รวมวิธีการเปิดใช้งาน IPv6

“บทความนี้เป็นบทความเกี่ยวกับวิธีการเปิดใช้งาน  IPv6 สำหรับบริการที่เป็น Web Server รวมถึงวิธีการตรวจสอบ Client และ Server ว่าพร้อมหรือยังที่จะใช้งาน  IPv6” Blog 1 : การตรวจสอบสถานะการใช้งาน IPv6 สำหรับ Client และ Server Blog 2 : การตั้งค่า Interface สำหรับ Windows Server Blog 3 : การตั้งค่า Interface สำหรับ Ubuntu Linux Blog 4 : การตั้งค่า Interface สำหรับ CentOS/Redhat Linux Blog 5 : การตั้งค่า Apache Web Server สำหรับ Ubuntu Linux Blog 6 : การตั้งค่า Lighttpd Web Server สำหรับ CentOS Linux Blog 7 : การตั้งค่า Nginx Web Server สำหรับ Ubuntu Linux

Read More »

Dual Boot Ubuntu 14.04 & Windows 8.1 in UEFI

เหตุการณ์สมมติจึงใช้ VirtualBox ตั้งค่า VirtualBox ดังภาพ (ขอข้ามวิธีการสร้างเครื่องใหม่บน VirtualBox ไปเลยนะครับ คิดซะว่าชำนาญแล้ว โดยขนาด HDD ที่ต้องการ 100GB เป็นอย่างน้อย) โดยเลือก option ที่เขียนว่า Enable EFI (special OSes Only) และในช่อง  Boot Order: ให้เลื่อนเป็น Optical แล้วตามด้วย Hard Disk แล้วกด OK เมื่อเปิดเครื่องจะได้หน้าจอดังภาพ แสดงว่า BIOS ของเรากลายเป็น UEFI เรียบร้อยแล้ว เลือกแผ่น Ubuntu 14.04 ให้ต่อเข้ากับ Device reset เครื่อง เลือก *Try Ubuntu without installing รอจนได้ Windows Manager แล้วดับเบิ้ลคลิก Install Ubuntu 14.04.2 LTS บน Desktop เข้าสู่กระบวนการติดตั้ง Ubuntu ปกติทั่วไปสามารถใช้ Next Technology ได้เลยไปเรื่อยๆ จนถึงหน้า Installation type ให้เลือกหัวข้อ Something else แล้วกด Continue คลิก New Partition Table… คลิก Continue จะได้ดังภาพ คลิกคำว่า free space แล้วคลิกเครื่องหมายบวก (+) สร้าง Partition ขนาด 512MB มีชนิดเป็น EFI boot partition (ควรดูด้วยว่าพาทิชั่นที่ได้เมื่อสร้างเสร็จมีขนาด 512MB จริงๆ โดยใน VM ที่สร้างนี้ตอนสร้างใส่ไป 514MB) และกด + เพื่อสร้าง swap ในตัวอย่างกำหนดแรมไว้ 4GB สามารถสร้าง Swap เท่าแรมได้เลย และ / (root ขนาด 50GB) ตามลำดับโดยจะเหลือพื้นที่เปล่าไว้ด้วย ภาพแสดงพาทิชั่นเมื่อสร้างเสร็จแล้ว คลิก Install Now และคลิก Continue ที่เหลือหลังจากนี้สามารถกลับสู่โหมด Next Technology ได้เลยจนจบ สิ้นสุดคลิก Restart Now เอาแผ่นออกแล้วกด Enter (ปกติจะเอาออกให้อัตโนมัติ) ลองบูตดูจนได้หน้า Log In เลือก Devices แล้ว Optical Drives แล้วเลือกแผ่น Windows 8.1 คลิกรูปเฟืองที่มุมบนขวา เลือก Shutdown แล้วคลิก Restart เมื่อ VM กำลัง Shutdown ให้สังเกตุดูว่า โลโก้ Ubuntu หายไปให้รีบ ESC ทันทีจะได้ดังภาพ เลื่อน Cursor ลงมาที่ Boot Manager แล้วกด Enter จะได้ดังภาพ เลื่อน Cursor ลงมาที่คำว่า EFI DVD/CDROM แล้วจะมีข้อความว่า Press any key to boot from CD or DVD…. เมื่อกดปุ่มใดๆ จะเข้าสู่วินโดวส์เพื่อเริ่มติดตั้ง เมื่อได้หน้าเลือกภาษาให้เลือกดังภาพ แล้วคลิก Next คลิก Install now คลิกเครื่องหมายถูกหน้าข้อความ I accept the license terms คลิก Next เลือก Custom: Install

Read More »

How to restore a system after accidentally removing all kernels?

