Category: etc (อื่นๆ)

  • เพิ่มสีสันให้กับ Picklist Field ของ Work item บน Azure DevOps ด้วย Color picklist control

    สำหรับบล๊อกนี้ เราจะมาเพิ่มสีสันให้กับ ฟิลด์รายการ (Picklist Field) ของ Work item บน Azure DevOps กันค่า เพราะสีสันเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลต่ออารมณ์และความรู้สึกของเรา (และ “มิตรภาพที่ดีก็เหมือนสีที่ติดแน่น ไม่จางหาย” อ่ะไปนั่นนน >,<)

    Color picklist control ที่นำมาใช้นั้น จะช่วย

    • ระบุความสำคัญของไอเท็ม
    • สร้าง visual language (ภาษาภาพ หรือสิ่งที่มองเห็น) ให้กับ ฟิลด์ (field) เพื่อแทนความหมายที่ต้องการจะสื่อสาร

    มาเริ่มกันเลยค่า

    1. ไปที่ Work Item (ที่ต้องการปรับแต่ง Picklist Field) โดยคลิกเพิ่มเติม … แล้วเลือก “Cuztomize” ดังรูป

    2. หน้าจอการปรับแต่ง Work item จะแสดงขึ้นมา ให้กดเลือก “Add custom control” ดังรูป

    3. หน้าต่าง Add a custom control จะแสดงขึ้นมา ให้กดเลือก Control ชื่อ Color picklist control (Microsoft DevLabs) (ซึ่งเราได้ Add ไว้ใช้งานเรียบร้อยแล้ว) แล้วก็กดปุ่ม “OK” Let’s it goooo ดังรูป

    4. เมื่อเลือก control เรียบร้อยแล้ว ไปที่แท๊ป Option เพื่อเข้าไปกำหนดสี และ Label ให้กับค่าต่างๆ ของ filed โดยให้ทำการเลือก Picklist Filed ที่ต้องการ แล้วระบุ label แล้วทำการกำหนดสี ให้กับแต่ละค่าของรายการใน filed ดังรูป
    –> ในตัวอย่าง ผู้เขียนได้กำหนดสี และ Label ให้กับ filed > State ซึ่งมีทั้งหมด 4 ค่า คือ Active;Closed;Proposed ;Resovled และกำหนดสีดังนี้ Blue;Green;Grey;Orange (ในการกำหนดค่าให้ใช้ ; คั้นระหว่างค่าข้อมูล)

    5. ไปที่แท๊ป Label กันซักหน่อย เพื่อกำหนด Label ของ Field ที่ต้องการให้แสดง ดังรูป ตัวอย่าง ผู้เขียนตั้งชื่อว่า State แล้วกดปุ่ม “OK” ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยแล้วละค่า

    มาดูหน้าตาหลังดำเนินการกันเรียบร้อยแล้วค่ะ

    และในส่วนของหน้าจอกรอกข้อมูล … พอมีสีสันขึ้นมา อู้วววว ดีงามมากเลยค่า 🙂

    อ้างอิง : https://marketplace.visualstudio.com/items?itemName=ms-devlabs.color-form-control&ssr=false#overview
    https://azure.microsoft.com/en-us/services/devops/#overview
    https://www.altv.tv/content/altv-news/623742784e62cb7e583a80a3

