ELK #5 การประยุกต์ใช้ ELK ในงานด้าน GIS

คราวนี้ มาดูการประยุกต์ใช้ ELK ในงานด้าน GIS ต่อจาก ELK #01 > ELK #02 > ELK #03 > ELK #04 ซึ่งเป็นการติดตั้งทั้งหมด คราวนี้มาดูการประยุกต์ใช้งานกันบ้าง โจทย์มีอยู่ว่า มีการไปเก็บข้อมูลในภาคสนาม แล้วมีการบันทึก พิกัดด้วย GPS เป็น Latitude กับ Longitude พร้อมกับค่าบางอย่าง ทั้งหมดถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล MySQL การนำข้อมูลเข้า ELK ก็เลย Export ข้อมูลจาก MySQL มาเป็น CSV File ประกอบด้วย id,LATITUDE,LONGITUDE,something ตัวอย่างข้อมูล มีดังนี้ id,LATITUDE,LONGITUDE,something 1,6.97585,100.448963,100 2,6.975627,100.450841,19 3,6.973472,100.449196,65 4,6.973468,100.449104,53 5,6.973455,100.449135,33 6,6.973252,100.44888,13 7,6.985862,100.45292,85 8,6.993386,100.416214,90 9,7.005465,100.447984,1 นำข้อมูลเข้า ELK ผ่านทาง Logstash ใน  ELK #2 ได้อธิบายขั้นตอนการติดตั้ง Logstash ไว้แล้วนั้น ต่อไปเป็นการนำข้อมูลชนิด CSV เข้าไปใส่ใน Elasticsearch Logstash จะอ่าน “กระบวนการทำงาน” หรือเรียกว่า Pipeline จากไฟล์ Configuration ซึ่งประกอบด้วย 3 ส่วนหลักๆ คือ Input, Filter และ Output input {    stdin { } } ในส่วน input นี้ จะเป็นการอ่าน STDIN หรือ ทาง Terminal filter { csv { separator => “,” columns => [ “id”,”latitude”,”longitude”,”something” ] } if [id] == “id” { drop { } } else { # continue processing data mutate { remove_field => [ “message” ] } mutate { convert => { “something” => “integer” } convert => { “longitude” => “float” } convert => { “latitude” => “float” } } mutate { rename => { “longitude” => “[geoip][location][lon]” “latitude” => “[geoip][location][lat]” } } } } ในส่วนของ filter นี้ เริ่มจาก เลือกใช้ Filter Plugin ชื่อ “csv” เพื่อจัดการไฟล์ CSV โดยกำหนด “separator” เป็น “,” แล้วกำหนดว่ามีชื่อ Column เป็น “id”,”latitude”,”longitude”,”something” จากนั้น ก็ตรวจสอบว่า ถ้าข้อมูลที่อ่านเข้ามา ใน Column “id” มีค่าเป็น “id” (ซึ่งก็คือบรรทัดหัวตารางของไฟล์ csv นั่นเอง) ก้ให้ “drop” ไป แต่หากไม่ใช่ ก็ให้ทำดังนี้ (mutate คือการแก้ไข)

Read More »

