Category: Manual

คู่มือการติดตั้ง, คู่มือการใช้งาน

  • Passkey and security keys in Google

    Passkey and security keys in Google

    เพื่อการเข้าใช้งานที่ง่ายขึ้นไปอีกขั้นแต่ปลอดภัยอยู้ (เสียงสูง)​​ Passkey เป็นการยืนยันตัวตนสองขั้นตอนอีกวิธีที่ใช้เพิ่มความปลอดภัยให้กับการล็อคอินเข้าใช้งาน มาตั้งค่าเพิ่มเติมกันสำหรับ Google

    1. เริ่มต้นล็อคอินเข้าระบบที่ https://myaccount.google.com/
    2. เมื่อล็อคอินเข้าระบบเรียบร้อยให้คลิกที่ Security แล้วเลื่อนลงมาที่ How you sign in to Google
    1. คลิกที่ 2-Step Verification จะได้ดังภาพ
    1. ในส่วนของ Second steps คลิกที่ Passkeys and security keys ได้ผลดังภาพ
    1. คลิก Create a passkey จะมีหน้าต่างหรือป็อบอัพแสดงขึ้นมาเพื่อให้เราใส่รหัสผ่านของเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือมือถือที่ใช้เปิดหน้านี้ขึ้นมา อย่างในตัวอย่างนี้เปิดในเครื่องที่ใช้ระบบสแกนลายนิ้วมือในการเข้าใช้งาน ก็ให้สแกนลายนิ้วมือ เพื่อสร้าง Passkey เพียงเท่านี้ก็เสร็จ
    1. จะได้ดังรูป
    1. คลิก Try it out เพื่อทดสอบใช้งาาน ก็จะมีป็อบอัพให้กรอกรหัสผ่านเข้าเครื่องหรือรหัสปลดล็อคเครื่องหรือข้อมูลไบโอเมทริกอื่นๆ ที่ใช้ล็อคอินเข้าเครื่องที่เปิดใช้งานขึ้นมา
    1. เมื่อใส่ข้อมูลที่ร้องขอลงไปแล้วเพื่อยืนยันตัวตนเรียบร้อยจะได้ดังภาพ
    1. คลิก Done เป็นอันเสร็จ
    • จบขอให้สนุก
  • วิธีตั้งค่า 2FA (Two-Factor Authentication) บนบัญชี Google

    วิธีตั้งค่า 2FA (Two-Factor Authentication) บนบัญชี Google

    เร็วๆ นี้บริการของ Google ของมหาวิทยาลัย จะต้องทำการเปิดการยืนยันตัวตนหลายขั้นตอน 2FA (Two-Factor Authentication) หรือ MFA (Multi Factor Authentication) สำหรับผู้ที่ไม่เคยตั้งค่า 2FA สามารถทำได้ดังนี้

    1. ล็อคอินให้เรียบร้อยจะได้ดังภาพ
    1. คลิกที่ Security จะได้ดังภาพ
    1. คลิก + Set up authenticator จะได้ QR code ขึ้นมาดังภาพ
    1. เปิดแอ็พ Microsoft Authenticator ที่เคยใช้งานอยู่กับ Microsoft อยู่แล้ว จะได้ไม่ต้องลงแอ็พอื่น ๆ เพิ่มเติม
    2. เมื่อเปิดแอ็พ Microsoft Authenticator จะได้ดังภาพ
    1. กดเครื่องหมาย + ที่มุมบนขวา จะได้ดังภาพ
    1. เมื่อสแกน QR Code เสร็จ ในมือถือจะได้ดังภาพ
    1. ให้กด Next ในเว็บจะได้หน้าดังภาพ ให้นำตัวเลขจาก Microsoft Authenticator ในส่วนของ Google มาใส่แล้วกด Verify
    1. จะได้หน้าดังภาพ
    1. คลิก Turn on อีกครั้งจะได้หน้าดังภาพ
    1. คลิก Turn on 2-Step Verification แล้วกด Done
    1. จะได้ดังภาพ
    1. กดลูกศร ย้อนกลับมาดูที่หน้า Security ในส่วนของ How you sign in to Google หัวข้อ 2-Step Verification ต้องมีสถานะเป็น On ดังภาพ
    1. ทดสอบล็อคเอาท์และล็อคอินใหม่ เมื่อใส่รหัสผ่านแล้วจะมีหน้า 2-Step Verification ขึ้นมาถาม ให้เปิดแอ็พ Microsoft Authenticator นำรหัสจากแอ็พในหัวข้อ Google มาใส่แล้วกด Next ก็จะเข้าระบบได้เรียบร้อย
    • จบขอให้สนุก
  • Passkey in Microsoft Authenticator