  • ใช้ Gmail เป็น pop3/pop3s client

    เริ่มกันเลย

    1. สำหรับผู้ใช้ใหม่ไม่เคยสมัครเมล์ของมหาวิทยาลัยมาก่อน ต้องเริ่มที่ https://webmail.psu.ac.th เลื่อนลงมาล่างสุด ปุ่มสีแดงที่เขียนว่า Register or Reset Password PSU-Email และ เว็บ https://passport.psu.ac.th มองไปทางซ้ายจะมีข้อความ ขอ/เปลี่ยนรหัส Google ทั้งสองเว็บจะมี 4 ช่องให้กรอก ช่องแรกคือ username ของ PSU Passport ช่องสองรหัสผ่านของ PSU Passport ช่องสามและสี่รหัสผ่านใหม่ที่จะใช้กับระบบเมล์ (ไม่เกี่ยวกับ PSU Passport นะย้ำ) ทำสองเว็บนี้ให้เสร็จเรียบร้อยก่อนแล้วเริ่มที่ข้อ 2 ได้เลย!!
    1. ต้องยกเลิก filter ที่ตั้งไว้ที่เว็บเมล์ก่อน คือลบส่วนที่เคยตั้งค่าไว้ตามเอกสาร https://kyl.psu.th/RLYBWKpt6 ซึ่งหากมีกฎข้ออื่น ๆ ที่สร้างเพิ่มเติมจะเก็บไว้ก็ได้เช่นกัน แค่ต้องลบอันที่ redirect ไป @g.psu.ac.th ทิ้งไปก่อนเท่านั้น (สำหรับผู้ใช้ใหม่ สามารถทำตามเอกสาร https://kyl.psu.th/RLYBWKpt6 ได้เลย แต่!!! ไม่ต้องทำในส่วน redirect ตั้งแต่ Step 2 ไม่ต้องทำ ให้ทำตามเอกสารนี้แทน)
    Filter
    1. เปิดเว็บ https://gmail.com ล็อคอินเข้าระบบให้เรียบร้อย
    gmail.com
    1. มองไปมุมบนขวาจะเห็นรูปเฟือง ให้คลิกรูปเฟืองแล้วเลือก See all settings
    See all settings
    1. จะได้หน้า Settings
    Settings
    1. ให้คลิกที่ Accounts and Import จะได้หน้าตาประมาณนี้
    Accounts and Import
    1. ทีนี้เลื่อนลงมาจนกว่าจะเจอ Check mail from other accounts:
    Check mail from other accounts:
    1. คลิก Add a mail account จะมีหน้าต่างใหม่ปรากฎขึ้น!!!
    Add a mail account
    1. ให้กรอกอีเมลในรูปแบบ username.s@mail.psu.ac.th เช่น gr☷☷☷☷.n@mail.psu.ac.th แล้วกด Next
    Add a mail account
    1. หลังจากนั้นก็กรอกข้อมูลดังรูป โดยส่วนที่ต้องกรอกเพิ่มจะเป็น password และ POP Server ต้องแก้เป็น mail.psu.ac.th เท่านั้น Port ที่ใช้ได้คือ 110 ซึ่งคือ POP3 ธรรมดา ไม่สามารถเลือก Always use a secure connection (SSL) when retrieving mail. และ 995 คือ POP3S ที่ต้องเลือก Always use a secure connection (SSL) when retrieving mail ซึ่ง 2 Port นี้ต่างกันที่การเข้ารหัสและความเร็วในการโหลดเมล์ คือ Port 110 โหลดเร็วแต่ไม่เข้ารหัส Port 995 โหลดช้าเพราะเข้ารหัส ก็ต้องเลือกอย่างใด อย่างหนึ่ง หากต้องการเก็บเมล์ไว้ที่ https://webmail.psu.ac.th ก็ให้เลือก Leave a copy of retrieved message on the server. และในส่วนตัวเลือกสุดท้าย Label incoming messages จะเลือกหรือไม่เลือกก็ได้ แต่แนะนำให้เลือก โดยสามารถเปลี่ยนชื่อเรียกได้ เพื่อความสะดวกในการค้นหา กด Add Account เพื่อไปหน้าถัดไป
    1. จะได้หน้า Your mail account has been added. เลือก No เพราะเราไม่ต้องการส่งเมล์ออกในนาม @mail.psu.ac.th กด Finish
    Your mail account has been added.
    1. กดปุ่ม F5 ที่แป้นพิมพ์ก็จะเห็นว่าเราได้เพิ่มเมล์ @mail.psu.ac.th ไว้แล้วและกำลัง Check mail
    Accounts and Import
    1. เมื่อรอไปสักครู่ให้เลื่อนดูในแถบด้านซ้ายมือจะมีชื่อที่เราตั้งไว้ตอนกด Add a mail account
    Label
    1. เท่านี้เราก็สามารถเช็คเมล์ @psu.ac.th ได้โดยไม่ต้อง redirect mail แบบเดิม
    2. จบ. ขอให้สนุก

    *** รายละเอียดการดึงเมล์ใหม่ https://workspaceupdates.googleblog.com/2012/08/three-gmail-labs-graduation-into.html โดยสรุปคือ ความถี่ขึ้นอยู่กับบัญชีอีเมล ที่เพิ่มเข้ามา มีเมล์เข้ามากแค่ไหน ถ้ามากก็จะรีเฟรชบ่อย และถ้ารีบให้กด refresh เอง

    • ทั้งนี้หากมีเมล์เก่าเหลืออยู่ในเว็บเมล์ จะถูกส่งไป gmail ด้วยทั้งหมด
  • ✏️ More than noting “Notion”