การ Import KML / KMZ to Google Earth on Android device

Google Earth on Android ได้มี Feature ใหม่ ซึ่งสามารถนำเข้าหรือเปิด kml/kmz file ได้ และสามารถซ้อนทับชั้นข้อมูลได้หลาย layer เลยทีเดียว ถือว่าสะดวกมากๆ สำหรับคนที่ต้องการเปิดอ่าน kml/kmz file บนมือถือ   ขั้นตอนการทำ 1. ก่อนอื่น ต้องเตรียม kml หรือ kmz ไฟล์ก่อน หากไม่มี ลองเข้าไป download ได้ที่เว็บฐานข้อมูลลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา http://slb-gis.envi.psu.ac.th 2. update Google Earth บน Android device ให้เป็น version ล่าสุด (ตามตัวอย่างนี้ เป็นเวอร์ชั่น 9.0.4.2) หากยังไม่ได้ติดตั้ง คลิกที่นี่ 3. เปิดแอพ Google Earth > คลิกเมนู (ตามรูป) 4. เลือก My Places 5. คลิก Import KML file 6. เลือกไฟล์ kml 7. แอพจะแสดงไฟล์ที่นำเข้า ให้คลิก Fly Here 8. แสดงข้อมูล 9. คลิกที่ point บนแผนที่ จะแสดงรายละเอียดของข้อมูล ซึ่งขึ้นอยู่กับไฟล์ kml ว่ามีข้อมูลอะไรบ้าง 10. สามารถ import kml file ได้มากกว่า 1 ไฟล์ โดยแอพจะแสดงเป็นชั้นข้อมูล(layer) ในตัวอย่างเพิ่มขอบเขตพื้นที่ลุ่มน้ำฯ 11. แสดงข้อมูล 2 layers 12. สามารถ save เป็นรูปภาพ ได้โดยคลิกที่ไอคอน กล้อง 13. นอกจากนั้น ยังสามารถดูแบบ Street View ได้ด้วย โดยคลิกที่ไอคอนรูปคน 14. จะปรากฎเส้นสีฟ้า แสดงจุดที่สามารถคลิกดูแบบ Street View ได้ > จิ้มดูเลยคับ ^^ 15. ลองจิ้มดูหน้า คณะการจัดการสิ่งแวดล้อม มอ. นะคับ ^^ 16. ดูแบบ 3D ก็คลิกที่ไอคอน 3D เลยคับ 17. แสดงเป็นรูป 3มิติ 5. นอกนั้น ก็ลองคลิกเล่นดูนะคับ ^^   ****บริการโหลดฟรี! ชั้นข้อมูลลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาเพิ่มเติมได้ที่ โครงการการพัฒนาฐานข้อมูลสารสนเทศภูมิศาสตร์ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา โดย สถานวิจัยสารสนเทศภูมิศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะการจัดการสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

Read More »

