Tag: ubuntu

  • OVAL Definition Generator Information

    เพิ่มเติมจาก
    https://sysadmin.psu.ac.th/2023/02/14/ubuntu-oval/
    OVAL Definition Generator Information (ทางขวาในรายงาน) เป็น Canonical USN OVAL Generator ซึ่งรายงานจะสรุปเป็นหมวดหมู่ช่องโหว่

    ต่างจากรายงานที่โครงการ Data Lake ส่งมาใช้ OVAL Definition Generator Information เป็น Canonical CVE OVAL Generator เน้นแสดงตาม CVE จึงไม่มีสรุปว่า CVE เกี่ยวกับช่องโหว่ใด

  • Ubuntu 24.04 LTS

    Security Linux Ubuntu 14.04.6 LTS Ended Apr2024

    ขอให้ผู้ใช้ OS Linux Ubuntu Server 14.04 เปลี่ยนรุ่น OS

    เนื่องจาก Ubuntu Server 14.04 ที่ได้ออกมาตั้งแต่ 17Apr2014 ได้ยุติบริการแก้ไขช่องโหว่มาตรฐาน (End of Standard Support) แล้วเมื่อครบ 5 ปี Apr2019 และผู้ใช้สามารถสมัคร Ubuntu Pro เพื่อใช้บริการ Expanded Security Maintenance (ESM) ขยายเวลาดูแลแพตช์ความปลอดภัยให้แพ็กเกจซอฟต์แวร์ต่างๆ ของระบบนานเป็น 10 ปี ก็ได้ยุติลงแล้วเมื่อ Apr2024 ที่ผ่านมา

    จึงขอให้ผู้ใช้ OS Linux Ubuntu Server ได้เปลี่ยน OS ไปใช้รุ่น 22.04 LTS ที่ได้ออกมาแล้วกว่า 2 ปี ตั้งแต่ 21Apr2022 มี Software ที่เข้ากันได้แล้วจำนวนมาก และบริษัทดูแลแพตช์ความปลอดภัยให้แพ็กเกจซอฟต์แวร์ต่างๆ ของระบบจนถึง Jun2027 ซึ่งจะใช้ไปได้อีก 3 ปี หรืออีก 8 ปีหากสมัคร ESM

    ถ้าระบบที่ท่านดูแลมีความพร้อมใช้ OS Linux Ubuntu Server รุ่นล่าสุดๆ 24.04 LTS ที่เพิ่งออกมาสดๆ ร้อนๆ 25Apr2024 เนื่องจากเป็น Software ใหม่ อาจจะยังมีส่วนประกอบ Software บางส่วน ที่เข้ากันไม่ได้กับระบบของท่าน ท่านจำเป็นต้องทดสอบในสภาพแวดล้อมจำลอง ก่อนนำไปใช้ให้บริการเป็นระบบบริการจริง

    หากใช้ 24.04 LTS ก็จะใช้กันยาวๆ ไปได้อีก 5 ปีจนถึง Jun2029 หรืออีก 10 ปี Apr2034 หากสมัคร ESM

    https://wiki.ubuntu.com/Releases

  • Ubuntu OVAL

    เครื่องมือตรวจสอบช่องโหว่สำหรับอูบุนตู

    เพิ่มเติม สำหรับ Ubuntu 24.04 10Jun2024

    เมื่อได้รับทราบข้อมูลช่องโหว่ของลีนุกซ์อูบุนตูที่ดูแลอยู่จากเว็บไซต์ให้บริการตรวจสอบช่องโหว่ในระบบได้ฟรีๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย เช่น https://www.shodan.io/ ซึ่งบริการฟรี สถานะ Last Seen แสดงวันที่ Shodan แวะเวียนมาตรวจสอบให้ล่าสุด
    จึงเกิดคำถามว่า ถ้าเราได้อัพเดตส่วนประกอบพื้นฐานต่างๆ ที่ Ubuntu มีมาให้ด้วยคำสั่ง
    sudo apt update
    sudo apt dist-upgrade
    แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่า ช่องโหว่ต่างๆ ได้ถูกปิดให้ปลอดภัยขึ้นแล้วตามคำแนะนำของ Ubuntu ที่มีประกาศข่าวเรื่องความปลอดภัยเกี่ยวกับอูบุนตูไว้ที่ https://ubuntu.com/security/notices

