การเข้ารหัส Password หรือข้อมูลส่วนบุคคลในฐานข้อมูล ด้วย Hash Function กับ Salt Value

การ Hashการ Hash หรือ Hashing ชื่ออย่างเป็นทางการคือ Cryptographic Hash คือการสร้างข้อมูลที่เป็นตัวแทนของข้อมูลที่ต้องการ ซึ่งอาจจะเป็นรหัสผ่าน หรือข้อมูลส่วนบุคคลอื่นๆ และนำไปจัดเก็บในฐานข้อมูลหรือใน Text file หรือในที่อื่นๆ ซึ่งข้อดีของการทำ Hash คือจะไม่สามารถถอดรหัส หรือกระทำการใดๆ เพื่อที่จะ Reverse ให้ออกมาเป็นข้อความต้นฉบับ ซึ่งในปัจจุบันมีวิธีการ Hash มากมาย เช่น MD5, SHA1, SHA256, SHA512, RipeMD, WHIRLPOOL, SHA3 เป็นต้น การเขียนโปรแกรมในแง่การเขียนโปรแกรมของแต่ละภาษา จะมี Library หรือเครื่องมือที่เอาไว้ใช้ทำ Hash อยู่แล้ว สามารถเปิดจากคู่มือ ได้เลยครับ MD5 Hashing & Crackingเป็นการทำ Hash ที่พื้นฐานที่สุด และเมื่อหลายปีที่ผ่านมามีข่าวออกมาว่ามีผู้ Crack ได้สำเร็จ ซึ่งรายละเอียดคร่าวๆ ของเรื่องนี้คือ การทำ Hash ทุกชนิดจะมีการเกิดการซ้ำกันของค่า Hash เนื่องจากการมีคุณสมบัติแทนข้อมูลที่ต้องการ ซึ่งค่า Hash ที่สร้างขึ้นจะมีความยาวที่เท่ากันเสมอ ซึ่งสำหรับ MD5 ก็จะมีความยาว 16 bytes (128 bits) ซึ่งค่า hash ที่เป็นไปได้ทั้งหมดก็จะมีค่า 256^16 (หรือ 2^128) ค่าเท่านั้น ในขณะนี้ที่ข้อมูลที่เราต้องการแทนตัวนั้นอาจเป็นข้อมูลอะไรก็ได้ที่มากกว่าค่า 256^16 (หรือ 2^128) แน่นอน จึงเป็นไปได้ที่จะพบข้อมูลมากกว่า 1 ชุดจะมีค่า Hash ที่ตรงกันความจริงแล้ว MD5 จะไม่สามารถถอดรหัสได้ เนื่องจาก Hash ทุกชนิดจะผ่านกระบวนการเข้ารหัสแบบทางเดียว ดังนั้นทางที่จะสามารถจะรู้ได้ว่าค่าตั้งต้นของ Hash นี้คืออะไร คือการพยายามสุ่มรหัสที่เป็นไปได้ จากนั้นเอาไปแปลงค่าเป็น MD5 และนำค่าที่ได้ไปเปรียบเทียบ (เรียกว่าเป็นการ Brute force นั่นเอง) ซึ่งถ้าเป็นข้อมูลที่มีความยาวหรือมีความซับซ้อนมาก ก็จะต้องใช้เวลาที่นานขึ้น Rainbow Tableเป็นการเก็บข้อมูล Hash โดยมีข้อมูลต้นฉบับจากการ Brute Force เพื่อความรวดเร็วในการตรวจสอบ ซึ่งในปัจจุบัน GPU ระดับปานกลางหลายๆ รุ่นจะสามารถคำนวน Hash ได้ในระดับ 10 ล้าน Hash ต่อวินาที ซึ่งในปัจจุบันมีผู้ยอมเสียเวลาเพียงครั้งเดียวเพื่อสร้าง Hash ที่มีควายาวมากๆ และมีความซับซ้อน เพื่อในครั้งต่อๆ ไปจะสามารถนำมาาใช้งานได้ทันที และมีให้ดาวน์โหลดได้ฟรีอีกด้วย ปัญหาของ Rainbow Table ในปัจจุบันคือ ยังไม่มีการสร้าง rainbow table ขึ้นมาสำหรับ hash ทุกชนิดหรือทุกความยาวของข้อมูลที่ต้องการ ถึงแม้จะมี CPU หรือ GPU ความสามารถสูงๆ แต่การทำ Hash ก็ยังคงใช้พลังในการประมวลผลมากเช่น SHA-2 ขนาด 256 bits ขึ้นไป เป็นต้น Saltingเป็นเทคนิคนึงสำหรับเพิ่มความปลอดภัยสำหรับข้อมูลตั้งต้นของเรา ซึ่งทำให้ใช้เวลาในการถอดรหัสมากขึ้น ดังตัวอย่างเช่น ข้อความที่ต้องการเข้ารหัสตั้งต้นคือ “ThisIsMyPassword” และเมื่อรวมเข้ากับ Salt (ซึ่งอาจมาจากข้อความที่สุ่มขึ้นมา) คือ “3gswgW09seh” จะได้เป็น “ThisIsMyPassword3gswgW09seh” จากนั้นนำข้อความนี้ไป Hasing ซึ่งถ้าคำนวนความน่าจะเป็นของข้อความ กรณีที่เป็นตัวอักษรตัวเล็ก ตัวใหญ่ และตัวเลข มีความเป็นไปได้ 62 แบบ จะเท่ากับว่าถ้ารหัสผ่านที่เราเก็บมีความยาว 16 ตัวอักษร ก็ต้อง Hash ถึง 16^62 แบบ แต่ถ้าเป็นข้อความที่รวมกับSalt แล้วข้างต้น เป็นความยาว 27 ตัวอักษร ผู้ไม่ประสงค์ดีต้อง Hash ถึง 27^62 ถึงจะได้ข้อความที่ถูกต้อง ซึ่งต้องใช้เวลามหาศาลมากกว่าเดิม แต่ข้อเสียของวิธี Salting จะต้องมีการเก็บ Salt Value ในลักษณะของ Plain Text หรือเก็บไว้ในโปรแกรมที่พัฒนา

