Category: Microsoft Office

  • Mail merge ด้วย Excel Online และ Power Automate

    สิ่งที่ต้องมี

    1. เมล์มหาวิทยาลัยที่ใช้งานที่ http://email.psu.ac.th
    2. Browser เช่น Edge, Firefox ฯลฯ

    Optional

    1. Office 365 Desktop แต่บทความนี้จะไม่ใช้นะครับ

    เริ่มได้

    1. ล็อคอินเข้าระบบที่ http://email.psu.ac.th
    2. คลิกปุ่ม 9 จุดมุมบนซ้าย เลือก Excel คลิก Blank workbook
    1. คลิกที่คำว่า Book1 เพื่อเปลี่ยนชื่อไฟล์ และเลือกโฟลเดอร์บน Onedrive สำหรับเก็บไฟล์นี้ให้เรียบร้อย
    1. กรอกข้อมูลที่จะใช้ส่งอีเมล เช่น
    1. เลือกข้อมูลทั้งหมดตั้งแต่ A1 ถึง B3 แล้วคลิกที่ Insert เลือก Table และคลิกที่ My table has headers แล้วคลิก OK
    1. ได้ดังภาพ
    1. จากนั้นคลิกที่ Automate แล้วคลิกที่ Automate Work
    1. ได้ดังภาพ
    1. ให้เลื่อนช่องด้านขวาลงมาล่างสุดจนเห็นคำว่า See all templates
    1. คลิก See all templates จะได้หน้าต่างใหม่ดังภาพ
    1. พิมพ์ต่อท้ายคำว่า Excel ว่า send แล้วกดปุ่ม enter บนคีย์บอร์ดจะเจอ Send an email for a selected row ให้คลิกที่ช่องนั้นได้เลย
    1. จะได้หน้าตาประมาณนี้
    1. คลิก Continue จะได้
    1. ในส่วนของ For a selected row เลือกข้อมูลให้ถูกต้องดังนี้ ซึ่งในบทความนี้จะเซฟไฟล์ไว้ใน OneDrive เลยดังนั้นเลือกเป็นดังภาพ ช่อง Table สำคัญมากคือ Table1
    1. ในส่วนของ Send an email ในช่อง To ให้ลบของเก่าออกแล้วเลือกชื่อฟิลด์ email ของเราที่กรอกเตรียมไว้แล้วใน excel
    1. Subject พิมพ์ตามต้องการ และ Body ก็จะเป็นเนื้อหาที่ต้องการส่งให้ผู้รับอ่านสามารถกรอกได้เลย สามารถเลือกฟิลด์ต่าง ๆ ใน excel มาใช้งานได้
    1. เมื่อเสร็จสิ้นแล้วกด Save
    2. กลับมาที่ excel กดปุ่ม Automate Work อีกครั้ง จะเห็นว่าหัวข้อเพิ่มขึ้นมาคือ Flows in this workbook
    1. ให้เลือกแถวที่ต้องการส่งอีเมล (A2-A3) แล้วไปคลิกที่จุดสามจุดหลังชื่อ Flows ดังภาพ
    1. คลิก Run
    1. คลิก Run flow จะได้ดังภาพ เมล์จะถูกส่งไปเรียบร้อย คลิก Done เพื่อจบการทำงาน
    1. เมื่ออีเมลถูกส่งไปค่าต่างๆ ในไฟล์ excel และเราได้ใส่ในเนื้อเมล์จะถูกแทนที่ให้อัตโนมัติ
    1. จบขอให้สนุก
  • สร้าง chart ง่ายสุด ๆ ด้วย Power Point

    ตามหัวข้อเลยค่ะ อาจจะเป็นเรื่องที่ง่าย ๆ ที่บางคนรู้แล้ว แต่บางคนก็ยังไม่รู้ (รึปล่าว😁) เข้าเรื่องกันดีกว่าค่ะ👌 ปกติเราอาจจะใช้ word หรือลาก box ข้อความมา แต่วันนี้เราจะมาใช้ power point ทำแผนผังองค์กร หรือ chart อะไรก็ได้ ใช้เวลานิดเดียวและง่ายสุด ๆ เลยค่ะ สมมุติเรามีรายชื่อคนในองค์กร ตามตัวอย่าง