    อูบุนตูมี Ubuntu OVAL (Open Vulnerability and Assessment Language) ไว้ให้ใช้ตรวจสอบช่องโหว่ ซึ่งใช้โปรแกรมชื่อ OpenSCAP เพื่อทำรายงานช่องโหว่ให้ดูได้เอง ตามขั้นตอนต่อไปนี้

    1. Login เข้าไปที่เครื่องอูบุนตูที่ใช้อินเทอร์เน็ตได้
    2. Download ด้วยการใช้คำสั่ง
    wget https://security-metadata.canonical.com/oval/com.ubuntu.$(lsb_release -cs).usn.oval.xml.bz2

    หรือเลือก Download ให้ตรง Ubuntu Version จากตัวเลือกที่
    https://security-metadata.canonical.com/oval/
    โดยให้เลือกแบบ CVE เพื่อจะได้เปรียบเทียบรายการช่องโหว่กับรายงาน Nessus ที่แสดงด้วย CVE เช่นกัน
    1. คลายไฟล์ที่ถูกบีบอัดลดขนาดที่ Download มาได้ ด้วยการใช้คำสั่ง
    bunzip2 com.ubuntu.$(lsb_release -cs).usn.oval.xml.bz2
    1. ใช้โปรแกรม OpenSCAP เพื่ออ่านเงื่อนไขการตรวจสอบช่องโหว่ต่างๆ บนเครื่อง และสร้างไฟล์รายงานผลชื่อ report.html ด้วยการใช้คำสั่ง
    oscap oval eval --report report.html com.ubuntu.$(lsb_release -cs).usn.oval.xml
    1. เพิ่มเติม จากคุณ เกรียงไกร 15Feb2023 => บางเครื่องต้องติดตั้ง libopenscap8 ก่อนด้วยคำสั่ง sudo apt install libopenscap8 ไม่งั้นใช้ oscap ไม่ได้
    2. เพิ่มเติม สำหรับ Ubuntu 24.04 10Jun2024 => ต้องติดตั้ง openscap-scanner ด้วยคำสั่ง sudo apt install openscap-scanner ไม่งั้นใช้ oscap ไม่ได้
    3. ใช้โปรแกรม เว็บบราวเซอร์ เพื่อเปิดอ่านไฟล์รายงานผลชื่อ report.html

    ตัวอย่างการใช้งานจริงกับเครื่องบริการทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ต Ookla Server ซึ่งใช้เป็นตัวอย่างแสดง

    1. Ubuntu Server 20.04 5.4.0-121#137 15Jun2022 ก่อนจะใช้คำสั่ง sudo apt dist-upgrade เพื่อปรับปรุงความปลอดภัย
      ในรายงานแสดงจำนวน 14 #X ที่ยังมีช่องโหว่ พร้อมด้วยรายการช่องโหว่หมายเลข USN และ CVE ต่างๆ โดยละเอียดตามรูป
    2. Ubuntu Server 20.04 5.4.0-137#154 5Jan2023 เมื่อได้ใช้คำสั่ง sudo apt dist-upgrade ปรับปรุงความปลอดภัยและรีบูทเครื่องแล้ว
      ในรายงานแสดงจำนวน 2 #X ที่ยังมีช่องโหว่ พร้อมด้วยรายการช่องโหว่หมายเลข USN และ CVE ต่างๆ โดยละเอียดตามรูป
    3. เนื่องจากส่วนการปรับปรุงความปลอดภัยอีก 2 รายการที่ยังเหลืออยู่นั้นทาง Ubuntu จะมีบริการให้เฉพาะกับสมาชิก Ubuntu Pro https://ubuntu.com/pro เท่านั้น (จะเขียนคำแนะนำเพิ่มให้ครับ)
      ซึ่งหลังจากทำตามขั้นตอนใส่ คีย์ ของ Ubuntu Pro ลงบน เครื่องอูบุนตูของเราเรียบร้อย และอัพเดตความปลอดภัยเพิ่มจากสิทธิ์ Ubuntu Pro ในรายงาน OVAL จะได้รับการอัพเดตปิดกั้นช่องโหว่อย่างครบถ้วน ตามรูป
    4. ถึงแม้ว่าวันนี้ อูบุนตู ของท่านจะได้รับการอัพเดตล่าสุดแล้ว แต่ด้วยภัยคุกคามทางไซเบอร์มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ก็อย่าลืมติดตามอ่านข่าวสารเกี่ยวกับความปลอดภัยไซเบอร์ และหมั่นปรับปรุง อัพเดต อยู่เป็นประจำครับ
  • How to install PSU SSL VPN Client ubuntu 18.04