    ทุกวันนี้เวลาเราใช้ชีวิตประจำวัน ถ้าเราไม่จดโน๊ต ทุกอย่างเราก็จะต้องจดจำทุกอย่างอยู่ในหัวสมองเราเอง แน่นอนการจดจำในหัวสมองเรานั้นมันก็ไม่ได้มีความถูกต้อง แม่นยำ 100% การจดโน๊ตก็เป็นอีกหนึ่งวิธีการที่จะช่วยเตือนความจำ ระหว่างการจดก็จะเป็นส่วนช่วยในการจดจำได้ดียิ่งขึ้น

    จะดีไหมถ้ามีเครื่องสักตัวหนึ่งที่ เราสามารถจดโน๊ตของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว มันสามารถนำข้อมูลที่เราจดไป มาใช้งานต่อได้อีก เช่นการจดรายงานการประชุมโดยมีการแปะลิ้งค์ รูป ข้อความได้ลงในหน้ากระดาษ แล้วใช้การ mentions ผู้เข้าร่วมประชุมให้มา revise และ approve ได้ จุดไหนผิดถูกสามารถ comment ได้ เมื่อแก้ไขเสร็จแล้วก็สามารถ Lock ไฟล์นั้นๆได้และ Export ออกไปเป็น PDF สำหรับการส่งรายงานก็ทำได้เช่นกัน

    🤔 What is Notion?


    Website: Notion – One workspace. Every team.

    Notion เป็นเครื่องมือการจดโน๊ตที่เป็นได้มากกว่าการจด จดแล้วก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ ในระหว่างการจดก็มีเครื่องมือที่อำนวยความสะดวกเช่น การใส่ Heading1,2,3 List ประเภทต่างๆ Checkbox และอื่นๆอีกมากมาย และที่สำคัญ เราสามารถเก็บข้อมูลในรูปแบบของ Database ได้ ซึ่งเราก็จะสามารถเรียกใช้ซ้ำ ใส่ความเชื่อมโยงให้กับ Database หลายๆอันที่เราสร้างขึ้นมาได้ อันนี้แค่ยกตัวอย่างมาส่วนหนึ่งนะครับ ตัวเครื่องมือนี้เราสามารถนำไปประยุกต์ให้เข้ากับการใช้งานในชีวิตประจำวันของเราด้วยท่าทางไหนก็ได้ จะเห็นได้ว่ามีประโยชน์มากๆ ผมจึงอยากแนะนำให้ทุกคนมาใช้กัน

    Notion เป็น base on web-browser application สามารถทำได้จากอุปกรณ์ไหนก็ได้ แถมยังมีเวอร์ชั่น Windows/Mac OS iOS และ Android อีกด้วย

    Used cases of using Notion


    Note

    เป็นการจดบันทึกทั่วไปในชีวิตประจำวันเช่น บันทึกการประชุม มีการคุยในหัวข้อต่างๆที่ลงรายละเอียดก็มีการใช้ sub-page เข้ามาแบ่งสัดส่วนให้อ่านง่าย สวยงาม หรือการจดบันทึกเตือนความจำ

    Work log

    เป็นการจดบันทึกการปฏิบัติงานโดยการใช้ส่วนของ Database มาเก็บข้อมูลและจัดการข้อมูลประเภทของ work log และรายละเอียดการทำงาน สามารถตั้งให้แสดงผลในรูปแบบของ Table หรือ List หรือ Calendar ก็ได้ด้วย เมื่อถึงรอบรายงานก็ Export ออกเป็น csv หรือทำการแชร์หน้าที่จดบันทึกไปยังผู้ประเมินได้โดยตรง

    Software Document

    เป็นการประยุกต์ใช้การจดบันทึก แต่เราสามารถสร้าง Template ให้กับเอกสารได้ซึ่งเราสามารถตั้งให้มี Layout แบบเฉพาะได้ ตั้งส่วนของ Header ส่วนต่างๆตั้งไว้ได้ ตั้งส่วนของตัวอย่างข้อมูลไว้ได้ เวลาเราจะสร้างเอกสารก็สามารถเลือก Template นั้นมาใช้งานได้เลยโดยไม่ต้องเสียเวลาสร้างใหม่ตั้งแต่ต้น


    จริงๆแล้วตัว Notion เองก็มี Template สำเร็จรูปมาให้เราใช้งานด้วยเช่นกัน มีเยอะมาก หลากหลายหมวด สามารถเลือกใช้มาตั้งต้นแล้วใช้งานต่อได้เลย

  • Figma: Scrolling  with overflow behavior (Horizontal Scrolling)