    Passkey in Microsoft Authenticator

    Passkey คือ กลไกการยืนยันตัวตนที่ใช้หลักการของ cryptographic key pair (คู่กุญแจเข้ารหัส) แทนการใช้รหัสผ่าน — chatgpt

    อะไรอีก!!! Passkey ได้ถูกเปิดให้ใช้งานได้แล้วใน Microsoft 365 ของมหาวิทยาลัย (มาแบบไม่ตั้งตัว หลังจากที่รออยู่หลายเดือน) …

    รายละเอียดคร่าว ๆ จาก chatgpt

    ✅ ข้อดีของ Passkey in Microsoft

    หัวข้อรายละเอียด
    🔐 ปลอดภัยกว่า PasswordPasskey ใช้การเข้ารหัสแบบคู่กุญแจ (public-private key) ซึ่งลดความเสี่ยงจาก phishing, credential stuffing และการรั่วไหลของรหัสผ่าน
    👆 ใช้งานง่ายไม่ต้องจำรหัสผ่านอีกต่อไป ใช้เพียง biometric (เช่น สแกนนิ้ว หรือ Face ID) หรือ PIN
    📱 ผูกกับอุปกรณ์Passkey ที่ใช้กับ Microsoft Authenticator จะผูกกับอุปกรณ์และยืนยันตัวตนในเครื่องเท่านั้น
    ☁️ ไม่ต้องพึ่ง SMS/OTPไม่ต้องรอรหัส OTP ทาง SMS หรืออีเมลที่อาจถูกดักจับได้
    🧑‍💼 เหมาะกับองค์กรรองรับการจัดการผ่าน Microsoft Entra ID (Azure AD เดิม), ตั้งค่าบังคับใช้นโยบาย MFA หรือ Passwordless ได้ง่าย
    💼 ผูกกับแอป Authenticator โดยตรงMicrosoft Authenticator ช่วยจัดการ passkey ได้โดยตรงในแอปเดียว

    ❌ ข้อเสียของ Passkey in Microsoft

    หัวข้อรายละเอียด
    🔒 ขึ้นกับอุปกรณ์หากอุปกรณ์หาย หรือถูก factory reset โดยไม่ได้สำรองข้อมูล passkey อาจต้องตั้งค่าใหม่ทั้งหมด
    🔄 ยังไม่ sync ได้ทุกกรณีPasskey ของ Microsoft ยังไม่สามารถ sync ข้ามอุปกรณ์ได้ในบางกรณี (โดยเฉพาะในองค์กรแบบ hybrid หรือที่ยังไม่รองรับ synced passkey เต็มตัว)
    🛠 ต้องตั้งค่าล่วงหน้าต้องมีการเตรียมความพร้อม เช่น เปิดใช้งาน FIDO2 ใน Entra ID, ผูกอุปกรณ์ และมีสิทธิ์ในการจัดการนโยบาย
    🌐 ยังมีเว็บไซต์/ระบบที่ไม่รองรับไม่ใช่ทุกบริการของ Microsoft หรือ third-party ที่รองรับ passkey (โดยเฉพาะระบบ legacy)
    👥 ความเข้าใจของผู้ใช้ผู้ใช้ทั่วไปอาจยังไม่คุ้นเคยกับแนวคิด passkey ทำให้เกิดความสับสนช่วงเริ่มต้นใช้งาน