    จากนั้นจัดลำดับการเป็นหัวหน้าและลูกน้อง โดยใช้ปุ่ม Increase List Level

    หมายถึงรายชื่อที่เลือกเป็นลูกน้องของ ใบเฟิร์น สามารถเลือกรายชื่อที่ต้องการและคลิกปุ่ม Decrease List Level หรือ crease List Level เพื่อปรับลำดับตามต้องการ ดังรูป

    จากนั้นไปที่ Home –> Convert to SmartArt –> More SmartArt Graphics –> Hierarchy อยากได้ตัวไหนก็เลือกได้เลยค่ะ

    ก็จะได้ผังองค์กรทันทีเลย

    จากนั้นก็สามารถแก้ไข ปรับแต่งได้ คลิกเลือกที่รูปแล้วเลือกไฟล์รูปเพื่อปรับแต่ง คลิกที่ชื่อเพื่อปรับสี ขนาดตัวอักษรได้ ที่ “SmartArt Design” เราสามารถเลือกเปลี่ยน theme สีได้ที่ “Change Colors” แต่หากต้องการปรับแต่งเองให้คลิกที่ “Convert to Shapes” แต่ข้อควรระวังถ้าเลือก “Convert to Shapes” แล้วจะแก้กลับไม่ได้แล้วนะ แค่นี้เองค่ะ ง่ายมากเลยใช่มั๊ยหล่ะ😉 อ่านมาถึงแล้วก็ขอขอบคุณทุกกำลังใจ😍นะคะ

  • วิธีใช้ Power Query ดึงข้อมูลจาก PSU Web API

    PSU Web API เป็นเว็บที่ให้บริการข้อมูลในรูปแบบ JSON ทุกท่านที่มี PSU Passport สามารถสมัครเพื่อขอใช้บริการได้ที่เว็บไซต์ api.psu.ac.th โดยปัจจุบันข้อมูลที่เปิดให้บริการแล้วคือ ข้อมูลส่วนกลาง ข้อมูลระบบสารสนเทศนักศึกษา และข้อมูลระบบสารสนเทศบุคลากร สำหรับทุกท่านที่สนใจใช้บริการข้อมูลสามารถศึกษาวิธีการได้จากคู่มือของระบบค่ะ

    วันนี้จะขอนำเสนอวิธีการดึงข้อมูลจาก PSU Web API ที่ให้บริการออกมาเป็นรูปแบบตารางด้วย Power Query ใน Microsoft Excel 365 กันค่ะ ซึ่งการดึงข้อมูลด้วย Power Query นี้น่าจะเหมาะสำหรับคนที่ไม่ถนัดในการเขียนโปรแกรมเพื่อดึงข้อมูลมาใช้งานกันค่ะ

    STEP 1 : เชื่อมต่อกับแหล่งข้อมูล PSU Web API

    • คลิกเมนู Data –> Get Data –> From Other Sources –> From Web
    • ตัวอย่าง แสดงการดึงข้อมูลชื่อปริญญาที่ให้บริการจากระบบ PSU Web API
    • ป้อน URL ตามรูปแบบที่กำหนด ศึกษาได้จากคู่มือการใช้งานของระบบ (ตามตัวอย่างให้แสดงข้อมูล 100 รายการ)
    • คลิกปุ่ม OK

    STEP 2 : ตั้งค่า Power Query Editor

    • ระบบแสดงผลลัพธ์ข้อมูล 2 ส่วน คือส่วน paging ลักษณะข้อมูลเป็น Record และส่วนของ data ซึ่งจะมีลักษณะข้อมูลเป็น List ซึ่งภายใน List จะมี Record ซ้อนอยู่ข้างในอีกที
    • ตั้งชื่อ Query Name : Degree
    • คลิก Convert Into Table เพื่อแปลงผลลัพธ์ 2 ส่วนออกมาเป็นตาราง

