Category: Windows (OS, power shell, etc)

  • Hard links and junctions

    ntfs file system

    • NTFS สนับสนุนการ file links 3 แบบ
      • Hard links
      • Junctions
      • Symbolic
    • เราจะพูดถึง Hard links และ Junctions

    Hard links

    • ใช้แสดงถึงไฟล์เดียวกัน ในไดรฟ์เดียวกัน (same volume) ที่อยู่หลายโฟลเดอร์ (path)
    • แก้ไขไฟล์เดียวกันนี้ที่ใดที่หนึ่งก็จะเปลี่ยนแปลงทุกที่
    • ตัวอย่างที่ทำได้
    C:\dira\ethel.txt ชี้ไปที่ C:\dirb\dirc\lucy.txt
    
    D:\dir1\tinker.txt ชี้ไปที่ D:\dir2\dirx\bell.txt
    C:\diry\bob.bak ชี้ไปที่ to C:\dir2\mina.txt
    C:\a\1.txt ชี้ไปที่ C:\a\11.txt
    • ตัวอย่างที่ทำไม่ได้
    C:\dira ชี้ไปที่ to C:\dirb #โฟลเดอร์ทำ Hard link ไม่ได้
    C:\dira\ethel.txt ชี้ไปที่ to D:\dirb\lucy.txt #ชี้ไฟล์ที่อยู่คนละไดรฟ์ไม่ได้
    • สามารถลบไฟล์ใดไฟล์หนึ่งที่ชี้ไปก็ได้ โดยที่เนื้อหาข้างในจะยังคงอยู่ในไฟล์ที่เหลืออยู่

    วิธีสร้าง Hard links

    • ต้องใช้ cmd บน Windows 11 หรือ cmd ของ administrator บน Windows 10
    mklink /H ปลายทาง ต้นทาง
    • ตัวอย่างเช่น ต้องการทำ Hard link ชื่อ cadabra.txt ในโฟลเดอร์ dirb ชี้ไปที่ไฟล์ adabra.tx ในโฟลเดอร์ dira
    mklink /H c:\dirb\cadabra.txt c:\dira\adabra.txt
    • ดังภาพ

    Junction

    • เรียกอีกอย่างว่า Soft links ต่างจาก Hard links ตรงที่ใช้เชื่อมโยงโฟลเดอร์ ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องเดียวกัน
    • ตัวอย่างที่เป็นไปได้
    C:\dira ชี้ไปที่ C:\dirb\dirc
    
    C:\dirx ชี้ไปที่ D:\diry
    • ตัวอย่างที่เป็นไม่ได้
    C:\dira\one.txt ชี้ไปที่ C:\dirb\two.txt #ใช้ Junction กับไฟล์ไม่ได้
    
    C:\dir1 ชี้ไปที่ Z:\dir2 
    #ไดรฟ์ Z โดยทั่วไปหมายถึงเน็ตเวิร์คไดรฟ์ ต้องเป็นโฟลเดอร์ในเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องเดียวกัน

    วิธีสร้าง Junction

    • เหมือนที่ผ่านมาต้องทำใน cmd บน Windows 11 หรือ cmd ของ administrator บน Windows 10
    mklink /J ปลายทาง ต้นทาง
    • ตัวอย่างต้องการสร้าง c:\dirx ชี้ไปที่ c:\dira\dirc
    • ดังภาพ สังเกตว่าตรง dirx จะเห็นเป็น <JUNCTION>
    • การลบ junction สามารถลบได้เลยโดยที่ต้นทางจะไม่ถูกลบด้วย
  • วิธีการติดตั้ง Chat GPT บน Windows

