วิธี Install Windows Service (ที่เขียนด้วย VS.Net) ตัวเดียวกันมากกว่า 1 ครั้ง

ปกติวิธี Install Windows Service ที่เขียนด้วย VS.Net เป็นดังนี้ InstallUtil.exe MyService.exe และคำสั่ง Uninstall Windows Service ที่เขียนด้วย VS.Net เป็นดังนี้ InstallUtil.exe /u MyService.exe อย่างเช่นมีไฟล์ Windows Service ชื่อ KillLoginSession โดยจะมีทั้ง file exe และ file config ไว้ใน folder C:\service1 ดังรูป เมื่อ run คำสั่งดังนี้ %WINDIR%\Microsoft.NET\Framework\v2.0.50727\InstallUtil.exe c:\service1\KillLoginSession.exe แล้วเปิด Services ของ Windows ขึ้นมา จะมี Service KillLoginSession ปรากฎดังรูป ซึ่ง Service ตัวนี้จะมี Properties ดังนี้ คือมี Service name = KillLoginSessionService และมี Display name = ALIST Kill Login Session Service ถ้าต้องการติดตั้ง Service KillLoginSession เพิ่ม เพราะบางครั้งต้องการใช้ Service เดิมแต่ปรับแก้ค่าที่ config file ก็ทำการ copy Service KillLoginSession ไปไว้เพิ่มใน folder C:\service2 ดังรูป แล้ว run คำสั่ง %WINDIR%\Microsoft.NET\Framework\v2.0.50727\InstallUtil.exe c:\service2\KillLoginSession.exe จะปรากฎ error ดังรูป คือมี service นี้ติดตั้งอยู่แล้ว วิธีแก้คือ ให้ใส่ code ดังนี้ sc create <servicename> binpath= “<pathtobinaryexecutable>” [option1] [option2] [optionN] <servicename> คือ ชื่อ service ที่กำหนดขึ้นมาโดยต้องไม่ตรงกับ service ที่ทำงานอยู่ <pathtobinaryexecutable> คือ ตำแหน่งที่ตั้งของ file service ที่จะทำการ Install [option] ไว้สำหรับใส่คำสั่งอย่างอื่นเพิ่ม เช่น Display Name จะมีหรือไม่มีก็ได้ ใส่ code ตามข้างบนได้ดังนี้ sc create KillLoginSessionTest binpath=”C:\service2\KillLoginSession.exe” DisplayName=”ALIST Kill Login Session Test” จะได้ผลดังรูป มี Properties ดังนี้ คือมี Service name กับ Display name ตามที่ได้กำหนดไว้ คำสั่งสำหรับ Uninstall ก็คือ sc delete <servicename> ถ้าต้องการ Uninstall Service ที่สร้างขึ้นก็ใส่ code ดังนี้ sc delete KillLoginSessionTest

Read More »