    STEP 3 : ทำการ Transpose และแตก List ข้อมูล

    • คลิกเมนู Transpose –> Reverse Rows เพื่อสลับให้ paging เป็น First Row
    • คลิก Use First Row as Header เพื่อเตรียมแตก List ในคอลัมน์ data ออกมา
    • คลิกปุ่ม Expand ที่หัวตารางของคอลัมน์ Column2 แล้วคลิก Expand to New Rows เราก็จะได้ Record ออกมาในแต่ละบรรทัด
    • คลิกปุ่ม Expand ที่หัวตารางของคอลัมน์ Column2 อีกครั้ง
    • สามารถคลิกเลือกหรือไม่เลือกคอลัมน์ที่ต้องการหรือไม่ต้องการได้
    • คลิกไม่เลือก Use original column name as prefix
    • คลิกปุ่ม OK ระบบแสดงข้อมูลจำนวน 100 รายการตามที่กำหนดจาก PSU Web API
    • คลิกเมนู Home –> Close & Load เพื่อเสร็จสิ้น

    STEP 4 : Power Query ดึงข้อมูลจาก PSU Web API มาแสดงเป็นตารางเรียบร้อยแล้วค่ะ

    ^_^ หวังว่าโพสนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านไม่มากก็น้อยนะคะ แล้วพบกันใหม่ค่ะ

  • วิธีรวมข้อมูล Excel จากหลายชีทเข้าด้วยกันเป็นตารางเดียวด้วย Power Query

    Power Query เครื่องมือสำคัญของ Power BI และ Microsoft Excel 2016 | 2019 | 365 ที่จะช่วยจัดการข้อมูลให้ได้ตามต้องการ ไม่ว่าเป็นการรวบรวมข้อมูลจากหลายแหล่งเข้าด้วยกัน การเปลี่ยนประเภทข้อมูล การจัดตารางหรือคิวรี การจัดคอลัมน์ การจัดการข้อมูลที่บกพร่อง การรวมข้อมูล การแยกข้อมูล การปรับแต่งข้อมูล และการสร้างรูปแบบข้อมูล

    จุดเด่นของ Power Query

    • รวบรวมข้อมูลได้จากหลายแหล่ง หลากหลายรูปแบบ
    • ใช้งานง่าย มีปุ่มเมนูให้ใช้งาน
    • ทุกการกระทำจะถูกบันทึกไว้เป็น Steps สามารถแก้ไข สลับลำดับ หรือลบ Steps ที่ทำไว้ได้อย่างง่ายดาย
    • รองรับการทำงานที่ Advance มากขึ้นด้วย M Code ซึ่งเป็นภาษาพิเศษของ Power Query

    ในการใช้งาน Microsoft Excel เราอาจจะมีความจำเป็นที่จะรวมรวมข้อมูลจากหลาย ๆ ซีทเป็นตารางเดียว เพื่อให้สามารถนำไปวิเคราะห์ต่อ วันนี้จึงจะขอนำเสนอความสามารถของ Power Query เพื่อรวมข้อมูล Excel แต่ละชีทรวมเป็นตารางเดียวโดยเริ่มจาก

    STEP 1 : ทำการแปลงข้อมูลในแต่ละชีทให้เป็นตาราง

    • เนื่องจาก Power Query จะทำงานกับข้อมูลในรูปแบบที่เป็นตาราง ดังนั้นต้องดำเนินการแปลงข้อมูลแต่ละชีทให้เป็นตาราง
    • ภายในชีท HATYAI คลิกเซลล์ A1
    • คลิกเมนู Insert –> Table
    • ระบบเลือกช่วงข้อมูลที่ต้องการให้อัตโนมัติ
    • เลือก My table has headers
    • คลิกปุ่ม OK
    • กำหนด Table Name : T_HATYAI
    • ดำเนินการเช่นเดียวกันในชีทที่เหลือโดยตั้งชื่อตาราง T_PATTANI, T_PHUKET, T_SURAT, T_TRANG ตามลำดับ