    ChatGPT คืออะไร มาจากไหน

    ChatGPT คือโปรแกรม AI ประเภทแชทบอท (Chatbot) หรือที่เข้าใจง่ายๆ ก็คือโปรแกรมโต้ตอบที่มีการผสมผสานเทคโนโลยี AI เข้าไปด้วย ซึ่งเจ้า ChatGPT นั้นถูกพัฒนาโดยองค์กร OpenAI ที่เคยฝากผลงาน AI เจ๋งๆ มาแล้วทั้ง DALL-E จิตรกร AI ที่เคยสร้างกระแส AI Art ในช่วงแรกๆ และ OpenAI Five เกมมิ่งบอทของ DOTA 2 ที่เคยล้มโปรเพลเยอร์ระดับโลกมานับไม่ถ้วน โดย ChatGPT คือผลงานชิ้นล่าสุดที่เปิดตัวไปเมื่อปลายปี 2022 นี้เอง ซึ่งเป้าหมายหลักของ ChatGPT นั้นคือการเป็นโปรแกรมแซตบอทที่เป็นมิตร เข้าถึงได้ และตอบโจทย์การทำงานของมนุษย์ให้มากที่สุด

    ChatGPT ใช้ทำอะไรได้บ้าง

    ถ้าให้นึกถึงโปรแกรมแชทบอทที่หลายๆ คนพอนึกภาพออกนั้น ก็คงจะไม่พ้น Simsimi แชทบอทที่เคยฮิตฮอตในบ้านเราเมื่อหลายสิบปีก่อน แล้วลองจินตนาการว่า Simsimi ผสมกับ Google แล้วจะออกมาเป็นอะไร นั่นแหละคือสิ่งที่ใกล้เคียงกับ ChatGPT มากที่สุด เพราะความเจ๋งของ ChatGPT นั้นไม่ใช้ความสามารถในการโต้ตอบประโยคพูดคุยทั่วๆ ไป แต่ความสามารถที่แท้จริงของ ChatGPT คือการตอบคำถามที่ซับซ้อนกว่านั้นหลายเท่า อย่างเช่นการสั่งให้เขียนบทความทั้งชิ้นขึ้นมา เขียนคำสั่งสำหรับงานโปรแกรมมิ่ง หาบัคในโค้ดโปรแกรม หาคำตอบให้กับการบ้านที่เรากำลังทำอยู่ การสรุปข้อมูลยากๆ เหล่านี้ให้กลายเป็นคำตอบที่เข้าใจได้ง่าย ใช้ภาษาที่มีความเป็นมิตร เสมือนกับมีมนุษย์ตัวเป็นมานั่งตอบคำถามอยู่ตรงหน้าเลยทีเดียว แถมยังใช้เวลาโต้ตอบเพียงมีกี่วินาทีเท่านั้น และด้วยความสามารถเหล่านี้เองที่ทำให้ ChatGPT นั้นกลายเป็นกระแสไวรัลในปัจจุบัน

    วิธีการติดตั้ง Chat GPT บน Windows

    1. ดาวน์โหลดโปรแกรม ChatGPT_0.11.0_windows_x86_64.msi 

    2. เป็น command line ด้วยการกด Windows+R หรือไปที่ช่อง Search แล้วพิมพ์ cmd 

    3. เปิด Directory อยู่ที่โปรแกรม ด้วยคำสั่ง

        cd %HOMEPATH%/Downloads

    4. ใช้คำสั่งในการติดตั้งโปรแกรม  โดยใช้คำสั่ง

          # install the latest version
          winget install –id=lencx.ChatGPT -e

                                หรือ

           # install the specified version
           winget install –id=lencx.ChatGPT -e –version 0.10.0

    5. หลังจากติดตั้งเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้ทำการ Login เข้าใช้งานด้วยอีเมล์ของตัวเอง

    อ้างอิง : https://github.com/lencx/ChatGPT

  • การเชื่อมต่อกับ WSUS (Windows Server Update Services) บน Windows 11/10

    “ทำยังไงให้โหลด Windows Update ได้เร็วขึ้นบ้าง แถมยังไม่เปลืองแบนวิชมหาลัยอีกต่างหาก”

             กลับมาอีกครั้งในปี 2022 จากการเปิดบริการ WSUS ก่อนหน้าพบปัญหาเรื่อง Database Corrupt และ เนื้อที่เต็ม มารอบนี้จึงปรับไปใช้เครื่อง Physical (ของเดิม VM) ถึงแม้เครื่องจะเก่าหน่อยแต่แรมเยอะและ Disk ก็เยอะเช่นเดียวกัน จึงมีความคิดว่าจะรวม Windows Server มาให้บริการด้วย เพราะหลัง ๆ Update ใหญ่จริง ๆ  โดยใช้ Server เป็น Windows 2022 พร้อมการ Tunning รับโหลดที่ได้มากขึ้น โดยบริการคร่าว ๆ มีเบื้องต้นดังนี้

