กลไกการทำงานของ .NET method โดยส่วนใหญ่ จะมีกลไกการทำงานที่ต้องขึ้นกับเงื่อนไข ปัจจัยต่างๆจากภายนอกอย่างเช่น method ที่มีเรียกใช้ database หรือ web service ทำให้การทดสอบจำเป็นต้องแยก component ที่ต้องการทดสอบออกมาจากปัจจัยแวดล้อมต่างรอบๆ component ซึ่งสามารถทำได้โดยใช้ shim ที่อยู่ภายใต้การควบคุมในกระบวนการทดสอบ สามารถที่จะควบคุมผลลัพธ์ที่ได้การทำงานตามที่กำหนดในทุกๆครั้งที่เรียกใช้งาน ซึ่งทำให้การเขียน unit testing ทำได้ง่ายขึ้นมาก
การพัฒนา unit test สำหรับ method ที่ใช้ Entity Framework เพื่อเข้าถึงฐานข้อมูล ก็สามารถใช้ shim type ในการกำหนดชุดของข้อมูลเพื่อทำการทดสอบ ซึ่งการ query จะกระทำกับ property ของ DbContext ซึ่ง return IDbSet<T>
public partial class Entities : DbContext { public Entities(): base("name=Entities") { } public IDbSet<CONFIG> CONFIG { get; set; } ... }
ในการพัฒนา unit test จะต้องสร้าง shim type สำหรับ class “Entities” และแทนที่ property ที่ดึงข้อมูลจากฐานข้อมูลจริงแยกออกจากการทดสอบ ด้วยข้อมูลสำหรับทดสอบ จากตัวอย่างข้างบนคือ property “CONFIG” ซึ่งเป็นประเภท IDbSet<CONFIG> โดยจะทำการ returm DbSet<CONFIG> ที่เตรียมข้อมูลไว้สำหรับการทดสอบ
using (ShimsContext.Create()) { ShimEntities.AllInstances.CONFIGGet = (e) => { return ... DbSet<CONFIG> }; }
แต่ใน DbSet ไม่มี public constructor ทำให้ไม่สามารถสร้าง instance ของ DbSet ได้ จึงจำเป็นต้องสร้าง class ใหม่ที่ implement interface IDbSet<T> แทนการใช้ DbSet
public class TestDbSet<T> : IDbSet<T>, IQueryable, IEnumerable<T> where T : class { ObservableCollection<T> _data; IQueryable _query; public TestDbSet() //: base() { _data = new ObservableCollection<T>(); _query = _data.AsQueryable(); } public virtual T Find(params object[] keyValues) { throw new NotImplementedException("Derive from TestDbSet<T> and override Find"); } public T Add(T item) { _data.Add(item); return item; } public T Remove(T item) { _data.Remove(item); return item; } public T Attach(T item) { _data.Add(item); return item; } public T Create() { return Activator.CreateInstance<T>(); } public TDerivedEntity Create<TDerivedEntity>() where TDerivedEntity : class, T { return Activator.CreateInstance<TDerivedEntity>(); } public ObservableCollection<T> Local { get { return new ObservableCollection<T>(_data); } } Type IQueryable.ElementType { get { return _query.ElementType; } } System.Linq.Expressions.Expression IQueryable.Expression { get { return _query.Expression; } } IQueryProvider IQueryable.Provider { get { return _query.Provider; } } System.Collections.IEnumerator System.Collections.IEnumerable.GetEnumerator() { return _data.GetEnumerator(); } IEnumerator<T> IEnumerable<T>.GetEnumerator() { return _data.GetEnumerator(); } }
หลังจากนั้นสร้าง class อีกหนึ่ง class ที่ inherit มาจาก TestDbSet<T> ระบุ generic type เป็น model class ที่ต้องการในที่นี้คือ CONFIG และเขียน code override Find() method ของTestDbSet<T> เพื่อทำหน้าที่ค้นหา object ตาม key ที่ส่งมา ( สาเหตุ ต้องสร้าง class ที่ inherit มาจาก TestDbSet<T> เนื่องจาก แต่ละ model class อาจจะมี key ที่ไม่ตรงกัน ดังนั้นใน TestDbSet<T>.Find() method จึงไม่สามารถ implement code ที่ต้องการได้ )
public class ConfigDbSet : TestDbSet<Models.CONFIG> { public override Models.CONFIG Find(params object[] keyValues) { return this.SingleOrDefault(s => s.ID == (decimal)keyValues.Single()); } }
จากนั้นกลับมาที่ unit test method ก็จะทำการ new ConfigDbSet() แล้วส่งข้อมูลที่สำหรับทดสอบกลับไปได้ โดยไม่ต้องใช้ข้อมูลจริงจากฐานข้อมูล