    ซึ่งถ้าใช้เป็นแล้วชีวิตจะง่ายขึ้นกว่าเดิม (หรือเปล่า) มาถึงวิธีการตั้งค่า

    1. เปิดแอ็พ Microsoft Authenticator ในมือถือ
    1. แตะ 1 ครั้งที่บัญชีของ Prince of Songkhla Unive… จะได้ดังภาพ เลือก Create a passkey
    1. ได้ดังภาพคลิก Sign in
    1. ได้ดังภาพกด Send notification
    1. จะปรากฏตัวเลขให้ยืนยันตัวตนดังภาพ
    1. รอสักครู่จะมีช่องปรากฎให้ใส่ตัวเลข
    1. กรอกตัวเลขลงไป
    1. กด yes เพื่ออนุมัติการลงชื่อเข้าใช้ รอสักครู่กด Done เป็นอันเสร็จ
    1. โดยปกติหากเปิดใช้งาน Passkey แล้ววิธีการจะเปลี่ยนเป็น Passkey โดยปริยาย จะปรากฎคิวอาร์โค้ดขึ้นมาดังภาพ
    1. ให้นำมือถือเครื่องที่ได้สร้าง Passkey เอาไว้ เปิดแอ็พกล้องถ่ายรูปธรรมดา หรืออาจจะใข้ไลน์ (รูปถัดมา) มาแสกนคิวอาร์โค้ดดังกล่าว ให้มีข้อความว่า Sign in with a passkey ปรากฎขึ้นมา เอานิ้วจิ้มที่ข้อความนั้น
    1. เอานิ้วจิ้มที่ข้อควาาม Sign in with a passkey หรือ Tap here to open link จะได้ดังภาพ
    1. เมื่อกด Continue ในมือถือ รอสักครู่ระบบจะเข้าสู่ระบบให้ท้นที
    2. จบขอให้สนุก
  • วิธีใส่ Subtitle อย่างง่าย บนมือถือ ด้วย CapCut

    ใครที่เป็น youtuber หรือ เริ่มต้น ทำช่องบนสื่อ Social Media ต่าง ๆ และอยากใส่ Subtitle ใต้คลิป แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง ลองมาดูวิธีใส่ Subtitle ง่าย ๆ ผ่าน Application CapCut บนมือถือกันค่ะ
    ซึ่งสามารถ Download ได้ทุกช่องทาง ทั้ง Play Store และ App Store

    • ขั้นตอนแรก คือให้กดคลิกเพิ่ม โปรเจกต์ใหม่ (New project)และกดอนุญาตการเข้าถึงต่าง ๆ
    • จากนั้นระบบจะเข้าไปยังคลังคลิปวิดีโอในเครื่องของเรา และให้ทำการเลือกคลิปที่ต้องการใส่ Subtitle แล้วทำการกดปุ่มเพิ่ม (Add)
    • เมื่อคลิปที่เลือกเข้ามาในหน้าจัดการแล้วให้เลือกเครื่องมือข้อความ (Text)
    • ให้ตั้งค่าเป็นเสียงต้นฉบับ ในส่วนเลือกภาษา หากใครต้องการให้ Sub Title ที่ใส่เป็นภาษาไทยสามารถเลือกภาษาตามที่ต้องการได้เลย ในกรณีนี้จะเลือกเป็นภาษาไทย เมื่อเสร็จแล้วให้มาคลิกที่ปุ่ม เริ่มต้น (Start)
    • เมื่อเสร็จแล้วให้มาคลิกที่ปุ่ม เริ่มต้น (Start) Application จะสร้าง Subtitle ให้อัตโนมัติ
    • เมื่อเสร็จแล้ว จะสามารถเห็น ข้อความ Subtitle ในช่องตัดต่อ
    • เราสามารถปรับตำแหน่ง ขนาด ของ Subtitle ได้
    • โดยให้คลิกไปที่แถบข้อความ Subtitle ที่ต้องการแก้ไข เราสามารถปรับตำแหน่งข้อความ ปรับขนาดหรือเปลี่ยน Font ตลอดจน แก้ไขข้อความที่คำนวณออกมาไม่ถูกต้องได้ จากนั้นให้กดเครื่องหมายถูก
    • หลังจากที่แก้ไขเรียบร้อยแล้ว ให้เรา save คลิปนี้ไว้ในเครื่องโดย กดสัญลักษณ์ลูกศร มุมขวาบน
    • เพียงเท่านี้คลิปของเราก็จะถูกบันทึกลงมาในเครื่อง จากนั้นให้กดปุ่ม เสร็จสิ้นมุมขวาบนได้เลยเราก็จะได้คลิปวิดีโอที่มี Subtitle มาแบบง่าย ๆ แล้ว!!!!