    • Windows 10/11 ทุก Version 32,64 bit (ไม่มี Windows XP/7/8/8.1)
    • Windows Server 2016/2019
    • Windows Subsystem for Linux (Kernel Update)
    • Microsoft Office 2013,2016,Microsoft 365 Apps/Office 2019
    • Microsoft Visual Studio 2015/2017/2019/202
    • Microsoft Edge
    • Microsoft Defender Antivirus

    วิธีการติดตั้งบน Windows 11 (Version 22H2)

    • กดปุ่ม Windows+R สั่งคำสั่ง gpedit.msc ใน Run หรือ Cmd ก็ได้ครับ

    2016-11-15_150040

    • เลือก Local Computer Policy -> Administrative Templates -> Windows Components

    2016-11-16_153349

    • จากนั้นเลือก Windows Update -> เลือกหัวข้อ Specify intranet Microsoft update service location
    • เลือก Edit policy setting -> ติก Enabled
    • ตั้งค่าดังนี้
      Set the intranet update service for detecting updates: Enabled
      Set the intranet statistics server : https://wsus.psu.ac.th
      Set the alternate download server : https://wsus.psu.ac.th

    • จากนั้นทำการ Windows Update ตามปกติ

    Note :
    *
    สามารถเลือก Update จากข้างนอกได้ (ในกรณีอยู่นอกมหาวิทยาลัย หรือเชื่อมต่อเครื่อง WSUS ไม่ได้) แค่คลิก Check online for updates from Microsoft Update

    **  ถ้าต้องการ Update Product อื่น ๆ ของ Microsoft เช่น Microsoft Office ให้เลือก Give me updates for other Microsoft products when I update Windows. ในหน้า Advanced Option

    *** และถ้าต้อง Update Driver ด้วยก็สามารถเลือกได้ Receive updates for other Microsoft product และ Get me up to date (Option หลังนี้จะ เด้งถามให้รีสตาร์ท โดยจะแจ้งเตือนก่อน 15 นาที ก่อน Restart – เครื่องห้องอบรมไม่แนะนำให้เปิด)

    วิธีการติดตั้งบน Windows 10

    • กดปุ่ม Windows+R สั่งคำสั่ง gpedit.msc ใน Run หรือ Cmd ก็ได้ครับ

    2016-11-15_150040

    • เลือก Local Computer Policy -> Administrative Templates -> Windows Components

    2016-11-16_153349

    • จากนั้นเลือก Windows Update -> เลือกหัวข้อ Specify intranet Microsoft update service location

    2016-11-15_150227

    • เลือก Edit policy setting
    • จากนั้นใส่ server WSUS ที่ต้องการเชื่อมต่อ (https://wsus.psu.ac.th ใช้ได้เฉพาะภายในมหาวิทยาลัยเท่านั้น)

    2016-11-16_153442

    • ทำการ Windows Update ตามปกติ

    Note :
    *
    สามารถเลือก Update จากข้างนอกได้ (ในกรณีอยู่นอกมหาวิทยาลัย หรือเชื่อมต่อเครื่อง WSUS ไม่ได้) แค่คลิก Check online for updates from Microsoft Update

    2016-11-17_085801

    **  ถ้าต้องการ Update Product อื่น ๆ ของ Microsoft เช่น Microsoft Office ให้เลือก Give me updates for other Microsoft products when I update Windows. ในหน้า Advanced Option

    2016-11-17_090207

    *** และถ้าต้อง Update Driver ด้วยก็สามารถเลือกได้เช่นกันที่ 

     

  • เล่าเรื่องเกี่ยวกับ cloning Windows (Windows 11)

    ผมได้ทำ google form สอบถามเกี่ยวกับการ cloning ต้นฉบับ Windows เพื่อนำไป cloned ลงยังเครื่องอื่น ๆ ในห้องปฏิบัติการหรือสำนักงาน