    บล๊อกนี้ผู้เขียนจะมาแนะนำวิธีการตั้งค่า Mobile App Prototype ที่เราได้พัฒนาขึ้นมา (ด้วย figma) เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเลื่อน (Scrolling) ส่วนของเนื้อหาที่มีมากจนเกินขนาดของอุปกรณ์ได้ โดยใน figma นั้น สามารถทำ Scrolling เพื่อให้รองรับกับพฤติกรรมของผู้ใช้ได้ 3 แบบ ดังนี้ค่ะ

    แบบที่ 1 Horizontal Scrolling  คือ การเลื่อนในแนวนอน ซ้ายและขวาภายในเฟรม โดยยังคงตำแหน่งแนวตั้งไว้ เช่น ภาพสินค้า , แกลอรี่ภาพ

    แบบที่ 2 Vertical Scrolling คือ การเลื่อนในแนวตั้ง ขึ้นและลงภายในเฟรม เช่น เลื่อนดูเว็บไซต์ที่มีขนาดยาว หรือเนื้อหาที่อยู่ภายในแอป

    แบบที่ 3 Horizontal & Vertical Scrolling คือ การเลื่อนในแนวนอนและแนวตั้ง ผู้ใช้สามารถเลื่อนไปในทิศทางใดก็ได้ภายในเฟรม เช่น การดูแผนที่

    สำหรับบล๊อกนี้นั้น ผู้เขียนขอยกเอา Horizontal Scrolling มาแนะนำกันก่อนนะคะ

    ขั้นตอนหลักๆของการทำ Scrolling ก็มีตามนี้ค่าาาาา

    1. กดเลือก frame ที่ต้องการทำ Scrolling (ต้องเป็น Frame นะคะ จึงจะกำหนด Scrolling ได้)
    2. เปิด panel Prototype ที่แถบด้านขวา
    3. เลือก overflow behavior ตามที่ต้องการ ซึ่งมี 4 ตัวเลือกนะคะ คือ
      • No Scrolling
      • Horizontal Scrolling **
      • Vertical Scrolling
      • Horizontal & Vertical Scrolling

    Horizontal Scrolling ผู้ใช้เลื่อน content ซ้ายและขวาภายใน frame

    วิธีการดูในคลิปได้เลยค่า

    ในคลิป
    วินาทีที่ 0:00:11 ทำ Group ให้เป็น frame (คลิกขวาบน Group แล้วเลือก Frame Selection) อย่างที่บอกกันข้างต้น เนื่องจากหากไม่ใช่ frame จะกำหนด Scrolling ไม่ได้
    วินาทีที่ 0:00:11 ปรับขนาดของ frame และ ซ่อนเนื้อหาที่เกินกรอบ โดยติ๊กถูกที่ Clip Content
    วินาทีที่ 0:00:25 ไปที่ prototype panel แล้วกำหนด Overflow scrolling แบบ Horizontal scrolling
    วินาทีที่ 0:00:34 กด Present ลองดูผลลัพธ์กัน 😉

    Ref : https://help.figma.com/hc/en-us/articles/360039818734-Prototype-scrolling-with-overflow-behavior

  • UX, everything related!

    เรามักได้ยินคำว่า UI เป็นประจำเมื่อเราพัฒนาระบบแต่ รู้หรือไม่ว่านอกจาก UI แล้วมันมีอีกหนึ่งอย่างที่ควรรู้และสำคัญยิ่งกว่าแต่ถูกมองข้ามไปคือ UX (ย่อมาจาก User experience) หลายๆคนมักจะสับสนว่า UI และ UX มันคือสิ่งเดียวกัน จริงๆแล้วมันคือคนละอย่างกันเลย วันนี้เราจะมาเล่าให้ฟัง

    รูปภาพจาก UX vs. UI Design: What’s the Difference? – louelledesignstudio

    UI :: User Interface

    User Interface คือหน้าตาของระบบที่ผู้ใช้ได้เห็น ได้ตอบสนอง ไม่ใช่ระบบในทางคอมพิวเตอร์อย่างเดียวที่มี UI ถ้าเทียบกับขวดซอสมะเขือเทศ ขวดก็คือหนึ่งใน UI เช่นกันหรืออาหาร 1 จาน หน้าตาของอาหารก็ถือว่าเป็น UI ด้วย

    UI เป็นสิ่งที่สามารถมองเห็นได้หรือจับต้องได้


    UX :: User Experience

    User Experience คือ Experience หรือประสบการณ์ของผู้ใช้ที่เราได้ส่งมอบให้ มากกว่า Interface ที่ผู้ใช้งานได้ตอบสนอง เราจะไป focus ที่ผู้ใช้ใช้สินค้าเราแล้วมีความรู้สึกอย่างไร ผู้ใช้ใช้สินค้าเราแล้วได้บรรลุวัตถุประสงค์ของเราหรือไม่