Flutter : ดึงข้อมูลจาก RESTFul API

สำหรับนักพัฒนาแอปพลิเคชันในตอนนี้ คงไม่มีใครไม่รู้จัก Flutter อย่างแน่นอนนะครับ ซึ่งตอนนี้ก็ออกเวอร์ชัน 2.2 มาแล้ว สำหรับผมเองที่เพิ่งเริ่มศึกษาก็ขอเริ่มด้วยการทดสอบดึงข้อมูลจาก API เป็นอย่างแรกนะครับ เพราะแอปพลิเคชันสำหรับใช้งานด้านต่างๆ ในองค์กรมักจะต้องใช้ข้อมูลจากฐานข้อมูล โดยการเชื่อมต่อผ่าน API เป็นหลักครับ ขั้นตอนการติดตั้งบน Windows และเตรียมเครื่องมือสามารถอ่านได้ที่ https://flutter.dev/docs/get-started/install/windows ในบทความนี้ผมใช้ Visual Studio Code นะครับโดยติดตั้ง Extention เพิ่มเติมดังนี้ เปิด Visual Studio Code คลิกเมนู View > Command Palette พิมพ์ “install”, จากนั้นเลือก Extensions: Install Extensions. พิมพ์ “flutter” เลือก install พิมพ์ “dart” เลือก install เมื่อติดตั้งเสร็จเรียบร้อยจะมีรายการ Extention ดังรูปครับ จากนั้นทำการสร้างโปรเจค ดังนี้ครับ คลิกเมนู View > Command Palette พิมพ์ “flutter”, จากนั้นเลือก Flutter:New Application Project จะได้โปรเจคที่มีโครงสร้างไฟล์ดังรูปครับ สำหรับท่านใดที่อยากเห็นหน้าตาแอปพลิเคชันเริ่มต้น ให้เปิด USB Debuging ที่มือถือให้เรียบร้อย ต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์ จากนั้นที่มุมขวามือล่างของ Visual Studio Code ให้เลือกชื่อมือถือของท่าน จากนั้นกด F5 ได้เลยครับ ในการเชื่อมต่อกับ API เราจะต้อง import package เพิ่มโดยพิมพ์คำสั่งที่ terminal > cmd ดังรูปครับ จากนั้นแก้ไขในไฟล์ main.dart โดยเริ่มจากการ import ดังนี้ครับ ด้านล่างเป็น Code ที่เชื่อมต่อ API โดยใช้ http.get เพื่อดึงข้อมูลแบบ Get จากนั้นก็ return ค่า response โดยใช้ประเภท Future เทียบกับภาษาอื่นๆ ประเภทข้อมูลนี้ก็คือ CallBack นั้นเองครับ เอาไว้อ่านค่าที่ได้จาก api เมื่อได้ข้อมูลมาแล้ว (ในอนาคต ไม่รู้ตอนไหน เมื่อเสร็จจะบอก ประมาณนั้น) ซึ่งข้างในเป็นค่าประเภท dynamic ที่ได้จาก jsonDecode ตรงนี้เป็นการสร้าง Widget สำหรับแสดงข้อมูลเป็นแถวๆ ต่อไปก็จะเป็น Main Function ที่มีการประกาศ state เพื่อเก็บข้อมูลไว้แสดงผลในรูปแบบ ListView เมื่อได้ข้อมูลจาก API มาแล้วนะครับ เมื่อ Run ดูก็จะได้หน้าตาประมาณนี้ครับ เรียกได้ว่าสัมผัสแรกกับ Flutter รู้สึกประทับใจทั้งในด้าน Extension ที่มีใน Visual Studio Code ให้ความรู้สึกไม่ต่างจากการพัฒนาด้วย .Net Framwork เพราะสามารถ Debug ได้ มี Intellisense ครบถ้วน ในด้าน Syntax เนื่องจากเป็นภาษาใหม่ยังต้องทำความเข้าใจอีกพอสมควร ในด้านการออกแบบ UI สำหรับท่านใดที่เคยใช้ React Native มาน่าจะพอเข้าใจ Concept ของ View Widget (เทียบเท่า Component) ได้ไม่ยากนัก ถ้าหากได้นำมาใช้ในงาน Production จริงๆ แล้วจะนำประเด็นที่น่าสนใจอื่นๆมาแชร์กันเพิ่มเติมครับ อ้างอิง https://flutter.dev/docs/get-started/codelab https://flutter.dev/docs/cookbook/networking/fetch-data

Read More »

การใช้งาน touchpad ใน windows 10

การใช้งาน touchpad ใน windows 10 มีดังนี้ ใช้ 1 นิ้วกดที่ touchpad  การทำงานจะเหมือนกด mouse ด้านซ้าย ถ้ากด 1 ครั้ง จะเป็นการเลือกไฟล์หรือกดปุ่มคำสั่งที่ cursor ชี้อยู่เวลานั้น ถ้ากด 2 ครั้ง จะเป็นการเปิดไฟล์หรือเปิดโปรแกรม 2. ใช้ 1 นิ้วกดที่ touchpad  2 ครั้งค้างไว้แล้วลาก  การทำงานจะเหมือนกด mouse ด้านซ้ายค้างไว้แล้วเลื่อน mouse เป็นการเลื่อนไฟล์ที่เลือกไปตำแหน่งอื่น หรือ เป็นการเลือกไฟล์แบบคลุม หรือใช้เลื่อน scroll bar 3. ใช้ 2 นิ้วกดที่ touchpad  1 ครั้ง การทำงานจะเหมือนกด mouse ด้านขวา เป็นการแสดงคำสั่งอื่นๆ 4. ใช้ 2 นิ้วกดที่ touchpad  1 ครั้งค้างแล้วกางออกหรือหุบเข้า เป็นการทำ Zoom in , Zoom out 5. ใช้ 2 นิ้วกดที่ touchpad  1 ครั้งค้างแล้วเลื่อนขึ้นลง เป็นการเลื่อนหน้าจอขึ้นลง 6. ใช้ 3 นิ้วกดที่ touchpad  1 ครั้ง เป็นการเปิดปุ่ม search 7. ใช้ 3 นิ้วกดที่ touchpad  1 ครั้งค้างแล้วลากขึ้น เป็นการเปิด task view 8. ใช้ 3 นิ้วกดที่ touchpad  1 ครั้งค้างแล้วลากลง เป็นการแสดงหน้า desktop 9. ใช้ 3 นิ้วกดที่ touchpad  1 ครั้งค้างแล้วลากไปทางซ้ายหรือขวา เป็นการสลับโปรแกรมที่เปิดใช้งานอยู่ 10. ใช้ 4 นิ้วกดที่ touchpad  1 ครั้ง เป็นการเปิด Action Center 11. ใช้ 4 นิ้วกดที่ touchpad  1 ครั้งค้างแล้วลากไปทางซ้ายหรือขวา เป็นการเลือกหน้า Desktop ที่เปิดอยู่ ถ้าต้องการปิดการใช้งาน touchpad ขณะเสียบ mouse ให้ทำดังนี้ เปิด windows setting แล้วเลือก Devices 2. เลือก Touchpad แล้วเอาเครื่องหมายถูกหน้าข้อความ “Leave touchpad on when a mouse is connected” ออก