    STEP 2 : รวมข้อมูลเป็นตารางเดียวด้วย Power Query

    • คลิกเมนู Data –> Get Data –> From Other Sources –>Blank Query
    • ระบบแสดงหน้าต่าง Power Query Editor

    STEP 3 : กำหนดรายละเอียดของ Query

    • ตั้งชื่อ Query Name : ALL_CAMPUS
    • พิมพ์ฟังก์ชัน “=Excel.CurrentWorkbook()” ซึ่งเป็นภาษา M ที่อยู่เบื้องหลังของ Power Query เพื่อแสดงตารางข้อมูลทั้งหมดในไฟล์ Excel ของเรา
    • เราสามารถ Filter เพื่อเลือกรวมเฉพาะตารางข้อมูลที่ต้องการเท่านั้นได้
    • สมมุติเราต้องการรวมเฉพาะตารางเฉพาะที่ขึ้นต้นด้วยตัวอักษร ‘T’ เราสามารถทำได้โดยคลิกที่ Text Filters –> Begins With….
    • กรอกตัวอักษร T ลงไป คลิกปุ่ม OK

    STEP 4 : กำหนดรายละเอียดของคอลัมน์

    • สามารถเลือกหรือไม่เลือกคอลัมน์ที่ต้องการหรือไม่ต้องการได้
    • กำหนดเงื่อนไขไม่เลือก Use original column name as prefix กรณีเลือกจะมีชื่อ Content นำหน้าชื่อคอลัมน์เช่น Content.Subject ID Content.Subject Code เป็นต้น
    • คลิกปุ่ม OK ระบบแสดงข้อมูลที่เกิดจากการรวมของตารางข้อมูลตามเงื่อนไข
    • คลิกปุ่ม Close & Load ระบบจะทำการรวมข้อมูลทั้ง 5 ชีทไว้ที่ชีท ALL_CAMPUS

    STEP 4 : Power Query รวมข้อมูล Excel จากหลายชีทเข้าด้วยกันเป็นตารางเดียวเรียบร้อยแล้วค่ะ

    ^_^ หวังว่าโพสนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านไม่มากก็น้อยนะคะ แล้วพบกันใหม่ค่ะ

  • วิธีการแยกคำนำหน้าชื่อ ชื่อและนามสกุล ที่รวมอยู่ในช่องเดียวกันใน Microsoft Excel

    ในการใช้งาน Microsoft Excel เราคงจะเคยเจอปัญหาที่ข้อมูลมีทั้งคำนำหน้าชื่อ ชื่อและนามสกุล รวมอยู่ในช่องเดียวกัน แต่การนำไปใช้งานของเราต้องการที่จะแยกคำนำหน้าชื่อ ชื่อและนามสกุลออกจากกันเป็นคนละช่อง

    วันนี้จะขอนำเสนอสูตรเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวข้างต้น มาดูกันเลยคะว่าทำยังไง ในการแก้ปัญหานี้จะต้องใช้ฟังก์ชันหลายฟังก์ชัน รวมทั้งเทคนิคการคำนวณแบบ Array ของ Excel ผสมผสานกันโดยเริ่มจาก

    STEP 1 : สร้างคอลัมน์สำหรับการแสดงผล และสร้าง List รายการคำนำหน้าชื่อที่คอลัมน์ I

    STEP 2 : ทำการแปลง TITLE_LIST เป็นตาราง เพื่อความสะดวกในการจัดการข้อมูลคำนำหน้าชื่อและการอ้างอิงข้อมูล