การติดตั้งและใช้งาน ArcGoogle for ArcGIS เพื่อใช้ Google Satellite เป็นแผนที่ฐาน

Google Maps เริ่มมีบทบาทและได้รับความนิยมในการนำไปใช้ในการแปลภาพถ่ายในด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือรวมไปถึงเรื่องการใช้ประโยชน์ที่ดิน เพื่อนำไปจัดทำฐานข้อมูลภูมิสารสนเทศ หรือ GIS มากยิ่งขึ้น ด้วยความที่เป็นปัจจุบันหรือ update ค่อนข้างที่จะเป็นปัจจุบันหรือใกล้เคียงปัจจุบัน อีกทั้งผู้ใช้สามารถเข้าถึงได้ง่าย ใช้งานง่าย นักภูมิสารสนเทศ หรือนัก GIS หรือคนที่ทำงานด้าน GIS จึงมักจะเลือกที่จะนำมาใช้ในการแปลภาพถ่าย หรือเรียกว่า การสำรวจระยะไกล (Remote Sensing : RS)   วันนี้เลยอยากจะขอนำเสนอ plugin ตัวนึงที่น่าสนใจ นั่นคือ ArcGoogle for ArcGIS เพื่อใช้ในการนำเข้า Google Satellite เป็น BaseMaps (แผนที่ฐาน) ในการแปลภาพถ่าย ซึ่งก่อนหน้านี้เคยนำเสนอ การติดตั้ง (OpenLayers Plugin) Google Satellite บน QGIS มาแล้วสำหรับคนที่ใช้โปรแกรม QGIS ลองแวะเข้าไปอ่านดูได้นะคับ ^^   ขั้นตอนการติดตั้ง 1. ดาวน์โหลดไฟล์ ArcGoogle ได้ ที่นี่ โดยเลือกดาวน์โหลดไฟล์ให้เหมาะกับ ArcGIS เวอร์ชั่นที่ใช้งานอยู่ For ArcGIS 9.3, 10.0, 10.1 or 10.2 For ArcGIS 10.3 or 10.4 2. เมื่อดาวน์โหลดมาแล้ว ให้ unzip จากนั้นดับเบิ้ลคลิก setup.exe 3. ติดตั้งตามรูปเลยคับ 4. ติดตั้งเสร็จสิ้น ขั้นตอนการใช้งาน 1. เปิดโปรแกรม ArcGIS หากใครยังไม่ได้ติดตั้ง สามารถเข้าไปดาวน์โหลดและติดตั้ง เวอร์ชั่นทดลองใช้งานได้ 60 วัน ที่นี่ 2. คลิกที่เมนู Customize > เลือก Customize Mode… 3. คลิกเลือก ArcGoolge-ungdungmoi.com จะแสดงแถบเมนูเครื่องมือขึ้นมา  จากนั้นคลิกปุ่ม Close เพื่อปิดหน้าต่าง 4. คลิก Google Map > Google Satellite 5. จะมีชั้นข้อมูล(Layer) ขึ้นมา พร้อมกับแสดงแผนที่ Google Satellite ขึ้นมา 6. นอกจากนี้ ยังสามารถคลิกบนแผนที่ เพื่อแสดงภาพ Google Street View ได้ด้วย 7. นอกจากนี้ ยังสามารถดึงค่า Elevation จาก Google ได้ด้วย โดยการคลิกที่ไอคอน  8. กำหนด Cell size (หน่วยเป็น เมตร) (จำนวนสูงสุดของจุดแต่ละครั้งดาวน์โหลด 300m) 9. จากนั้นคลิกปุ่ม Get Elevation > รอสักครู่ จะแสดงตารางค่าขึ้นมา ** อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Elevation ที่นี่ 10. เราสามารถ export ค่า elevation ออกมาเป็น shape file ได้ โดยคลิกปุ่ม Export to Shapefile > ตั้งชื่อไฟล์ > คลิกปุ่ม Save 11. มีชั้นข้อมูล (Layer) เพิ่มขึ้นมา โดยจะมีจุด elevation อยู่บนแผนที่ และแสดงค่าและตำแหน่งพิกัด(Lat, Long) ด้วยการเปิด attribute table ดังรู)   จะเห็นได้ว่า ภาพที่ได้จาก Google maps มีความละเอียดสูง สามารถซูมได้จนเห็นหลังคาบ้านหรือพื้นผิวถนน จึงทำให้การแปลภาพถ่ายมีความถูกต้องสูง ซึ่งจากการนำเข้า google maps เป็น basemaps นี้ ก็จะสามารถนำไปใช้ในด้านต่างๆ

Read More »