    “UX คือสิ่งที่อยู่กับความรู้สึก จับต้องไม่ได้ มองไม่เห็น แต่วัดประเมินผลได้”

    ยกตัวอย่างแบบเห็นภาพ การออกแบบ UX ของการรับประทานอาหารจานหนึ่ง เราอยากให้ผู้ใช้รู้สึก fresh ก่อนตามด้วยความแน่นของรสชาติที่ตั้งใจปรุงตามมา ก็ต้องออกแบบจานอาหาร การเลือกใช้วัตถุดิบ หรือการให้กินคู่กับเครื่องดื่มบางอย่าง จะช่วยส่งเสริม/เติมเต็มให้ผู้กินได้รับประสบการณ์ที่แปลกใหม่ได้

    จริงๆแล้ว นอกจาก website หรือ application ที่ต้องมี UX ที่ดีเป็น 1 ในองค์ประกอบแล้ว ทุกๆอย่างรอบตัวในชีวิตประจำวันก็ต้องมี UX ที่ดีเช่นกัน

    รูปภาพจาก Why people need to stop obsessing over UI design | by Zameel Kainikkara | Zartek | Medium

    Why should we have to care on UX?

    UX เรียกได้ว่าเป็นสารต้นต้นของสินค้าก็ว่าได้ การทำให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีมักจะเป็น 1 ในวัตถุประสงค์หลักในการออกแบบสินค้าและบริการ เพราะถ้าทำออกมาแล้ว ผู้ใช้ไม่ enjoy ใช้แล้วลำบากกว่าเดิม แล้วใครจะมาใช้งาน? สินค้าบางอย่างที่ใช้ในชีวิตประจำวันเช่นซอสมะเขือเทศออกแบบขวดซอสแบบทั่วไป เวลาใช้ผู้ใช้จะต้องเคาะ/เขย่าขวด ซอสจึงจะออกมา การออกแบบขวดให้เป็นแบบคว่ำ บีบแล้วซอสออกเลย เป็นการแก้ปัญหาของผู้ใช้ เมื่อผลิตออกมาจึงขาย ตอบโจทย์ปัญหาของผู้ใช้ ผู้ใช้ก็ happy, win win ทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ


    แล้วเราจะไปหาข้อมูลอะไรมาวิเคราะห์หละ แน่นอน

    UX = Research

    Research เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการทำแบบสอบถาม การสัมภาส การสังเกตการใช้งาน การลงพื้นที่จริง หรือการอิงข้อมูลทางสถิติหรือข้อมูล log ยิ่งทำเยอะยิ่งทำให้เกิด UX ที่ดี

    การมี user experience ที่ดีมาจากการทำ Research หรือการค้นความหาข้อมูล ถามว่าการตามหาข้อมูลจะทำได้อย่างไรหละ

    User Research

    การ research ข้อมูลของผู้ใช้งาน/กลุ่มผู้ใช้งาน จะได้ออกแบบได้ตรงจุด

    • ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้เช่น อายุ เพศ ที่อยู่ เป็นต้น
    • ผู้ใช้ที่เราขายคือใคร กลุ่มไหนบ้าง ทำงานอะไร
    • ผู้ใช้สินค้าเรามีบุคลิกอย่างไร นิสัยเป็นอย่างไร รวมไปถึง
    • รูปภาพของผู้ใช้ ควรเป็นรูปที่สามารถสื่อถึง Lifestyle ของคนๆนั้นได้ จะดีมากๆ

    ข้อมูลเหล่านี้เป็นตัวแปรตั้งต้นที่เราจะต้องมาออกแบบระบบอย่างไรให้ตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้ที่เราเก็บข้อมูลมา จะเห็นได้ว่า ยิ่งเราทำ research มาเท่าไหร โอกาสของการสร้างสินค้ามาให้ตอบโจทย์คนส่วนใหญ่ได้ จะทำให้สินค้าเราขายออกได้ง่ายกว่าเช่น การออกแบบระบบสารสนเทศที่กลุ่มผู้ใช้ระบบ 90%เป็นผู้มีอายุ การทำระบบให้เขาใช้งานก็ควรมีตัวอักษรที่ใหญ่กว่าทั่วไป มีการทำ Shortcut เมนูที่ง่าย ไม่สับซ้อน

    Brand Research

    คนที่ว่าจ้างหรือว่าง่ายๆคือเจ้าของระบบคือใคร Brand หรืออัตลักษณ์ของเขาเป็นอย่างไร วัตถุประสงค์ขององค์กร สีขององค์กร design token ขององค์กร ก็เป็นอีก 1 อย่างที่ต้องมีการศึกษาข้อมูลด้วยเช่นกัน