    • เปิด terminal
    • เริ่มด้วยการติดตั้งโปรแกรมที่จำเป็น
      sudo apt install -y openfortivpn
    • สร้างแฟ้ม /home/username/fortivpn.config มีข้อความว่า
      host = vpn2.psu.ac.th
      port = 443
      username = PSU Passport Username
      password = PSU Passport Password
      trusted-cert = 34df1a6bd3705782fd17152de0c4fe0b3e7f31302cbdcf737b113c17a5b9ff09
    • สั่งรันคำสั่ง
      sudo openfortivpn -c fortivpn.config
    • ได้ข้อความประมาณว่า
    • แปลว่าเชื่อมต่อได้แล้ว หากต้องการยกเลิกการเชื่อมต่อให้กด ctrl-c จะได้ข้อความประมาณว่า
    • แปลว่ายกเลิกการเชื่อมต่อแล้ว
    • ต้องเปิด terminal ที่รันคำสั่ง openfortivpn ไว้ตลอดเวลาที่เชื่อมต่อห้ามปิด
    • จบสไตล์คอมมานไลน์ ….

    หากอยากได้ง่ายกว่านี้

    • ติดตั้งโปรแกรม OpenFortiGUI โหลดที่ https://hadler.me/linux/openfortigui/ โดยเลือกโปรแกรมสำหรับ Ubuntu 18.04
    • โหลดมาแล้วติดตั้งด้วยคำสั่ง
      sudo dpkg -i openfortigui_0.6.2-1_bionic_amd64.deb
    • จะมี error message มากมาย ให้ต่อด้วยคำสั่ง
      sudo apt -f -y install
    • เริ่มใช้งานเปิดโปรแกรม openFortiGUI โดยกดที่ปุ่ม Show Applications เลือก openFortiGUI
    • จะได้หน้าต่าง
    • คลิกปุ่ม Add เลือก VPN จะได้
    • กรอกข้อความตามรูป ช่อง username และ password ก็ใส่ PSU Passport ลงไปเสร็จแล้วกด Save
    • ได้ดังรูป
    • เลือก PSU แล้วคลิก Connect ได้ผลดังรูป
    • คลิก x เพื่อปิดหน้าต่างสังเกตว่าจะมีรูป  ที่มุมบนขวา หากจะยกเลิกการเชื่อมต่อ คลิกขวาที่  เลือก PSU เพื่อ dissconnect
    • จบขอให้สนุก…

    ***  จากที่ลองทดสอบพบว่า เมื่อเชื่อมต่อ AIS 4G จะไม่สามารถใช้วิธี OpenFortiGUI ได้ แต่ใช้วิธีคอมมานไลน์ได้ครับ

  • วิธีขยาย Disk ใน VM/Virtualbox แล้วให้ Ubuntu

    ในกรณีใช้ VMWare/VirtualBox  บางครั้งเราต้องการขยาย Disk ให้ Ubuntu มีพื้นที่มากขึ้น

    1. เดิมมี Disk 100 GB
    2. แก้ไขให้เป็น 300 GB
    3. Login เข้าไป ดูข้อมูล ด้วยคำสั่ง df -h จะเห็น 100 GB อยู่

      แล้ว sudo reboot
    4. ลอง Login ใหม่ แล้วใช้คำสั่ง
      sudo su
      fdisk -l