    ได้ข้อสรุปและคำถามมาดังนี้

    แผนภูมิ ข้อมูลจากแบบสอบถามใช้ซอฟต์แวร์ใดในการ cloning Windows

    มีผู้เข้ามาตอบจำนวน 14 คน ได้ผลสรุปตามรูปภาพ
    o มีผู้ที่ตอบว่าใช้ PSU12-Sritrang (opensource.psu.ac.th) จำนวน 7 คน
    o มีผู้ที่ตอบว่าใช้ โปรแกรมอื่น จำนวน 4 คน
    o มีผู้ที่ตอบว่าใช้ FogProject (fogproject.org) จำนวน 2 คน
    o มีผู้ที่ตอบว่าใช้ PSU12-Fog (opensource.psu.ac.th) จำนวน 1 คน

    โปรแกรมอื่นที่เลือกใช้ในการ cloning Windows มีดังนี้
    o Clonezilla
    o Aomei backupper
    o Acronis True Image ทำทีละเครื่อง
    o Acronis True Image 2014 premium (ใช้ในการ clone เครื่องในสำนักงาน)
    o Norton Ghost with Windows 7 PE ใช้งานร่วมกับ PSU12-Sritrang
    o Norton ghost

    ความคิดเห็นอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการเตรียม Windows ห้องคอมพิวเตอร์ มีดังนี้
    1.การติดตั้ง Windows11 และการปรับแต่งให้เหมาะสมสำหรับใช้ในห้องปฎิบัติการคอมพิวเตอร์
    2.ทั้ง PSU12-Sritrang และ PSU12-fog ใช้โคลน windows 10 ได้ดี และทั้งการโคลนและสูตรการจัดการให้บริการห้องแลปด้วย PSU 12 Sritrang สามารถใช้บริหารจัดการห้องแลปคอมที่ใช้ windows 10 ได้ดีครับ โดยเฉพาะเรื่องการจัดการเลือกบูต OS ได้ แต่การเลือก Boot OS ด้วย windows 11 จากการทดลองไม่สามารถทำได้แล้วเพราะมีการจัดการ Partition ในรูปแบบใหม่
    3.อยากให้เปิดการอบรมPSU12-Sritrang(opensource.psu.ac.th)อีกครั้งครับเพราะทำกับเครื่องจริงแล้วมีปัญหาหลายอย่าง
    4.ปัญหาการ Cloning Windows กับ SSD ssd nvme m.2
    5.ปัญหาเกี่ยวกับต้องใส่ cd key เสมอเวลา cloning windows ใหม่
    6.อยากทราบว่ามีท่านใดใช้โปรแกรมใดในการ clone harddisk ที่เป็น ssd เพราะ software รุ่นเก่าจะมองไม่เห็น เท่าที่ดู พาทของ /dev/sda ก้จะเปลี่ยน
    7.PSU12-Sritrang Support Windows11 มั้ยคับ

    ผมจะขอให้ข้อมูลเท่าที่พอจะมีความรู้นะครับ

    O เกี่ยวกับ PSU12-Sritrang (opensource.psu.ac.th)

    เนื่องจากผมทำชุดติดตั้งสำหรับ cloning Windows คือ PSU12-Sritrang (opensource.psu.ac.th) นั่นคือ ต้องมี server 1 ตัว ผมเลือกใช้ ubuntu server ทดสอบล่าสุดใช้ได้เพียง ubuntu server 20.04 เมื่อทดสอบกับ ubuntu server 22.04 จะเริ่มมีปัญหาในขณะ Boot client จึงยังคงไว้ที่รุ่นนี้ มาพูดถึงการ cloning Windows นั้น ชุดติดตั้งนี้รองรับเพียงแค่ Windows ที่สามารถจัดการ partition แบบ MBR ได้เท่านั้น เมื่อดู Windows 11 แล้วจะพบว่า ทำไม่ได้ แล้ว หากว่าเครื่อง clients ที่ลง Windows ยังสามารถทำ partition แบบ MBR ได้ ไม่ว่าจะเป็น disk ชนิด SATA หรือ SSD nvme M.2 ชุดติดตั้งนี้รองรับครับ ตั้งแต่รุ่น sysresccd-5.1.2-16.04-dvd-psu12-sritrang-server-autopartition-offline-2019-12-13.iso ครับ ปัจจุบันล่าสุดคือ sysresccd-5.1.2-20.04-dvd-psu12-sritrang-server-autopartition-offline-2022-03-18.iso