เหตุการณ์สมมติ… ทำไงดี??? เผลอรันคำสั่ง sudo apt-get remove –purge linux-image-3.19.0-* ได้ผลดังรูป (ดันกด y แล้ว enter อีกนะ) งานงอก …ลอง ls /boot เผื่อว่ายังมี Kernel เหลืออยู่บ้าง คุณพระ ไปหมดแล้ว… ตกใจ!!! reboot สิ… (กรั่ก ๆ) (หากไม่ตกใจจน reboot ไปซะก่อนสามารถพิมพ์คำสั่ง sudo apt-get install linux-image-generic ได้เลย) เงิบ!!! เหลือแต่ Memory Test…. แก้ไขโดยหาแผ่น Ubuntu Desktop ควรเป็นรุ่นเดียวกับรุ่นที่ติดตั้ง 12.04, 14.04 เป็นต้น (แต่แนะนำ 14.04 ถึงแม้จะกู้เครื่องที่เป็น 12.04) เมื่อบูตให้เลือก Try Ubuntu รอจน Desktop ขึ้นมาเรียบร้อย เปิด Terminal ขึ้นมา (กด ctrl+alt+t) พิมพ์คำสั่ง sudo fdisk /dev/sda -l (กรณีนี้รู้แน่ๆ ว่าติดตั้งบน /dev/sda) จากรูปมีสอง patition ที่น่าจะติดตั้ง Ubuntu เอาไว้ คือ /dev/sda1 และ /dev/sda5 ถ้าใช้แผ่น 12.04 จะไม่สามารถ mount ส่วนของ /dev/sda5 ได้เพราะมองไม่เห็น patition ที่เป็น LVM ตั้งแต่แรก แต่แผ่น 14.04 มองเห็น เมื่อคลิกที่ 103 GB Volume สามารถมองเห็นไฟล์ทั้งหมด ลองเปิดไฟล์ใน etc/fstab ดูไฟล์ข้างในว่า partition อยู่อย่างไร พบว่า /dev/sda1 เป็น boot และ /dev/mapper/ubuntu–vg-root เป็น / และ /dev/mapper/ubuntu–vg-swap_1 เป็น swap เราสนใจแค่ boot และ / สั่ง mount patition ตามลำดับต่อไปนี้ sudo mount /dev/mapper/ubuntu–vg-root /mnt sudo mount /dev/sda1 /mnt/boot sudo mount –bind /dev /mnt/dev sudo mount –bind /sys /mnt/sys sudo mount –bind /proc /mnt/proc สั่งคำ chroot ไปยัง /mnt สังเกตว่าหลังจากสั่งคำสั่ง chroot แล้ว prompt จะเปลี่ยนเป็น root@ubuntu:/# sudo chroot /mnt ให้ตรวจสอบแฟ้ม /etc/apt/sources.list ว่าใช้ repository ไหนด้วย หากไม่ได้ใช้ th.archive.ubuntu.com หรือ mirror.psu.ac.th หรือ mirrors.psu.ac.th หรือ mirror1.ku.ac.th ให้เปลี่ยนเป็น th.archive.ubuntu.com จากนั้นทดสอบ nslookup th.archive.ubuntu.com สำหรับคนที่ resolve ได้ (เรายินดีด้วย) ข้ามข้อ ๑๐ ไปได้เลย แก้ไขแฟ้ม /etc/hosts สำหรับเครื่องที่อยู่นอกมหาวิทยาลัยเพิ่มข้อความว่า 192.100.77.186 th.archive.ubuntu.com สำหรับเครื่องที่อยู่ภายในมหาวิทยาลัยเพิ่มข้อความว่า 192.168.101.34 th.archive.ubuntu.com  สั่ง apt  install linux-image-generic รอจนเสร็จได้ข้อความสุดท้ายประมาณว่า  Setting up linux-image-generic