      ก็จะ ขนาดเพิ่มเป็น 300 GB
      จากนั้นใช้คำสั่ง

      growpart /dev/sda 1
      resize2fs /dev/sda1

      แล้วลอง

      df -h


      ก็จะพบว่า ได้ขนาดมาเป็น 300 GB แล้ว

  • วิธีทำ Screen Mirror จาก Android ขึ้นมาแสดงบน PC (Ubuntu)

    เนื่องจากเครื่อง Notebook ที่ใช้ ลง Ubuntu 17.04 Desktop จึงนำเสนอวิธีนี้ก่อน

    1. ใน Android ต้องเปิด Developer Options
    2. เปิด USB Debuging
    3. เสียบ Android กับ USB
    4. ที่เครื่อง Ubuntu Desktop ติดตั้งดังนี้
      sudo apt install adb android-tools-adb ffmpeg
    5. ใช้คำสั่งต่อไปนี้ เพื่อดูว่า มี Android มาต่อทาง USB หรือไม่
      lsusb
      ผลที่ได้
    6. ต่อไป ใช้คำสั่งต่อไปนี้ เพื่อดูว่า ADB เห็น Android หรือไม่
      adb shell screenrecord –output-format=h264 – | ffplay
    7. ผลที่ได้คือ หน้าจอ Android จะปรากฏบน PC (Ubuntu)

    Reference:

    1. https://askubuntu.com/questions/213874/how-to-configure-adb-access-for-android-devices
  • เปลี่ยน ubuntu sources.list ก่อนสร้าง image ด้วย dockerfile

    การใช้งาน docker นั้นเราสามารถใช้ image จาก docker hub หรือเราจะสร้าง image ของเราเอง ซึ่งมีหลายวิธีในการสร้าง image แบบของเราเอง (custom) วิธีหนึ่งคือการใช้ dockerfile อย่างคร่าว ๆ คือ

    mkdir ~/mydocker
    cd ~/mydocker
    touch dockerfile
    docker built -t test_app:20170713 .
    docker images

    ในไฟล์ชื่อ dockerfile นี้จะมีไวยกรณ์ประมาณนี้

    # Image tag: test_app:20170713 <– บรรทัดนี้คือ comment
    FROM ubuntu:16.04 <– บรรทัดนี้คือ ไปเอา image ชื่อ ubuntu:16.04 จาก docker hub
    RUN apt-get update <– บรรทัดนี้คือ คำสั่งบอกว่าจะติดตั้ง หลังคำว่า RUN นั่นเอง
    RUN apt-get dist-upgrade -y
    RUN apt-get install -y apache2 libapache2-mod-php7.0 php7.0
    COPY …
    ADD …
    EXPOSE …
    CMD …
    และยังมี command อื่น ๆ อีก

    ทีนี้จากการที่ต้องลองผิดลองถูกบ่อย ๆ จึงพบว่า หากเราเพิ่มคำสั่ง 2 บรรทัดนี้เข้าไปก่อนบรรทัด RUN apt-get update ก็จะทำให้เราได้ใช้ ubuntu repository ที่ต้องการแทนค่า default ที่ archive.ubuntu.com เช่นต้องการให้มาใช้ th.archive.ubuntu.com ก็เขียนคำสั่งดังนี้

    RUN sed -i 's/\/us.archive/\/th.archive/g' /etc/apt/sources.list
    RUN sed -i 's/\/archive/\/th.archive/g' /etc/apt/sources.list

    ผลลัพธ์คือ หลังจากทำคำสั่ง docker built -t test_app:20170713 . จะเห็นว่าในขั้นตอนการ build นั้นจะดาวน์โหลดไฟล์ได้รวดเร็วกว่าเดิมมาก

    จึงนำความรู้มาบอกกันครับ อ้อลืมบอกว่าบทความที่เขียนนี้ ผมทดสอบกับ docker version 17.06.0-ce ครับ

    อยากแนะนำความรู้เกี่ยวกับ docker ที่อ่านมา พบว่าน่าสนใจ ลองอ่านดูครับ อ่านง่าย

     