    หากใช้ PSU12-Sritrang รุ่นใด ๆ แล้วทดสอบกับคำสั่งดังนี้
    grep SSD /var/www/cloning/backup.sh
    ไม่พบข้อความ
    use for M.2 SSD

    ให้ดาวน์โหลดชุดติดตั้งได้ ซึ่งจะแบ็กอัพไฟล์เดิมไว้ให้ก่อนเขียนทับ backup.sh, welcome.sh และ multicast.sh
    wget https://ftp.psu.ac.th/pub/psu12-sritrang/download/diskselect/installdiskselect.sh
    bash installdiskselect.sh

    O เกี่ยวกับ PSU12-Fog (opensource.psu.ac.th)

    ชุดติดตั้งนี้ ผมเลือกใช้ FogProject 1.5.9 มาใช้เป็นตัว cloning Windows ซึ่งจะเป็นแบบ Web-base GUI โดยผมปรับปรุง script เดิมของ PSU12-Sritrang ตัดส่วนที่เป็น cloning ทิ้งไป คงเหลือส่วนที่เป็น dhcp server เอาไว้ ซึ่งผมขอแนะนำให้ใช้ชุดนี้เพราะว่า รองรับ M.2 SSD และรองรับ partition หลากหลายชนิด ผมทดสอบแล้วกับ Windows 11 สามารถทำต้นฉบับและ cloning ได้ครับ

    ตัวอย่างการตั้งค่า BIOS เครื่องที่ทดสอบ ลง Windows 11 ดังนี้
    Power
    Power On by Onboard LAN = Enabled
    BIOS Setup Utility
    Secure Boot = Disabled
    Boot Options
    CSM = Disabled
    Launch PXE OPROM = UEFI
    Launch Storage OPROM = UEFI
    Launch Video OPROM = UEFI
    Boot Filter = UEFI
    Boot Priority Order
    1st Boot Device = [UEFI: PXE IPv4…]
    2nd Boot Device = [Windows Boot Manager]

    และที่โปรแกรม Web-base GUI FogProject
    เมนู Image ให้ตั้ง Host EFI Exit Type แบบ REFIND_EFI

    O เกี่ยวกับ FogProject (fogproject.org)

    FogProject รองรับ M.2 SSD และรองรับ partition หลากหลายชนิด ผมทดสอบแล้วกับ Windows 11 สามารถทำต้นฉบับและ cloning ได้ครับ แต่เท่าที่สำรวจดูที่เว็บไซต์ จะพบว่า เวอร์ชั่นล่าสุด ยังหยุดอยู่ที่ 1.5.9 ซึ่งรองรับ ubuntu 20.04 เท่านั้น หากนำไปติดตั้งใน ubuntu 22.04 ณ วันที่เขียนบทความนี้ ติดตั้งไม่สำเร็จ เพราะว่า FogProject จะมีการระบุ php เวอร์ชั่นที่ต่ำกว่า php8 ซึ่ง php8 เป็นค่า default ของ ubuntu 22.04 ครับ FogProject รองรับ M.2 SSD และรองรับ partition หลากหลายชนิด ผมทดสอบแล้วกับ Windows 11 สามารถทำต้นฉบับและ cloning ได้ครับ

    O ปัญหาเกี่ยวกับต้องใส่ cd key เสมอเวลา cloning windows ใหม่

    มีคำแนะนำว่า ให้ใช้แผ่นจาก Volume Licensing เพราะปกติมันจะใส่ key ที่เป็น KMS ไว้ให้แล้ว แค่ set ให้ถูกก็จะ activate เอง

    O การติดตั้ง Windows11 และการปรับแต่งให้เหมาะสมสำหรับใช้ในห้องปฎิบัติการคอมพิวเตอร์

    เรื่องนี้ เราไปคุยกันในเฟสบุ๊คกรุ๊ปนี้กันดีมั้ยครับ Smart computer lab (Cloning and computer management) ที่ https://www.facebook.com/groups/1916830435076306

    หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับแอดมินที่ดูแลเรื่องนี้ครับ

  • วิธี Install Windows Service (ที่เขียนด้วย VS.Net) ตัวเดียวกันมากกว่า 1 ครั้ง

    ปกติวิธี Install Windows Service ที่เขียนด้วย VS.Net เป็นดังนี้

    InstallUtil.exe MyService.exe

    และคำสั่ง Uninstall Windows Service ที่เขียนด้วย VS.Net เป็นดังนี้

    InstallUtil.exe /u MyService.exe

    อย่างเช่นมีไฟล์ Windows Service ชื่อ KillLoginSession โดยจะมีทั้ง file exe และ file config

    ไว้ใน folder C:\service1 ดังรูป

    เมื่อ run คำสั่งดังนี้

    %WINDIR%\Microsoft.NET\Framework\v2.0.50727\InstallUtil.exe c:\service1\KillLoginSession.exe

    แล้วเปิด Services ของ Windows ขึ้นมา จะมี Service KillLoginSession ปรากฎดังรูป

    ซึ่ง Service ตัวนี้จะมี Properties ดังนี้

    คือมี Service name = KillLoginSessionService

    และมี Display name = ALIST Kill Login Session Service

    ถ้าต้องการติดตั้ง Service KillLoginSession เพิ่ม เพราะบางครั้งต้องการใช้ Service เดิมแต่ปรับแก้ค่าที่ config file

    ก็ทำการ copy Service KillLoginSession ไปไว้เพิ่มใน folder C:\service2 ดังรูป

    แล้ว run คำสั่ง

    %WINDIR%\Microsoft.NET\Framework\v2.0.50727\InstallUtil.exe c:\service2\KillLoginSession.exe

    จะปรากฎ error ดังรูป

    คือมี service นี้ติดตั้งอยู่แล้ว

    วิธีแก้คือ ให้ใส่ code ดังนี้

    sc create <servicename> binpath= “<pathtobinaryexecutable>” [option1] [option2] [optionN]

    <servicename> คือ ชื่อ service ที่กำหนดขึ้นมาโดยต้องไม่ตรงกับ service ที่ทำงานอยู่

    <pathtobinaryexecutable> คือ ตำแหน่งที่ตั้งของ file service ที่จะทำการ Install

    [option] ไว้สำหรับใส่คำสั่งอย่างอื่นเพิ่ม เช่น Display Name จะมีหรือไม่มีก็ได้

    ใส่ code ตามข้างบนได้ดังนี้

    sc create KillLoginSessionTest binpath=”C:\service2\KillLoginSession.exe” DisplayName=”ALIST Kill Login Session Test”

    จะได้ผลดังรูป

    มี Properties ดังนี้

    คือมี Service name กับ Display name ตามที่ได้กำหนดไว้

    คำสั่งสำหรับ Uninstall ก็คือ

    sc delete <servicename>

    ถ้าต้องการ Uninstall Service ที่สร้างขึ้นก็ใส่ code ดังนี้

    sc delete KillLoginSessionTest

  • การใช้งาน touchpad ใน windows 10

    การใช้งาน touchpad ใน windows 10 มีดังนี้

    1. ใช้ 1 นิ้วกดที่ touchpad  การทำงานจะเหมือนกด mouse ด้านซ้าย

    ถ้ากด 1 ครั้ง จะเป็นการเลือกไฟล์หรือกดปุ่มคำสั่งที่ cursor ชี้อยู่เวลานั้น

    ถ้ากด 2 ครั้ง จะเป็นการเปิดไฟล์หรือเปิดโปรแกรม

    2. ใช้ 1 นิ้วกดที่ touchpad  2 ครั้งค้างไว้แล้วลาก  การทำงานจะเหมือนกด mouse ด้านซ้ายค้างไว้แล้วเลื่อน mouse

    เป็นการเลื่อนไฟล์ที่เลือกไปตำแหน่งอื่น หรือ เป็นการเลือกไฟล์แบบคลุม หรือใช้เลื่อน scroll bar