    Problem Research

    นอกจากการ research ผู้ใช้แล้ว เราก็ควรศึกษาปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยเช่นกัน เพราะอะไรผู้ใช้ถึงเลิกใช้ ทำไมผู้ใช้ถึงไม่ใช้ feature นี้ ทำไมผู้ใช้สับสนในการใช้งาน ปัญหาเหล่านี้ก็จะเป็นอีกหนึ่งสารตั้งต้นที่จะทำไปออกแบบและพัฒนาสินค้าด้วยเช่นกัน ซึ่งเราสามารถสำรวจปัญหาเหล่านี้ได้จากการให้ผู้ใช้ทำแบบสอบถาม การลงพื้นที่จริงไปสังเกตการใช้งานระบบ


    What’s good UX?

    (ยกตัวอย่าง) ในการสร้างสินค้าขึ้นมาสักชิ้นที่จะทำให้ผู้ใช้รู้สึก win แล้วนั้น อีก 2 สิ่งที่ต้อง win ด้วยคือ Brand/Business win ด้วยไหม เสียผลประโยชน์รึเปล่าและ Team หรือคนสร้างสินค้า win ด้วยหรือไม่ ถ้าทั้ง 3 อย่างนี้ win ถือว่าเป็น UX ที่ดี

    ทั้งนี้การมี UX ที่ดีข้างต้นอาจเป็นเพียงสมมติฐานเบื้องต้น อาจจะมีปัจจัยอื่นๆเข้ามาเกี่ยวข้องอีก หรืออาจจะใช้ปัจจัยอื่นมาเป็นตัววัดก็ได้เช่น Happiness, Usability เป็นต้น


    Summary

    จะเห็นได้ว่า UX หรือ User experience ได้เข้าไปอยู่ในทุกๆส่วนในชีวิตประจำวันในหลายๆอย่าง นอกจากการออกแบบระบบสารสนเทศหรือ website เพียงอย่างเดียว ตั้งแต่การออกแบบสินค้าต่างๆที่เป็นมิตรต่อการใช้งาน การออกแบบบริการที่ตอบโจทย์คน การทำ marketing ที่สามารถส่งเสริมการขายได้ดี และอื่นๆอีกมากมาย

    โอกาาสหน้าไว้จะมาอธิบายการทำ UX Research ด้วยวิธีการต่างให้ดูเป็นแนวทางในการสร้างสินค้าและบริการให้ฟังกันครับ

  • Webmail transformation!! #4

    export contact มาแล้วเอาเข้า webmail2 ไม่ได้ ยังไงซิ ?

    ไหนขอดูหน่อย
    1. เมื่อเปิดไฟล์ที่ export ออกจาก Squirrelmail (webmail) ตัวเก่าพบว่าข้อมูลที่ export มาเป็นดังนี้
    webmail export

    จะเห็นว่ามีบรรทัดสุดท้ายที่รายชื่อแปลก ๆ เมื่อถามๆ ดูคือทำลิสต์เอาไว้ว่าถ้าส่งหาลิสต์นี้ก็ไปตามรายชื่อเมล์ได้เลย ทีนี้ การเก็บลักษณะนี้บน Roundcube (Webmail2) นั้นทำไม่ได้ครับต้องแก้ใหม่ให้อยู่ในรูปแบบดังนี้

    "nickname","name","First Name","Last Name","E-mail Address","label"

    *รูปแบบตามบรรทัดแรกในไฟล์นั่นเอง

    แต่ในความเป็นจริงสดมภ์ (คอลัมน์ Column) ที่จำเป็นจะต้องมีมีเพียง 3 คอลัมน์ ได้แก่ First Name, Last Name และ E-mail address เท่านั้นดังนี้เมื่อแปลงไฟล์ด้านบนให้เป็นตามรูปแบบก็จะได้เป็น

    Changed data

    หรือจะสร้างไฟล์ใหม่ขึ้นมาเองก็ได้แต่ต้องอยู่ในรูปแบบ

    First Name, Last Name, E-mail Address

    ไฟล์ตัวอย่างก็จะได้เป็น

    Custom
    1. เมื่อมาที่ Roundcube ไปที่ contact แล้วมองด้านขวาบนกด Import
    Import contacts
    1. Browse เลือกไฟล์ที่แก้ไขแล้ว
    File selected
    1. กด Import จะได้หน้าสำคัญที่เป็นตัวกำหนดว่าจะเอาคอลัมน์ไหนเข้าบ้าง
    Column Selected