การรับชมภาพสถานที่และเส้นทางในมอ. ผ่าน Google Street View

ภาพจากข่าวฯ เว็บมอ. จากข่าวล่าสุดของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ “เริ่มบางส่วนแล้ว….มอง ม.อ.ผ่าน Google Street View” ผ่านทางเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัย http://www.psu.ac.th/th/node/7448 เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2559 ด้วยความร่วมมือกับมอ.และ Google ในการนำเทคโนโลยีการถ่ายภาพแบบ 360 องศา เสมือนเรายืนอยู่ ณ จุดนั้นๆ แล้วสามารถมองได้แบบรอบทิศทาง มาถ่ายภาพสถานที่และเส้นทางในมอ.ของเรา โดยได้เริ่มถ่ายทำในวิทยาเขตหาดใหญ่เป็นวิทยาเขตแรก และจะดำเนินการในวิทยาเขตอื่นๆ ต่อไป คราวนี้เรามาดูกันดีกว่าว่า จะวิวหรือชมกันอย่างไร สำหรับใครที่ไม่ทราบวิธีการดูภาพผ่าน Google Street View นะคับ ขั้นตอนการรับชม 1. เปิด Google Maps 2. เลือกบริเวณพื้นที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ **หากไม่ทราบว่าอยู่ตรงไหน ก็ใช้ search หาสถานที่ได้คับ 3. คลิกตรงไอคอนตุ๊กตารูปคนสีเหลือง บริเวณมุมด้านขวาของหน้าจอ (ตามภาพ) 4. แผนที่จะแสดงสัญลักษณ์ภาพใน 3 รูปแบบ คือ Street View , ภาพ 360 องศา และดูภายใน 5. ในแผนที่จะแสดงสัญลักษณ์ไว้ เราสามารถคลิกที่จุดวงกลมสีฟ้า เพื่อดูสถานที่ในจุดนั้นๆ แล้ว drag mouse หมุนชมภาพ 6. หรือเลือกเข้าชมภาพได้โดยคลิกที่ภาพ gallery ที่แถบภาพด้านล่างของหน้าจอ **เมื่อคลิกที่รูป จะแสดงเส้นวิ่งไปยังจุดสถานที่นั้นๆ 7. ก่อนหน้านี้ทางศูนย์ GIS มอ. ได้ถ่ายภาพมุมสูงจาก Drone แล้วจัดทำเป็นภาพมุมสูง 360 องศาเผยแพร่ผ่าน Google Street View ไว้แล้ว   หวังว่า… หลายๆ ท่านจะสนุกและมีความสุขกับการเข้าชมภาพ 360 องศา ภายในบริเวณรั้วมอ.ของเรานะคับ ^^ หากไม่ต้องการแค่รับชมอย่างเดียว ก็ลองสร้างเองดีไม๊คับ??? คลิกเลย >> การสร้างภาพ 360 องศาเข้า Google Street View ด้วย Android device   =============================================== สถานวิจัยสารสนเทศภูมิศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ศูนย์ภูมิภาคเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ ภาคใต้ คณะการจัดการสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เว็บไซต์ http://www.rsgis.psu.ac.th แฟนเพจ https://www.facebook.com/southgist.thailand

Read More »