    สามารถดูตัวอย่างคลิปที่ใส่ Subtitle ได้ตาม Link ข้างล่างนี้ค่ะ

  • 📸 How to Capture screen website แบบเก๋ๆ

             🙏สวัสดีครับ การเขียน Blog หรือการทำคู่มือที่เกี่ยวข้องกับระบบสารสนเทศ เพื่อให้ง่ายต่อการอ่านหรือใช้งานระบบ ปกติแล้วเราก็จะใช้ปุ่ม print screen เพื่อ capture หน้าจอแล้วก็ save as image ออกมาเลย หรือเอารูปที่ capture มา ไปใช้กับโปรแกรมอื่นก็ได้ เช่น Photoshop, Illustrator หรือ Mockup Generator เพื่อที่จะได้รูปประกอบที่สวยงามและเหมาะแก่การนำเสนอให้น่าสนใจมากขึ้น


               เอาหละ จากที่เกริ่นมา เรามีเครื่องมือมานำเสนอทุกคน เครื่องมือที่จะไปช่วยเรา Capture หน้าจอออกมาแล้วนำมาใส่ในกรอบ Browser เก๋ๆให้เราเลย เราก็แค่ใส่ URL และกด Download ออกมาใช้งานได้เลย เครื่องมือที่ว่ามีชื่อว่า 🎊 “Screenshotr” 🎊 (คำว่า Screenshot + ตัวอักษร r)

                Screenshotr เป็นเครื่องมือจัดการ Capture screen และ Mockup ออนไลน์ เปิด Browser ขึ้นไป พิมพ์ที่แถบ URL ไปว่า ฉันจะไปที่  screenshotr.app  เข้าผ่านเว็บแบบนี้แสดงว่าาาาา น้องเป็น Online tool ไม่ต้องโหลดโปรแกรมใดๆ ใช้งานได้ทันที สะดวกมากมาย ที่สำคัญ ฟรี จ้าาา มาถึงตรงนี้แล้วคงสงสัยว่าหน้าตามาจะออกมาเป็นยังไง ไปดูกันเลยยย

               หน้าตาดู Professional ขึ้นมาเลยทันที 😎 อันนี้คือเลือกสีพื้นหลังมา ใส่เงาแล้ว Download รูปออกมาแล้ว ใช้เวลาประมาณ 45-60 วินาที ซึ่งจริงๆแล้วเราสามารถ Customize ส่วนต่างๆได้เช่น ขนาดของ Canvas, การแสดง URL, ประเภทของไฟล์, Scale ของภาพ

    หน้าตาของเจ้า Screenshotr จะประกอบด้วย 3 ส่วนหลักๆคือ ส่วนของ Preview รูป, แถบด้านซ้ายสำหรับการปรับค่าต่างๆ, แถบข้างบนสำหรับการใส่ URL และ Upload รูปภาพ

    🌈 วิธีการใช้งาน

    1. ให้ใส่ URL เข้าไปที่แถบ URL ข้างบนและกดปุ่ม GO สีเขียวด้านขวาบน
      • Capture website ตรงๆ ใส่ URL ได้เลย
      • ใช้รูปที่ Capture ให้กดปุ่ม Upload Image ถัดจากปุ่ม GO มุมขวาบน
    2. หลังจากใส่ที่มาของภาพหน้าจอแล้ว ปรับค่าที่แถบด้านซ้ายต่อได้เลย
      • Desktop / Mobile : เลือก Device ที่จะแสดงผล
        • สามารถเลือก Device ของการแสดงผลได้หรือ Theme ของ browser
      • Background : สีพื้นหลัง สามารถใช้เป็น Transparent (ใส) ก็ได้หรือสี Solid, Gradient หรือ Image ก็ได้
      • Shadow : ไม่มี / เงาเล็กน้อย / เงาขนาดใหญ่
      • Address Bar : ไม่แสดง / URL แบบเรียบๆ (มีแต่ text) / URL แบบมี Icon (favicon) ของเว็บด้วย
      • Presets : ขนาดสำเร็จรูปที่เหมาะกับการใช้งานทั่วไป เลือกมาใช้ได้เลย
      • Screenshot Resolution : ขนาดของหน้าจอที่จะ Capture
        • Tip: เพื่อความอ่านง่ายดูง่าย Size ประมาณ 1280×720 – 1366×768 จะได้ขนาดอักษรที่พอดี
      • Canvas Width x Height : ขนาดของรูปภาพที่จะได้ออกมาจากการ Download ออกมา
      • Browser Width : ขนาดความกว้างของ Browser ใน Canvas (อิงตาม Aspect ratio)
      • Browser Scale : ขนาดของแถบ Browser ข้างบน
      • File Name : ชื่อไฟล์
      • File Type : ประเภทของไฟล์ PNG / JPEG (รูปพื้นหลังใสต้อง PNG นะครับ อย่าลืม ไม่งั้นจะได้พื้นหลังขาวมา)
      • Scale : ความหนาแน่นของ pixel ของรูป Standard เหมาะกับการใช้งานทั่วไป ส่วนของ Retina เหมาะกับการใช้งานกับจอของ apple device
        • Retina จะให้ density ของ pixel ที่มากกว่า ดังนั้นขนาดไฟล์จะใหญ่กว่า
        • ทั้งนี้ขึ้นกับจุดประสงค์การใช้งานรูปภาพ
    3. กด Download มุมซ้ายล่างเพื่อ Save ภาพออกมา