    หากเป็นไฟล์ Custom ก็จะมีเพียง 3 คอลัมน์ดังภาพ

    Custom Column
    1. กด Import จะได้หน้าสรุปว่านำเข้าได้กี่รายชื่อ กด Close
    Successfully imported
    1. แต่มาเป็นการรวมแต่ละรายชื่อเข้ากลุ่มให้เหมือนสมัยเป็น Squirrelmail มองมาทางซ้ายสุดด้านบนจะเห็นคำว่า Group อยู่ ใกล้ ๆ กันนั้นมี ให้กดที่ แล้วเลือก Add group
    Add group
    1. จะมีหน้าต่างสำหรับตั้งชื่อ Group ให้
    Create new group
    1. ก็สามารถตั้งชื่อได้ตามอัธยาศัยแล้วกด Save จะได้ Group ที่สร้างเพิ่มขึ้นมาดังภาพ
    Group
    1. คราวนี้มาเพิ่มสมาชิกเข้ากลุ่ม ทำได้โดยการคลิกที่รายชื่อที่ต้องการแล้วมองไปทางขวา จะเห็นคำว่า Groups
    Address Book
    1. กดที่คำว่า Groups ก็จะเห็นรายชื่อกลุ่มที่เราสร้างไว้สามารถกด (ปุ่มอยู่ชิดซ้าย) ให้กลายเป็น (ปุ่มอยู่ชิดขวา) เพื่อให้รายชื่อนั้นอยู่ในกลุ่มที่เราต้องการนั่นเอง
    Group Disabled
    Group Enabled
    1. ก็สามารถเลือกได้จนพอใจเมื่อคลิกกลุ่มที่สร้างไว้จะพบรายชื่อที่เราต้องการให้อยู่ในกลุ่มนี้มีอยู่แล้ว
    Group Server
    1. สามารถส่งเมล์ถึงกลุ่มได้ทันทีโดยง่ายเพียงกดเลือกที่ชื่อกลุ่มที่เราต้องการจะส่งเมล์หา แล้วไปกดที่ Compose รายชื่อทั้งหมดในกลุ่มจะถูกใส่ในชื่อ To โดยอัตโนมัติ
    Compose to Groups
    1. หรือหากมีหลายกลุ่มหรือต้องการส่งเมล์ถึง คนอื่นๆ ในคราวเดียวกัน (สำคัญ) ระบบเมล์ของมหาวิทยาลัยอนุญาตให้ส่งเมล์ถึงที่อยู่เมล์ได้ 100 เมล์เท่านั้นในคราวเดียวกัน สามารถกดที่รูป เพื่อเพิ่มรายชื่อได้ทันทีหรือจะพิมพ์ต่อท้ายไปก็ได้เช่นเดียวกัน
    1. จบขอให้สนุก…
  • Webmail transformation!! #3

    เมื่อจะเลิกใช้ Squirrelmail มาใช้งาน Roundcube ก็ต้องมีเรื่องของการทำ Redirect และ Filter ด้วยซึ่งใน Roundcube (webmail2) มีวิธีการที่แตกต่างออกไปดังที่จะเล่าต่อไปนี้

    Redirect & Filter

    สำหรับผู้ใช้ใหม่ไม่เคยใช้ Squirrel mail (webmail เดิม) มาก่อน

    ที่ต้องระบุแบบนี้เพราะสำหรับคนที่เคยใช้ Squirrel mail มาก่อนส่วนมากจะ Redirect mail ไป gmail หมดแล้วดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นต้องทำตามขั้นตอนนี้

    1. Log In เข้าระบบให้เรียบร้อย
    Webmail
    1. คลิก Settings ด้านซ้ายมือ
    Settings
    1. จะได้ดังภาพ
    Settings
    1. เลือก Filters
    Filters
    1. ได้ดังภาพ
    Filters
    1. มองไปด้านขวามีคำว่า Create คลิก Create ได้ดังภาพ
    Create Filter
    1. กรอกข้อมูลและเลือกดังนี้
    Filter

    โดย username.s คือ username ของท่าน หากต้องการเก็บเมล์ไว้ที่ PSU E-mail ด้วยให้คลิกเครื่องหมาย ท้ายช่อง แล้วเลือก Keep message in Inbox เพิ่มดังนี้แล้วคลิก Save

    Keep message in Inbox

    ในกรณีที่ Keep message in Inbox อาจจะต้องเข้ามาดูที่เว็บเมล์บ้างเป็นระยะ ๆ เพื่อป้องกันเมล์เต็มนะครับ