การนำเข้า Web Map Services บน Google Earth

จากคราวที่แล้วพูดถึงเรื่อง การสร้างเว็บแผนที่จุดความร้อน(Hotspot) โดยใช้ WMS บน ArcGIS Server ไปแล้วนะคับ วันนี้เลยว่าจะมาพูดถึงเรื่อง การนำเข้า WMS บน Google Earth กันบ้าง เพราะปัจจุบันนี้ กระแส Web Map Service (WMS) กำลังมาแรงทีเดียวเชียว ซึ่งจะเห็นได้จากหลายๆหน่วยงานของรัฐที่จะมีการเผยแพร่ลิงค์ WMS ให้ผู้ใช้สามารถนำไปใช้ต่อยอดกับงานด้าน GIS ได้ อีกทั้งยังเป็นการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์และเป็นปัจจุบันทันเหตุการณ์ เข้ากับยุคข้อมูลข่าวสารไร้พรหมแดนไร้ขอบเขตกันอีกด้วยนะครับ   WMS ย่อมาจาก Web Map Service ถ้าจะให้อธิบายให้เข้าใจกันง่ายๆ ก็คือ การนำลิงค์ที่เว็บหรือหน่วยงานอื่นๆได้เผยแพร่ข้อมูลภูมิสารสนเทศ(GIS)ให้เรานำมาใช้นำเข้าชั้นข้อมูล เพื่อที่เราจะได้นำไปประยุกต์ใช้ในงานด้าน GIS หรือเผยแพร่เป็นแผนที่ออนไลน์ ยกตัวอย่างเช่น เรานำ WMS จุดความร้อน(hotspot) ของ NASA มาจัดทำเป็นแผนที่ออนไลน์แสดงจุดความร้อน (โดยมีรายละเอียดในการทำเพิ่มเติมนิดหน่อย) แล้วมาแปะไว้ที่หน้าเว็บของเรา เป็นต้น ตัวอย่าง แผนที่แสดงจุดความร้อนทั่วโลก 2559 (updated every hour)   ตัวอย่างหน่วยงานที่เผยแพร่ WMS ระบบภูมิสารสนเทศสถิติ โดยสำนักภูมิสารสนเทศสถิติ สำนักงานสถิติแห่งชาติ ระบบภูมิสารสนเทศสถิติ โดยศูนย์สารสนเทศยุทธศาสตร์ภาครัฐ สำนักงานสถิติแห่งชาติ Fire Information for Resource Management System โดย Firms Group of NASA โครงการการพัฒนาฐานข้อมูลสารสนเทศภูมิศาสตร์ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา โดย สถานวิจัยสารสนเทศภูมิศาสตร์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะการจัดการสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  ***อันนี้เป็นระบบ UTM ซึ่งผู้พัฒนากำลังจะทำการแปลงเป็นระบบ Lat-Long เพิ่มอีก 1 ชุด   *** ข้อดีของ WMS (Web Map Service) คือ จะเป็นการเชื่อต่อข้อมูลจากต้นทางมายังเว็บไซต์เรา โดยหากต้นทางมีการ update ข้อมูล ก็จะทำให้แผนที่ของเรา update ไปด้วยแบบอัตโนมัติ *** ข้อเสีย คือ หากเว็บต้นทางล่ม หรือยกเลิกการใช้งาน เว็บเราก็จะล่มไปด้วย (ไม่มีการแสดงผลทางหน้าเว็บ)   โดยมีขั้นตอนดังนี้ 1. เข้าไปที่เว็บไซต์ https://firms.modaps.eosdis.nasa.gov/web-services/ 2. คลิกขวาที่ลิงค์ MODIS 1km > Copy link address 3. เปิดโปรแกรม Google Earth 4. เพิ่มเลเยอร์ ภาพซ้อนทับ โดยสามารถเพิ่มด้วยการ คลิกไอคอนบน Tools bar หรือ คลิกขวาที่สถานที่ชั่วคราว > เพิ่ม > ภาพซ้อนทับ หรือ คลิกที่เมนู เพิ่ม > ภาพซ้อนทับ ก็ได้เช่นกัน 5. แท็บ รีเฟรช > คลิกปุ่ม พารามิเตอร์ WMS 6. คลิกปุ่ม เพิ่ม… > วางลิงค์ที่คัดลอกมาจากเว็บ NASA จากข้อ 2 > คลิกปุ่ม ตกลง 7. เลเยอร์โปร่งใส จะแสดงรายการ ให้เลือกชั้นข้อมูลที่ต้องการ แล้วคลิกปุ่ม เพิ่ม -> 8. รายการที่เลือกจะแสดงในส่วนของเลเยอร์ที่เลือก จากนั้นคลิกปุ่ม ตกลง 9. ใส่ชื่อชั้นข้อมูล > คลิกปุ่ม ตกลง 10. จะแสดงข้อมูล Google Earth ตามรูป *** ทางตอนกลาง ตอนบน และอีสานของไทยเรา มีความหนาแน่นของจุดความร้อนมากๆเลยนะคับ #ภัยแล้ง จากรูปจะเห็นได้ถึงการกระจายตัวหรือจุดความร้อนที่มีอยู่ทั่วโลก ซึ่งสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์ในด้านต่างๆ ต่อไป อาทิเช่น ภัยแล้ง จุดเสี่ยงการเกิดไฟป่า เป็นต้น ___จะเห็นได้ว่า การเผยแพร่ข้อมูลต่างๆที่เป็นประโยชน์จะช่วยให้สามารถนำข้อมูลนั้นมากช่วยในการคิดและวิเคราะห์ ต่อยอดงานวิจัยต่างๆ ได้อย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น

Read More »