    3. ใช้ 2 นิ้วกดที่ touchpad  1 ครั้ง การทำงานจะเหมือนกด mouse ด้านขวา

    เป็นการแสดงคำสั่งอื่นๆ

    4. ใช้ 2 นิ้วกดที่ touchpad  1 ครั้งค้างแล้วกางออกหรือหุบเข้า

    เป็นการทำ Zoom in , Zoom out

    5. ใช้ 2 นิ้วกดที่ touchpad  1 ครั้งค้างแล้วเลื่อนขึ้นลง

    เป็นการเลื่อนหน้าจอขึ้นลง

    6. ใช้ 3 นิ้วกดที่ touchpad  1 ครั้ง

    เป็นการเปิดปุ่ม search

    7. ใช้ 3 นิ้วกดที่ touchpad  1 ครั้งค้างแล้วลากขึ้น

    เป็นการเปิด task view

    8. ใช้ 3 นิ้วกดที่ touchpad  1 ครั้งค้างแล้วลากลง

    เป็นการแสดงหน้า desktop

    9. ใช้ 3 นิ้วกดที่ touchpad  1 ครั้งค้างแล้วลากไปทางซ้ายหรือขวา

    เป็นการสลับโปรแกรมที่เปิดใช้งานอยู่

    10. ใช้ 4 นิ้วกดที่ touchpad  1 ครั้ง

    เป็นการเปิด Action Center

    11. ใช้ 4 นิ้วกดที่ touchpad  1 ครั้งค้างแล้วลากไปทางซ้ายหรือขวา

    เป็นการเลือกหน้า Desktop ที่เปิดอยู่

    ถ้าต้องการปิดการใช้งาน touchpad ขณะเสียบ mouse ให้ทำดังนี้

    1. เปิด windows setting แล้วเลือก Devices

    2. เลือก Touchpad แล้วเอาเครื่องหมายถูกหน้าข้อความ “Leave touchpad on when a mouse is connected” ออก

  • วิธีทำให้ตั้ง password ใน windows server ได้ตามที่ต้องการ

    เมื่อ create user ใหม่ใน windows server เราจะต้องตั้ง password ตามกฏที่ windows server กำหนดมาให้
    ถ้าตั้งไม่ตรงตามกฎ windows server จะไม่ยอมให้สร้าง user
    อย่างเช่นสร้าง user ชื่อ sysadmin แล้วตั้ง password ว่า sysadmin123
    จะไม่สามารถสร้าง user ได้ ซึ่งจะมี error ขึ้นดังรูป

    วิธีแก้ให้สามารถตั้ง password ได้ตามที่ต้องการมีดังนี้

    1. ที่หน้า Desktop ของ windows Server ให้ไปที่ปุ่มค้นหา(รูปแว่นขยาย) ตรง taskbar แล้วพิมพ์  gpedit.msc แล้วกดปุ่ม Enter ที่ keyboard
    • ให้เลือกตามลำดับดังนี้ Computer Configuration -> Windows Settings -> Security Settings -> Account Policies -> Password Policy.
    • Double click ที่ Password must meet complexity requirements
    • ให้เปลี่ยนจาก Enabled เป็น Disabled แล้วกด OK
    • ลองสร้าง user ใหม่อีกที โดยตั้งชื่อเป็น sysadmin แล้วตั้ง password ว่า sysadmin123

    จะเห็นว่าสามารถสร้าง user ได้แล้ว

  • วิธีการส่ง Line Notify เมื่อมีการเปิดคอมพิวเตอร์

    เริ่มจากต้องทำการขอ Line Token ซึ่งดูได้จากบทความ การส่ง Line Notify ด้วย Command Line

    จากนั้นให้สร้าง bat file โดยเปิด notepad แล้วใส่คำสั่ง command line ดังนี้

    curl -X POST -H “Authorization: Bearer Token” -F “message=XXX” https://notify-api.line.me/api/notify

    โดยที่ตัวอักษรสีแดงให้ทำการแทนที่ดังนี้
    Token แทนที่ด้วย Line Token ที่ขอไว้ตอนต้น
    XXX แทนที่ด้วย ข้อความที่ต้องการส่ง