Read More »

Dialog cannot open tty-output

dialog บน Oracle Enterprise Linux และ Ubuntu ไม่เหมือนกัน (ทำไมล่ะ…ไม่ทราบครับ) สร้างสคริปต์ชื่อ file.sh มีข้อความว่า #!/bin/bash FILE=$(dialog –ascii-lines –title “Delete a file” –stdout \ –title “Please choose a file to delete” –fselect /tmp/ 14 48) echo $FILE บน Ubuntu รันได้ผลลัพธ์ แต่บน Oracle Enterprise Linux ต้องเปลี่ยนสคริปต์มีสองแบบ แบบแรก #!/bin/sh dialog –ascii-lines –title “Delete a file” –stdout \ –title “Please choose a file to delete” –fselect /tmp/ 14 48 2>/tmp/file.tmp echo $(cat /tmp/file.tmp) แบบที่สอง #!/bin/bash FILE=$(dialog –ascii-lines –title “Delete a file” –stdout \ –title “Please choose a file to delete” –fselect /tmp/ 14 48 2>&1>/dev/tty) echo $FILE ผลลัพธ์ของทั้งสองแบบให้ผลเหมือนกันคือ จบ..วันนี้ห้วนไปหน่อย ขอให้สนุกครับ

Read More »

Mozilla Thunderbird & Google Calendar

1. ติดตั้ง extension 2 ตัวใน Thunderbird ได้แก่ Lightning และ Provider for Google Calendar ดังรูป 2. รีสตาร์ท Thunderbird จะพบปุ่ม อยู่ทางมุมบนขวา 3. เข้า gmail.psu.ac.th ล็อคอินให้เรียบร้อย คลิก  แล้วเลือก Calendar 4. ที่หน้า Calendar คลิก เลือก Setting 5. คลิก Calenders ทีี่มุมซ้ายบน 6. เลือกปฏิทินที่ต้องการ 7. ตรวจสอบว่าใช่ปฏิทินที่ต้องการหรือไม่ดูที่ ช่อง Calender Owner ว่าเป็นอันเดียวกับ Username ที่ล็อคอินเข้า gmail 8. เลื่อนดูด้านล่างในส่วนของ Private Address: 9. คลิกขวาที่ ICAL เลือก Copy Link Location 10. กลับมาที่ Thunderbird กดปุ่ม เพื่อเปิดปฏิทิน 11. คลิกขวาที่ช่องว่างฝั่งซ้ายมือใต้คำว่า Calendar เลือก New Calendar 12. ได้หน้าต่าง Create New Calendar เลือก Google Calendar กด Next 13. กด Ctrl-v เพื่อ paste URL ของปฏิทินที่ Copy มาในข้อก่อนหน้า 14. กด back 1 ครั้งแล้วกด Next ใหม่ (อันนี้น่าจะเป็นบักของ Ubuntu 14.10) 15. กด Next 16. จะมีหน้าต่างเพื่อยืนยันตัวตนของ Google ปรากฎขึ้นมา 17.  กด Sign in จะได้อีกหน้าต่างดังรูป กดยอมรับ 18. จะมีหน้าให้เลือกปฏิทินที่ต้องการอีกครั้งกด Next 19. จะมีหน้าให้ ยืนยันตัวตน และหน้าเพื่อขอสิทธิ์การเข้าถึง อีกรอบกดให้ Sign in และยอมรับ 20. กด Finish 21. ก็จะได้ปฏิทินเพิ่มมาตามต้องการ 22. ทั้งหมดนี้ทำบน Ubuntu 14.10 บน Windows ก็น่าจะทำเหมือนกัน 23. สามารถเพิ่มลบเหตุการณ์ผ่าน Thunderbird ได้เลยไม่ต้องเข้าเว็บอีก … 24. จากที่ทดสอบหนึ่ง Profile ของ Thunderbird สามารถมี Google Calendar ได้เพียง account เดียว 25. ขอให้สนุกครับ

Read More »