    • คลิกเซลล์ I1
    • คลิกเมนู Insert –> Table
    • ระบบเลือกช่วงข้อมูลที่ต้องการให้อัตโนมัติ
    • เลือก My table has headers
    • คลิกปุ่ม OK
    • กำหนด Table Name : TITLE

    STEP 3 : ทำการแยกเฉพาะคำนำหน้าชื่อมาแสดงที่คอลัมน์ D ด้วยฟังก์ชัน SEARCH , MATCH และ INDEX

    =INDEX(TITLE[TITLE_LIST],MATCH(1,SEARCH(TITLE[TITLE_LIST],B2),0))

    ฟังก์ชัน SEARCH : ค้นหาสตริงข้อความหนึ่งภายในสตริงข้อความที่สอง และส่งกลับตัวเลขที่เป็นตำแหน่งเริ่มต้นของสตริงข้อความแรกจากอักขระแรกของสตริงข้อความที่สอง

    ไวยากรณ์ : SEARCH(find_text,within_text,[start_num])

    กรณี

    • ถ้าไม่พบค่าของ find_text จะส่งกลับ #VALUE! เป็นค่าความผิดพลาด
    • กรณีพบค่าของ find_text ส่งกับตัวเลขที่เป็นตำแหน่งเริ่มต้นของสตริงข้อความแรกจากอักขระแรกของสตริงข้อความที่สอง
      • กรณี find_text เป็นช่วงข้อมูล จะส่งค่ากลับเป็นเลข 1

    ฟังก์ชัน MATCH : ค้นหารายการที่ระบุช่วงในเซลล์ แล้วส่งกลับตําแหน่งสัมพันธ์ของรายการนั้นในช่วง ตัวอย่างเช่น ถ้าช่วง A1:A3 มีค่า 5, 25 และ 38 สูตร =MATCH(25,A1:A3,0) จะส่งกลับตัวเลข 2 เนื่องจาก 25 เป็นรายการที่สองในช่วง

    ไวยากรณ์ : MATCH(lookup_value, lookup_array, [match_type])

    ฟังก์ชัน INDEX : ส่งกลับค่าจากภายในตารางหรือช่วงข้อมูล

    ไวยากรณ์ : INDEX(array, row_num, [column_num])

    STEP 4 : ทำการแยกชื่อและนามสกุลออกจากคำนำหน้าชื่อมาแสดงที่คอลัมน์ C ด้วยฟังก์ชัน SUBSTITUTE

    =SUBSTITUTE(B2,D2,””)

    ฟังก์ชัน SUBSTITUTE : ใช้แทนที่ข้อความเดิม old text ด้วยข้อความใหม่ new text ส่วน instance_num ใช้เพื่อระบุตำแหน่งการแทนที่ ซึ่งถ้าไม่ระบุ old text จะถูกเปลี่ยนด้วย new text ทั้งหมด

    ไวยากรณ์ : SUBSTITUTE(text, old_text, new_text, [instance_num])

    STEP 5 : ทำการแยกชื่อมาแสดงที่คอลัมน์ E ด้วยฟังก์ชัน LEFT และ SEARCH

    =LEFT(C2,SEARCH(” “,C2,1)-1)

    ฟังก์ชัน LEFT : ส่งกลับอักขระจำนวนหนึ่งที่อยู่ในลำดับแรกๆ ในสตริงข้อความ ตามจำนวนอักขระที่ระบุ

    ไวยากรณ์ : LEFT(text, [num_chars])

    STEP 6 : ทำการแยกนามสกุลมาแสดงที่คอลัมน์ F ด้วยฟังก์ชัน RIGHT , LEN และ SEARCH

    =RIGHT(C2,LEN(C2)-SEARCH(” “,C2,1))

    ฟังก์ชัน RIGHT : ส่งกลับอักขระสุดท้ายจำนวนหนึ่งในสตริงข้อความ ตามจำนวนอักขระที่ระบุ

    ไวยากรณ์ : RIGHT(text,[num_chars])

