ลองไปศึกษาดูครับ ในส่วนของ OAuth2 แบบอื่น ๆ ศึกษาเพิ่มเติมได้จาก https://sysadmin.psu.ac.th/2017/04/23/what-is-oauth2/ รวมถึงตัวอย่างการเชื่อมต่อ OAuth2 กับ UserGrid ได้ที่ https://sysadmin.psu.ac.th/2017/04/19/auth-role-usergrid/ ====================== References : [1] https://sysadmin.psu.ac.th/2017/04/23/postman [2] https://sysadmin.psu.ac.th/2017/04/23/what-is-oauth2/ [3] https://sysadmin.psu.ac.th/2017/04/19/auth-role-usergrid/

Read More »