    บทความในต่างประเทศ

    1. How To Install and Use Docker on Ubuntu 16.04 (https://www.digitalocean.com/community/tutorials/how-to-install-and-use-docker-on-ubuntu-16-04)
    2. How to Build an Image with the Dockerfile (https://www.sitepoint.com/how-to-build-an-image-with-the-dockerfile/)
    3. Dockerfile reference (https://docs.docker.com/engine/reference/builder/)
    4. Best practices for writing Dockerfiles (https://docs.docker.com/engine/userguide/eng-image/dockerfile_best-practices/)
    5. How to update Docker image to maintain your containers secure  (https://bobcares.com/blog/update-docker-image/2/)
    6. How to upgrade docker container after its image changed
      (https://stackoverflow.com/questions/26734402/how-to-upgrade-docker-container-after-its-image-changed)
    7. Manage data in containers (https://docs.docker.com/engine/tutorials/dockervolumes/)

     

  • การตั้งค่า IPV6 ให้กับ Apache Web Server สำหรับ Ubuntu Linux

    “อยากตั้งค่า Apache Web Server ให้เปิดใช้ IPv6 ต้องทำอย่างไร”

    • สำหรับวิธีเปิดใช้งาน IPv6 บน Apache จะขอยกตัวอย่างบน Ubuntu ซึ่งจริง ๆ แล้วสามารถตั้งเป็น IPv6 only ก็ได้ แต่ในที่นี่จะตั้งให้สามารถใช้ได้ทั้ง IPv4 และ IPv6
      1. เปิดไฟล์ /etc/apache2/ports.conf
        sudo vim /etc/apache2/ports.conf
      2. ทำการแก้ไขโดยเพิ่มในส่วนของ IPv6 Config ดังนี้ (xxx yyy ไปหามาใส่เอาเองนะครับ เป็นแค่ค่าสมมุติ)
        Listen 192.168.xxx.yyy:80
        Listen [2001:xxxxxx:101]:80
      3. สั่ง Restart Web Service เป็นอันเรียบร้อยครับ
        sudo /etc/init.d/apache2 restart
      4. สามารถตรวจสอบผ่านคำสั่ง netstat ได้ดังนี้ครับ
        netstat -na | grep ":80"
    • การทดสอบในกรณียังไม่ได้จด DNS6 เราไม่สามารถพิมพ์ URL เป็น IPv6 ตรง ๆ บน Browser ได้ ถ้าจดแล้วสามารถทดสอบผ่าน http://ipv6-test.com/validate.php ดูได้ครับ
  • การตั้งค่า IPV6 ให้กับ Nginx Web Server สำหรับ Ubuntu Linux

    “อยากตั้งค่า Nginx Web Server ให้เปิดใช้ IPv6 ต้องทำอย่างไร”

    • สำหรับวิธีเปิดใช้งาน IPv6 บน Nginx จะขอยกตัวอย่างบน Ubuntu ซึ่งจริง ๆ แล้วสามารถตั้งเป็น IPv6 only ก็ได้ แต่ในที่นี่จะตั้งให้สามารถใช้ได้ทั้ง IPv4 และ IPv6
      1. เปิดไฟล์ /etc/nginx/site-available/[site-file]
        sudo vim /etc/nginx/site-available/psu-v6
      2. ทำการแก้ไขโดยเพิ่มในส่วนของ IPv6 Config ดังนี้ (เพิ่มเฉพาะตัวสีแดงนะครับ)
        server {
          listen [::]:80;  
          ...
        }
      3. สั่ง Restart Web Service เป็นอันเรียบร้อยครับ
        sudo /etc/init.d/nginx restart
      4. สามารถตรวจสอบผ่านคำสั่ง netstat ได้ดังนี้ครับ
        netstat -na | grep ":80"
    • การทดสอบในกรณียังไม่ได้จด DNS6 เราไม่สามารถพิมพ์ URL เป็น IPv6 ตรง ๆ บน Browser ได้ ถ้าจดแล้วสามารถทดสอบผ่าน http://ipv6-test.com/validate.php ดูได้ครับ