    ฟังก์ชัน LEN :  ส่งกลับเป็นจำนวนอักขระในสตริง

    ไวยากรณ์ : LEN(text)

    STEP 7 : แยกคำนำหน้าชื่อ ชื่อและนามสกุล ที่รวมอยู่ในช่องเดียวกันใน Microsoft Excel เรียบร้อยแล้วค่ะ

    ^_^ หวังว่าโพสนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านไม่มากก็น้อยนะคะ แล้วพบกันใหม่ค่ะ

  • Excel : ลำดับที่แบบตัวเลขด้วยคำสั่งง่าย ๆ ไม่ต้องลากเมาส์!

    เคยไหม ที่พยายามใส่เลข 1-100 ใน Column ใด ๆ เอง ด้วยวิธีการต่าง ๆ แบบนี้

    บางคนใช้วิธีพิมพ์เอง 😒

    บางคนใช้วิธีพิมพ์เลข 1 2 3 คลุมแล้วลาก 😂

    แต่!!! จะดีกว่าไหม ถ้ามีวิธีที่เร็วและเราสามารถระบุได้ว่าจะสิ้นสุดที่เลขใด 😍 มาดูวิธีกันเลยค่ะ

    ใน Cell A1 พิมพ์คำสั่งดังนี้ค่ะ

    =SEQUENCE(xx) โดยที่ xx คือจำนวนที่เราต้องการให้เลขแสดงถึง

    แล้วกดปุ่ม Enter!

    โดยตัวอย่างในวีดีโอ ให้แสดงถึงเลข 20 ดังนั้นคำสั่งจึงเป็นดังนี้ค่ะ

    =SEQUENCE(20)

    เพียงเท่านี้ คุณก็จะได้ Running Number จาก 1-100 โดยที่ไม่ต้องลากเมาส์แล้วค่ะ 😁👍💖

    หวังว่าโพสนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านไม่มากก็น้อยนะคะ แล้วพบกันใหม่ค่าาา

  • วิธี Convert Multiple email to Adobe PDF ด้วย MS Outlook

    สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านค่ะ เอาจริงๆ ทางผู้เขียนห่างหายไปนานมากๆ กับการเขียน Blog นานมากกกกจริงๆ นะ 😊

    ต้องขอเล่าก่อนว่า ตั้งแต่สิงหาคม 2564 จนถึงสิ้นปีที่ผ่านมา การทำงานของผู้เขียนในตำแหน่ง Customer Support ค่อนข้างจะหนักหนาเอาการเลยทีเดียวแหละ 55+

    ดังนั้นปัญหาที่ตามมาคือการตอบคำถามให้กับนักศึกษาทั้ง 5 วิทยาเขตของทางมหาวิทยาลัย ซึ่งช่องทางหลักๆ หนึ่งในการให้บริการคือ ถาม-ตอบปัญหาผ่านทาง Email ค่ะ

    สำหรับปัญหาของผู้เขียนคือ จะทำยังไง??? ที่จะเอา Email ในรอบ 4-5 เดือนที่ถาม-ตอบไปทั้งหมดออกมาเพื่อให้ทางผู้ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ สามารถตรวจสอบได้ว่าเนื้อหา หรือปัญหาที่พบเจอมีอะไรบ้าง (คร่าวๆ ก็เกือบๆ 2000 ฉบับแหละ หื้ม)

    มาค่ะ เรามาเริ่มกันเลย …. วันนี้ทางผู้เขียนจะมาขอแบ่งปันเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย เกี่ยวกับการ export ข้อมูลจาก Email บน Microsoft outlook ให้อยู่ในรูปแบบ PDF กันค่ะ