               จบไปแล้วสำหรับวิธีใช้งาน มีแค่ 3 ขั้นตอนง่ายๆ ก็ได้ภาพออกมาแบบสวยงาม ยังมีเครื่องมือที่ช่วยอำนวยความสะดวกอีกมากมาย ไว้มีโอกาสนะมา(แนะนำ)ขายของให้ใหม่อีก แล้วพบกันใหม่ สวัสดี 😘🥳🥳

  • จัดการข้อมูลง่ายๆ ด้วย Database ใน Notion

    สวัสดีท่านผู้อ่านทุกๆ ท่าน สำหรับ Blog ที่ 3 ในรอบ TOR นี้ ผู้เขียนขอแนะนำการสร้าง Database เก็บข้อมูลบน Notion กันค่ะ

    📍 Blog นี้จะไม่ลงลึกในส่วนการสมัครใช้งาน notion แต่จะเน้นในส่วนของการสร้าง Table เพื่อเก็บข้อมูล

    Notion 💬
    Notion is a workspace with lots of tools to help you stay organized and productive.
    You can use notes, tasks, wikis and databases to manage projects, tasks, ideas and more.

    📲 More than a doc. Or a table. Customize Notion to work the way you do.


    📢 หากผู้อ่านอยากรู้ว่า Notion คืออะไร สามารถไปอ่านได้ที่ More than noting “Notion” ซึ่งมีสมาชิกผู้ร่วมอุดมการณ์เขียนแบบย่อๆ เอาไว้เรียบร้อยแล้ว

    มาค่ะ เรามาเริ่มขั้นตอนการสร้าง Database Notion กัน —>> สมัครใช้งาน Notion คลิกที่นี่ 📌

    ตัวอย่าง Blog นี้จะแนะนำการสร้าง Table สำหรับเก็บข้อมูลบันทึกการแจ้งปัญหาการใช้งานจากลูกค้า


    📝 Step 1 — เมื่อเราสมัครใช้งานให้เรียบร้อยแล้ว ให้เราเลือก Add a page ขึ้นมาจาก Sidebar ด้านซ้ายมือ

    📝 Step 2 — ตั้งชื่อ Page ตามต้องการ ตัวอย่างนี้ขอตั้งชื่อ “Report Problem” และเลือก Database รูปแบบ “Table”

    📝 Step 3 — เลือก New database เพื่อเริ่มต้นกำหนดและสร้าง Table เพื่อเก็บข้อมูลในรูปแบบที่เราต้องการ

    📝 Step 4 — กำหนด column ที่เราต้องการลงใน Table ตัวอย่างจะเก็บข้อมูล 5 column (ผู้อ่านสามารถทดลองกำหนดในรูปแบบตามที่ตนเองต้องการได้เลย)

    • รายละเอียดของปัญหา (Type = Text)
    • Category (Type = Multi-select)
    • ชื่อผู้แจ้ง (Type = Text)
    • หมายเลขติดต่อกลับ (Type = Phone)
    • วันที่แจ้ง (Type = Date)

    📝 Step 5 — เรามาทดสอบเพิ่มข้อมูลลง Table กัน ให้เอาเมาส์ไปชี้บน record ว่าง ใน column แรก เลือก OPEN ก็จะปรากฏหน้าจอให้เราเพิ่มรายละเอียดข้อมูลตามรายการ Column ที่เราสร้างไว้