Read More »

ลบภาพบนเอกสาร Word ทั้งหมดได้ง่าย ๆ ภายในพริบตา

หลายท่านคงเคยมีปัญหาในการนำข้อความจาก word  อาจจะต้องนำไป Copy ไว้ที่ไหนสักที่ หรือ นำไปเขียน blog บนเว็บ แต่ไฟล์ที่เรามีอยู่ในมือ ดูแล้วมีรูปภาพเต็มไปหมด ไอ้เราก็ต้องการเฉพาะแค่ข้อความเท่านั้น ทำไงล่ะทีนี้ จะต้องมานั่งลบรูปทีละรูปอย่างนั้นเหรอ ?? เสียเวลาชะมัด เห้อ …..  แต่เดี๋ยวก่อนค่ะ มันไม่เสียเวลาขนาดนั้น มันก็มีวิธีอยู่นะคะ ที่เราจะไม่ต้องมานั่งคลิกลบทีละรูป เอาล่ะมาดูวิธีกันดีกว่า 1. เปิดไฟล์ที่เราต้องการลบรูปทั้งหมดขึ้นมา จะเห็นว่าในไฟล์มีรูปภาพหลายรูปเลยล่ะค่ะ 2. คลิกที่ปุ่ม Replace 3. ในช่อง Find What  ให้พิมพ์ ^g   ส่วนตรง Replace With ไม่ต้องกรอกอะไรลงไปค่ะ ปล่อยว่างไว้เลย  จากนั้นให้กดปุ่ม Replace All 4. ปรากฏข้อความแจ้งดำเนินการเสร็จสิ้น กดปุ่ม OK เพื่อปิดข้อความ 5. กดปุ่ม Close เพื่อปิดหน้าจอการ Replace 6. จะเห็นว่ารูปทั้งหมดหายวับไปกับตา เหลือเพียงแค่ข้อความที่เราต้องการ เป็นไงคะ ไม่ยากเลยใช่ไหม จากที่ต้องคอยลบทีละรูป คราวนี้ใช้เวลาแค่ไม่ถึงนาทีก็ลบรูปได้ทั้งหมดเลย  ^^

Read More »

ตรวจสอบ Battery ด้วยคำสั่งเดียว (Windows OS)

เคยมั้ยครับอยากรู้ว่า Battery ของ Notebook ที่เราใช้งานอยู่ Design Capacity จากโรงงานเท่าไหร่ Full Charge Capacity ตอนนี้เหลือเท่าไหร่ ปกติก็ต้องหาโหลดโปรแกรม ติดตั้งและค่าที่ได้ออกมาบางทีก็ไม่ครบถ้วน เสี่ยงต่อมัลแวร์ ต้องเลือกแหล่งที่มาดีๆ สำหรับท่านที่ใช้งานระบบปฏิบัติการ Windows นั้น มีเครื่องมือที่ชื่อว่า powercfg ติดมาอยู่แล้วนะครับ จริงๆความสามารถของมันที่เกี่ยวกับการจัดการพลังงานของเครื่องมีเยอะมากครับ สามารถใช้คำสั่ง powercfg /? เพื่อเรียกดูความสามารถอื่นๆได้ โดยในบทความนี้ผมจะแนะนำวิธีการออก Battery report เพื่อตรวจสอบ Battery ของเราครับ เปิด cmd ขึ้นมา (พิมพ์ค้นหาว่า cmd ) พิมพ์คำสั่ง powercfg /batteryreport /output “c:\battery-report.html” เสร็จเรียบร้อยครับเราก็จะได้ไฟล์ battery-report.html อยู่ที่ c:\ สามารถเปลี่ยนชื่อไฟล์ หรือที่จัดเก็บได้ ไฟล์ดังกล่าวสามารถเปิดดูด้วย Browser ได้ทุกตัวครับ โดยในไฟล์ดังกล่าวจะประกอบไปด้วย

Read More »