    โดยผู้เขียนจะขอพูดถึงในส่วนที่ผู้เขียนทราบและได้ทดสอบใช้งานจริงค่ะ

    ปล … จริงๆ แล้ว Microsoft Outlook มันก็มีวิธีให้เรา Export ข้อมูลในตัวของมันอยู่แล้ว แต่อาจจะอยู่ในรูปแบบของ .pst ซึ่งไม่ใช่แบบ pdf ที่ทางผู้เขียนต้องการเท่านั้นเอง แหะๆ (แต่จริงๆ อาจจะมีวิธีที่ทำได้มากกว่าวิธีที่ผู้เขียนจะแชร์ก็ได้นะ)

    Export ข้อมูล Email ทั้ง Folder ออกจาก Microsoft Outlook ให้อยู่ในรูปแบบ PDF

    ขั้นตอนที่ 1 : อย่างแรกเลยคือ เครื่องของผู้ใช้งานจะต้องติดตั้งหรือมี Adobe acrobat pro DC ก่อนนะ (วิธีดาวน์โหลดติดตั้งโปรแกรม สามารถค้นหาผ่าน google ได้เลยนะทุกคน)

    ขั้นตอนที่ 2 : เมื่อติดตั้งเรียบร้อยแล้วก็ Sign in เข้าไปด้วย Adobe Account กันเลย เมื่อขั้นตอนของการติดตั้ง Sign in เรียบร้อยแล้ว ก็จะเข้าสู่ในส่วนของ Microsoft Outlook กันค่ะ

    ขั้นตอนที่ 3 : จากนั้นให้ผู้ใช้งานเปิดโปรแกรม Microsoft Outlook ขึ้นมาเลยค่ะ (จากรูปผู้เขียนใช้ Office 365 นะ)จะสังเกตได้ว่า จะมีเมนู Acrobat เพิ่มเข้ามาตามในรูปเลย

    ขั้นตอนที่ 4 : จากนั้นหากผู้ใช้ต้องการดำเนินการใน Folder ไหน ก็ให้คลิกขวาที่ Folder นั้นได้เลยค่ะ อย่างในรูปผู้เขียนจะดำเนินการใน Folder ที่ชื่อว่า “อว.ลดค่าเทอม” เมื่อเราคลิกขวา จะปรากฏเมนูที่ชื่อว่า “Convert อว.ลดค่าเทอม to Adobe PDF

    ขั้นตอนที่ 5 : คลิกเลือกเมนู “Convert อว.ลดค่าเทอม to Adobe PDF” ได้เลยค่ะ จากนั้น ก็เลือก Location สำหรับบันทึกไฟล์ดังกล่าว เมื่อยืนยันเรียบร้อยแล้ว Microsoft Outlook ก็จะทำการ Convert ข้อมูลใน Folder ดังกล่าวออกมาให้ค่ะ

    ปล…สำหรับของผู้เขียนรอนานมากกกกกกกค่ะ เพราะมีข้อมูลเกือบๆจะ 2000 ฉบับแน่ะ !!!

    ขั้นตอนที่ 6 : เมื่อเรียบร้อยแล้วเราก็จะได้ข้อมูลเป็นไฟล์ PDF ออกมาค่ะ ก็ลอง Double Click เปิดไฟล์ดูได้เลยค่ะ จะได้หน้าตาประมาณนี้นี่เอง ง่าย และสะดวกกกกกก ไม่ต้องนั่งทำผ่าน Email ที่ละฉบับ

    เป็นยังไงกันบ้างค่ะ พอจะช่วยเหลือการทำงานให้กับผู้อ่านได้บ้างรึเปล่าเอ่ย ???

    แต่ยังไงก็ตามผู้เขียนก็ยังคงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า Blog นี้จะเป็นประโยชน์ให้กับผู้อ่านไม่มากก็น้อยค่ะ เจอกันใหม่อีกทีใน Blog หน้า Coming Soon !!