    💡 แนะนำให้ทดลองเพิ่มเข้าไปหลายๆ รายการนะ

    📝 Step 6 — เมื่อสร้างรายการเรียบร้อยแล้ว เรามาลองนำข้อมูลรายการดังกล่าวที่อยู่ในมุมมอง Table ไปแสดงในมุมมองอื่นๆ –>> ให้เราคลิกสัญลักษณ์ +

    📝 Step 7 — เราสามารถเลือก View ได้หลายมุมมอง เช่น Calendar, Board, Timeline, List หรือ Gallery ตัวอย่างนี้ขอทดลองแสดงในรูปแบบ Calendar ละกันนะ

    💡 เราสามารถ Customize การแสดงผลข้อมูลในหน้าดังกล่าวเพิ่มเติมได้นะ ให้คลิกตรงจุด 3 จุดหน้าปุ่ม New ตามในรูป จากนั้น หน้าต่าง notion ก็จะ View Option ขึ้นมาให้เราสามารถกำหนด หรือปรับเปลี่ยนได้ตามต้องการ

    📌 สะดวก ใช้งานง่าย มี Template มากมาย รวมทุกฟังก์ชันไว้ในที่เดียว แนะนำ Notion นะทุกคน ! 📌


    📢 สุดท้าย ท้ายสุด ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่า Blog นี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านไม่มากก็น้อยค่ะ แล้วพบกันใหม่
    Blog หน้า จะมาแนะนำการสร้าง Notion Form เพื่อสร้างแบบสำรวจ หรือแบบฟอร์มเก็บข้อมูล Feedback จากลูกค้ากันค่ะ

  • Add an email account to Outlook

    วิธีเพิ่มอีเมลเข้าในโปรแกรม Microsoft Outlook

    1. เปิดโปรแกรม “Microsoft Outlook” (เวอร์ชั่นที่แนะนำ 2019 ขึ้นไป หรือ Office 365) ครับ คลิกปุ่มสตาร์ทเลื่อนหา Outlook ต้องเป็นโปรแกรมที่มาพร้อมกับชุด Office นะครับไม่ใช่ Outlook (New) บน Windows 11
    1. จะได้หน้าโปรแกรม Outlook ดังภาพ กรอกอีเมลลงไปในรูปแบบ username.s@psu.ac.th คลิก Connect
    1. จะเห็นได้ว่าหากเป็น Mail ของ Microsoft 365 ตัวโปรแกรมจะรู้ทันทีและเพิ่มให้โดยไม่ต้องกดอะไรเพิ่มในโปรแกรม Outlook เอาเครื่องหมายถูกออกจากช่อง Setup Outlook Mobile on my phone, too คลิก Done
    1. จะได้ดังภาพ
    1. สามารถใช้งานได้ตามอัธยาสัยครับ และหากต้องการย้ายเมล์จาก webmail เดิมมาให้อยู่ในเมล์ของ Microsoft 365 ให้ทำการเพิ่มบัญชีใหม่เข้าไปอีกดังนี้
    2. คลิกเมนู File ที่มุมบนซ้าย
    1. ได้ดังภาพ คลิก Add Account
    1. จะได้หน้าเพิ่มเมล์ พิมพ์เมล์ลงไปในรูปแบบ username.s@mail.psu.ac.th แต่ในตัวอย่าง ใช้อีเมลทดสอบชื่อ grianggrai.n@mail.psu.ac.th (หรือหากต้องการแอดอีเมลของ Google ของมหาวิทยาลัยก็พิมพ์ grianggrai.n@g.psu.ac.th สังเกตโดเมนข้างหลังจะเป็น @g.psu.ac.th) นะครับ คลิก Connect
    1. จะได้ดังภาพ คลิก IMAP
    1. จะได้หน้า IMAP Account Settings ให้กรอกข้อมูลตามภาพ แล้วกด Next
    1. ใส่รหัสผ่านของ Webmail.psu.ac.th คลิก Connect
    1. จะได้หน้าให้กรอกรหัสผ่านอีกครั้ง
    1. ให้แก้ตรงช่อง User Name ให้เอาคำว่า @mail.psu.ac.th ออกดังภาพ และพิมพ์รหัสผ่านอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ คลิก Ok
    1. จะได้ดังภาพ เอาเครื่องหมายถูกหน้า Set up Outlook Mobile on my phone, too ออกแล้วคลิก Done
    1. จะได้ดังภาพ สังเกตุว่ามีบัญชีอีเมลสองบัญชีแล้ว
    1. หากต้องการย้ายเมล์จากบัญชีที่ใช้ใน https://webmail.psu.ac.th ก็ให้คลิกที่บัญชีของ username.s@mail.psu.ac.th คลิกที่ Inbox แล้วคลิกจดหมายที่ต้องการย้าย แล้วคลิกเมาส์แช่ไว้ แล้วลากเมล์ฉบับนั้นไปปล่อยที่บัญชีของ username.s@psu.ac.th สามารถใช้วิธีลากแล้ววางนี้ได้ครั้งละมาก ๆ หลายฉบับได้ด้วย
    1. หากจำรหัสของ webmail ไม่ได้ติดต่อได้ที่ passport at psu.ac.th ครับ
  • How to import/export contact lists