    แล้วให้ save file ด้วยนามสกุล .bat

    เปิด Task Scheduler ขึ้นมา แล้วกดที่ Create Task

    ใส่ชื่อ task ที่ช่อง Name

    กดที่tab Triggers แล้วกดปุ่ม New

    ที่ Begin the task เลือกเป็น At startup

    ติ๊กที่ Delay task for แล้วเลือกเป็น 1 minute แล้วกดปุ่ม OK

    จะได้ผลดังรูป

    กดที่tab Actions แล้วกดปุ่ม New

    กดปุ่ม browse เลือก file bat ที่สร้างไว้ตอนต้น แล้วกดปุ่ม OK

    กดที่tab Conditions

    ตรงส่วนของ Network ให้ติ๊กหน้า Start only if the following network connection is available

    กดปุ่ม OK

    กดที่ปุ่ม OK อีกครั้งตามรูป

    จะมี task ที่สร้างขึ้นปรากฏดังรูป

    เมื่อมีการ start computer จะมีข้อความส่งไปทาง Line ดังรูป

  • Windows Terminal (3)

    • ติดตั้ง WSL2 ก็แล้ว แต่ใช้แค่ bash ดูไม่ว้าววววว เลย ให้ดูตัวอย่างก่อนที่

    https://github.com/ohmyzsh/ohmyzsh/wiki/Themes

    สวยงามอล่างฉ่าง
    • มาติดตั้ง zsh และ theme กัน
    • เริ่มจากติดตั้ง zsh
    sudo apt install zsh
    install zsh
    • ต่อด้วยคำสั่งต่อไปนี้เพื่อติดตั้ง ohmyzsh
    sh -c "$(curl -fsSL https://raw.githubusercontent.com/ohmyzsh/ohmyzsh/master/tools/install.sh)"
    • จากภาพจะมีการเปลี่ยน default shell ด้วยเปลี่ยนจาก bash เป็น zsh ฉะนั้นเมื่อเปิด wsl terminal ครั้งใดก็จะได้เป็น zsh shell ทุกครั้ง
    • สิ่งที่เพิ่มมาและมีความสำคัญมากคือ .oh-my-zsh และ .zshrc
    • เสร็จละง่าย!! แต่ theme ตั้งต้นอาจจะไม่ฉูดฉาด
    • แก้ไขแฟ้ม .zshrc ด้วย editor ที่ชื่นชอบ!
    • ดูชื่อ theme ต่างๆ ได้ที่ https://github.com/ohmyzsh/ohmyzsh/wiki/Themes
    • มองหาคำว่า ZSH_THEME=”robbyrussell” สามารถเปลี่ยน robbyrussell เป็นอย่างอื่นได้เลย เช่น bira เปลี่ยนแล้ว save เมื่อออกมาอยู่ที่ prompt ให้พิมพ์
    . ./.zshrc
    • (อ่านว่า จุด-เว้นวรรค-จุด-สแลช-จุด-แซ่ด-เอส-เอช-อาร์-ซี)
    • หรือพิมพ์ว่า
    source .zshrc
    • ก็จะเปลี่ยนหน้าตาไปทันที ก่อนหน้านี้ต้องเคยติดตั้ง powerline font มาก่อนซึ่งในตอนที่ 1 ได้ให้ติดตั้งไปแล้ว จะได้ดังรูป
    • สวยแล้ว ทั้งนี้สวยแต่ละคนไม่เท่ากันก็อาจจะลองเปลี่ยนเป็นชื่ออื่นๆ ได้เลย หรือหากต้องการเขียนเองก็ทำได้ อ่านเอกสารเองนะจ๊ะ
    • เท่านี้ก่อนสำหรับ zsh shell
    • สำหรับ zsh สามาติดตั้งได้บน linux server แทบทุกดิสโทรเลยทีเดียว และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ubuntu หรือ debian ยังมี repository และ plugin เสริมต่างๆ ของ zsh อีกด้วย (ค่ายอื่นอาจจะมีแต่ไม่ได้ใช้งานมากเลยไม่ทราบนะครับ)
    • จบขอให้สนุก
    • ต้นฉบับ https://ohmyz.sh/