    ปล … สุดท้ายนี้ขอขอบพระคุณผู้ช่วยเหลือ แนะนำและให้ข้อมูลสำหรับผู้เขียนมา ณ โอกาสนี้ด้วยแง๊บบบบบบบ

  • ลบภาพบนเอกสาร Word ทั้งหมดได้ง่าย ๆ ภายในพริบตา

    หลายท่านคงเคยมีปัญหาในการนำข้อความจาก word  อาจจะต้องนำไป Copy ไว้ที่ไหนสักที่ หรือ นำไปเขียน blog บนเว็บ แต่ไฟล์ที่เรามีอยู่ในมือ ดูแล้วมีรูปภาพเต็มไปหมด ไอ้เราก็ต้องการเฉพาะแค่ข้อความเท่านั้น ทำไงล่ะทีนี้ จะต้องมานั่งลบรูปทีละรูปอย่างนั้นเหรอ ?? เสียเวลาชะมัด เห้อ …..  แต่เดี๋ยวก่อนค่ะ มันไม่เสียเวลาขนาดนั้น มันก็มีวิธีอยู่นะคะ ที่เราจะไม่ต้องมานั่งคลิกลบทีละรูป เอาล่ะมาดูวิธีกันดีกว่า

    1. เปิดไฟล์ที่เราต้องการลบรูปทั้งหมดขึ้นมา จะเห็นว่าในไฟล์มีรูปภาพหลายรูปเลยล่ะค่ะ


    2. คลิกที่ปุ่ม Replace


    3. ในช่อง Find What  ให้พิมพ์ ^g   ส่วนตรง Replace With ไม่ต้องกรอกอะไรลงไปค่ะ ปล่อยว่างไว้เลย  จากนั้นให้กดปุ่ม Replace All


    4. ปรากฏข้อความแจ้งดำเนินการเสร็จสิ้น กดปุ่ม OK เพื่อปิดข้อความ


    5. กดปุ่ม Close เพื่อปิดหน้าจอการ Replace


    6. จะเห็นว่ารูปทั้งหมดหายวับไปกับตา เหลือเพียงแค่ข้อความที่เราต้องการ


    เป็นไงคะ ไม่ยากเลยใช่ไหม จากที่ต้องคอยลบทีละรูป คราวนี้ใช้เวลาแค่ไม่ถึงนาทีก็ลบรูปได้ทั้งหมดเลย  ^^

  • พิมพ์ข้อความใน Excel แล้วให้มีเสียงพูด

    วันนี้มาแนะนำเทคนิคง่าย ๆ ในการพิมพ์ลงในเซลให้มีเสียงอ่านอัตโนมัติ เราพิมพ์อะไรลงไปก็ให้มันอ่านคำนั้นออกมา มีวิธีการตั้งค่ายังไง มาดูกันค่ะ

    1.เปิด Excel ขึ้นมา ไปที่เมนู File > More > Options

    ตั้งค่าดังรูปข้างต้น จากนั้นจะมี Icon ดังกล่าวแสดงที่แถบ Ribbon ดังรูป

    วิธีการใช้งานให้คลิกปุ่มข้างต้น 1 ครั้ง สังเกตว่าเมื่อคลิกคือเปิดการใช้งาน จะแสดงในลักษณะเหมือนถูกกด ถูกคลิก ถูกใช้งาน จากนั้นมาทดสอบพิมพ์ข้อความช่องไหนก็ได้ เช่นพิมพ์คำว่า Hello แล้วกดปุ่ม “Enter” มันก็จะอ่านว่า “Hello” พิมพ์ประโยค แล้วกดปุ่ม “Enter” ก็จะอ่านทั้งประโยค พิมพ์ตัวเลข เช่น 1 ก็จะอ่านว่า “one” ข้อจำกัดคือจะอ่านเฉพาะภาษาอังกฤษเท่านั้น!!

    หากไม่ใช้งาน Function ดังกล่าวแล้วก็กดที่ปุ่มเดิม เพื่อยกเลิกการใช้งานค่ะ

    อันนี้เป็นเทคนิคน้อย ๆ นะคะในการใช้ Excel การพิมพ์แล้วให้มีเสียงยังไง