    • เริ่มจาก log in เข้าระบบที่เว็บเมล์เดิม https://webmail.psu.ac.th คลิก Address
    • จะได้หน้า Address book ซึ่งประกอบด้วยรายชื่อผู้ติดต่อของเรา และให้เลื่อนลงมาล่างสุดจะมีส่วนของ Address book export
    • คลิก Export to CSV File
    • จะมีหน้าต่างดาวน์โหลดไฟล์มาให้เลือกตำแหน่งเก็บและตั้งชื่อไฟล์ให้เรียบร้อย แล้วคลิก Save จากตัวอย่างจะดาวน์โหลดเก็บไว้ในโฟลเดอร์ Downloads
    • เปิดแท็บใหม่เปิดเว็บ http://email.psu.ac.th หรือ https://outlook.com/email.psu.ac.th ล็อคอินเข้าระบบให้เรียบร้อย ได้ดังภาพ
    • คลิก ด้านซ้ายมือไอคอนที่ 3
    • จะได้ดังภาพ
    • คลิก Manage contacts เลือก Import contacts
    • จะได้หน้า Import contacts คลิก Browse
    • จะได้หน้าต่างสำหรับอัปโหลดไฟล์ CSV ที่เรา export จาก webmail คลิก Open
    • จะได้ดังภาพ คลิก Import
    • จะได้หน้าตัวอย่างจากไฟล์ CSV ให้ตรวจสอบว่าอ่านออกหรือไม่ในกรณีที่เป็นภาษาไทย หรือภาษาอื่น ๆ ถ้าอ่านออกและแสดงผลถูกบรรทัดคลิก Looks OK, continue
    • รอจนได้หน้าสรุปว่ามีกี่คนที่ถูก Import คลิก Close
    • จะได้หน้าดังภาพ contacts ทั้งหมดถูกนำเข้าเรียบร้อย
    • ฟิลด์หลักๆ ในไฟล์ csv ที่ควรมีนะครับ
      • ชื่อ
      • นามสกุล
      • ชื่อเล่น
      • อีเมล
    • เช่น
      First Name,Last Name,Nickname,E-mail address
      Grianggrai,Nootongkum,Yai,grianggrai.n@psu.ac.th
  • How to redirect email from Outlook to Gmail

    • ล็อคอินเข้าระบบให้เรียบร้อย ผ่านเว็บ http://email.psu.ac.th หรือ https://outlook.com/email.psu.ac.th
    • มองไปทางขวาบนจะมีรูป คลิกรูปเฟืองจะได้ดังภาพ
    • คลิก View all Outlook settings จะได้ดังภาพ
    • คลิก Forwarding จะได้ดังภาพ
    • เลือก Enable forwarding และใส่อีเมลที่ต้องการส่งเมล์ไป และเลือก Keep a copy of forwarded messages อันนี้แนะนำให้เลือกไว้ด้วย แต่เมื่อ forward ไปแล้วต้องกลับมาดูเมล์ที่นี่ด้วย อย่างน้อยเดือนละครั้ง เพือป้องกันเมล์เต็ม 50GB
    • จะได้ดังภาพ ปุ่ม Save หายไป
    • หากต้องการยกเลิก ก็ให้เอาเครื่องหมายถูกหน้า Enable forwarding ออกแล้วคลิก Save ได้เช่นกัน