Read More »

CrystalReport : จัดการกราฟซ่อนแอบ

จากที่ผู้เขียนช่วงนี้ได้มีการทำกราฟใน Crystal Report ทำไปทำมาผลปรากฎว่า กราฟไม่แสดงรูปซะงั้น (ไหงเป็นแบบนี้ได้หว่าาาาาา T T) จึงได้ลองค้นหาข้อมูลและพบว่า ต้องเพิ่ม Config เพิ่มเติมเข้าไปใน ” Web.config “ตาม Code ด้านล่างเลยจ้าาาา ส่วนแรก “System.web” ส่วน “httpHandlers”โดย Version จะต้องเป็น Version Crystal Report ที่เราใช้งานอยู่ อย่าลืมตรวจสอบให้ตรงกันด้วยนะ ส่วนที่สอง “System.webServer” ส่วน “handlers”โดย Version จะต้องเป็น Version Crystal Report ที่เราใช้งานอยู่ อย่าลืมตรวจสอบให้ตรงกันด้วยนะ หวังว่า Blog นี้จะช่วยเหลือท่านที่ประสบปัญหาเดียวกันอยู่นี้ไม่มากก็น้อยนะคะ แล้วพบกันใหม่ Blog หน้าค่าาาาาา 🙂

Read More »

Refresh ข้อมูลในกรณีที่ฐานข้อมูลมีการอัพเดทใน LINQ และ Entity Framework (Refresh Query in LINQ)

จากปัญหาที่เคยเจอในกรณีที่ฐานข้อมูลมีการอัพเดทไปแล้ว พอ Select ข้อมูลออกมาข้อมูลไม่ refresh ในกรณีนี้จะยกตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชัน reload ของ System.Data.Entity.Infrastructure public class DbEntityEntry where TEntity : class // Summary:// Reloads the entity from the database overwriting any property values with values // from the database. The entity will be in the Unchanged state after calling this// method.public void Reload(); โดยการใช้งานนั้นจะยกตัวอย่างตามโค้ดด้านล่าง ProjectEntities pe = new ProjectEntities(); var project = pe.PROJECT.Where(w => w.ID == projectID && w.YEAR == year).FirstOrDefault(); if (project != null) { pe.Entry(project).Reload(); } หวังว่าคงจะได้ช่วยโปรแกรมเมอร์ทีมีปัญหาเรื่องการ refresh ข้อมูลผ่าน LINQ และ Entity Framework

Read More »

การสร้างเงื่อนไขแบบหลายตัวแปรในการค้นหาข้อมูลผ่าน LINQ (Multiple Search In LINQ)

การสร้างเงื่อนไขแบบหลายตัวแปรในการค้นหาข้อมูลผ่าน Linq เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน จะยกตัวอย่างโดย กำหนดเงื่อนไข 3 ตัวแปร ดังนี้ ตัวแปร “ชื่อ/นามสกุล/เลขประจำตัวประชาชน” โดยใช้ control TextBox ที่ชื่อ ID=”txtSearch” ตัวแปร “โครงการรับ” โดยใช้ control DropDownList ที่ชื่อ ID=”ddProject” ตัวแปร “สถานะการตรวจเอกสาร” โดยใช้ control DropDownList ที่ชื่อ ID=”ddStatus” จากนั้นเราสร้าง Entity ยกตัวอย่างเป็น UploadEntities ซึ่งในที่นี้ สร้าง DbSet ที่เชื่อมต่อฝั่งฐานข้อมูลยกตัวอย่างเป็น V_REGISTRATION_UPLOAD ผ่าน Entity Framework 4.5 จากนั้นใช้ LINQ ในการเขียนเงื่อนไข ยกตัวอย่างตามโค้ดด้านล่าง project = ddProject.SelectedValue; status = ddStatus.SelectedValue; search = txtSearch.Text.Trim(); outList = ue.V_REGISTRATION_UPLOAD .Where(w => (w.STUD_FNAME.Contains(search) || w.STUD_LNAME.Contains(search) || w.CITIZEN_ID.Contains(search)) || string.IsNullOrEmpty(search)) .Where(x => x.PROJECT_ID == project || string.IsNullOrEmpty(project)) .Where(y => y.APPROVED_STATUS == status || string.IsNullOrEmpty(status)) .ToList(); gvUploadedList.DataSource = outList; gvUploadedList.DataBind(); สรุปได้ว่าการนำฟังก์ชัน Where ของ LINQ มาใช้งานนั้น ทำให้โปรแกรมเมอร์สะดวกและลดการเขียนโค้ดให้ง่ายขึ้นจากเมื่อก่อนที่ต้องตรวจสอบเงื่อนไขเป็นแบบทีละเงื่อนไข

Read More »

Stencil : Decorators

Component Decorator แต่ละ Stencil component จะต้องขึ้นต้นด้วย @Component() decorator เสมอ โดย import มาจาก @stencil.core package ซึ่งภายใต้ @Component() decorator สามารถกำหนด tag name และ styleUrl ของ component import { Component } from ‘@stencil/core’; @Component({ tag: ‘todo-list’, styleUrl: ‘todo-list.scss’ }) export class TodoList { … } @Component() decorator ให้ความสามารถในการกำหนด CSS classes และ attributes บน componnet ที่สร้างโดยใช้ host option ดังนี้ import { Component } from ‘@stencil/core’; @Component({ tag: ‘todo-list’, styleUrl: ‘todo-list.scss’, host: { theme: ‘todo’, role: ‘list’ } }) เมื่อใช้งาน component ตัวนี้ ก็จะมีการกำหนดค่า class เป็น todo และกำหนด role attribute ให้อัตโนมัติ <todo-list class=’todo’ role=’list’></todo-list>   Prop Decorator @Prop() decorator ใช้ระบุ attribute หรือ properties สำหรับ element ที่ผู้พัฒนาสามารถกำหนดค่าให้กับ component นั้นได้  เนื่องจาก Children component จะไม่สามารถเข้าถึง properties หรือ reference ของ parent component ได้จึงใช้ Props ในการผ่านข้อมูลจาก parent มาสู่ child และเมื่อใดก็ตามที่ค่าของ Props เปลี่ยนแปลงจะทำให้ component ทำการ re-render type ของ Props ที่รองรับมีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น number, string, boolean หรือแม้กระทั่ง Object หรือ Array import { Prop } from ‘@stencil/core’; … export class TodoList { @Prop() color: string; @Prop() favoriteNumber: number; @Prop() isSelected: boolean; @Prop() myHttpService: MyHttpService; } ภายใน function ใน TodoList class สามารถเรียกใช้งาน Props ผ่าน this operator logColor() { console.log(this.color) } สำหรับการใช้ภายนอก ใน HTML การกำหนดค่าทำได้โดย set ค่าให้ attributes ของ component tag โดยใช้ dash-case  เช่น Prop favoriteNumber ใช้ attribute favorite-number <todo-list color=”blue” favorite-number=”24″ is-selected=”true”></todo-list> สำหรับการใช้ใน JSX การกำหนดค่าทำได้โดย set ค่าให้ attributes ของ component tag โดยใช้

Read More »