    1. หลังคลิก Save จะได้ดังภาพ
    Gmail
    1. หรือหากต้องการ Redirect mail ไปที่อื่น ๆ อีกก็สามารถสร้างเพิ่มอีกโดยคลิก Create และตั้งค่าแบบเดิมแต่เปลี่ยนที่อยู่อีเมล เช่น
    more filters

    โดย Filter จะทำจากบนลงล่าง

    1. สามารถตั้งกฎเพื่อกรองอีเมลสแปมได้เช่นกัน โดยปกติอีเมลของมหาวิทยาลัยจะทำเครื่องหมายไว้หน้าอีเมลที่เข้าข่ายอีเมลสแปมอยู่แล้วคือมีค่ำว่า [SPAM?]: อยู่ใน Subject สามารถตั้งกฎให้ลบได้ดังภาพ
    Spam Filter

    Filter นี้จะทำการลบอีเมลทุกฉบับที่มีคำว่า [SPAM?:] ถูกลบทิ้งไปอยู่ใน Trash

    Trash

    ควรตรวจสอบอีเมลในโฟลเดอร์ Trash ก่อน Empty Trash ทุกครั้ง การล้างโฟรเดอร์ Trash ทำได้โดยคลิกโฟลเดอร์ Trash แล้วคลิกที่ ที่อยู่หลัง username ของท่านแล้วเลือก Empty ดังภาพ ซึ่งอีเมลทั้งหมดที่ถูกลบและ Spam จะโดนล้างไปหมดในคราวเดียวกันดังนั้นควรตรวจสอบว่ามีอีเมลที่ไม่ใช่ Spam ปะปนไปหรือไม่ก่อนกดล้างโฟลเดอร์นะครับ

    Empty Trash

    และควรลบอีเมลที่ไม่ใช้แล้วเสมอ ๆ เพื่อป้องกันโควต้าเต็มนะครับ

    Delete
    1. จบขอให้สนุก…
  • Webmail transformation!! #1

    คุยก่อน

    webmail.psu.ac.th อยู่กับเรามา… นานมากแล้วจนปัจจุบันนี้แทบจะคุยไม่รู้เรื่องแล้วค้นหาด้วยภาษาไทย แท้ ๆ ก็ไม่ได้ ก็คงถึงเวลาต้องไป ที่ชอบๆ สักที

    พุทโธธรรมโมสังโข!!!

    เร็ว ๆ นี้สำนักนวตกรรมดิจิทัลและระบบอัจฉะริยะจะประกาศใช้งาน webmail ตัวใหม่ ที่ได้เปิดให้ทดสอบใช้งานมาระยะหนึ่งแล้วอย่างเป็นทางการ โดยสามารถเข้าใช้งานผ่าน https://webmail2.psu.ac.th ซึ่งต่อไปจะกลายเป็น https://webmail.psu.ac.th ผลกระทบถึงท่าน ๆ ทั้งหลาย… ดังนี้

    1. ถ้าก่อนหน้านี้ใช้ https://webmail.psu.ac.th มาตลอดไม่เคยใช้ gmail เลย ก็ไม่กระทบอะไรนอกจากรูปร่างหน้าตาที่เปลี่ยนไป มาก… ถึงมากที่สุด
    2. ถ้าอ่านเมล์ที่ gmail.com เป็นหลักก็ไม่กระทบอะไรมากนัก
    3. ถ้ามีความต้องการตั้งค่า filter เพิ่มเติมก็จะกระทบมากเนื่องจากวิธีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมค่อนข้างมาก

    เริ่มต้นการใช้งาน

    1. เปิดเว็บ https://webmail2.psu.ac.th จะได้หน้าตาประมาณนี้ (อาจมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อประกาศใช้จริง)
    webmail2 start page
    1. ล็อคอินเข้าระบบให้เรียบร้อยจะได้หน้าตานี้
    Webmail2 Inbox
    1. ทดสอบค้นหาภาษาไทย คลิกในช่อง Search… ที่อยู่บล็อกกลาง
    Search…

    ลองค้นหาคำว่า “สถานะ” แล้วกด enter สิ่งที่ได้ก็ตามภาพนะครับ

    Keywords
    1. การค้นหาสามารถกำหนดเงื่อนไขได้ว่าจะให้ไปค้นหา คำ ๆ นั้น ในส่วนไหนของอีเมล์ ไม่ว่าจะเป็น Subject อย่างเดียว From อย่างเดียว หรือ เนื้อความในอีเมล์ ทำได้โดยคลิกที่ ที่อยู่หลังรูปซองจดหมายที่ช่อง Search… เมื่อคลิกจะได้ดังภาพ
    Search criteria

    จะเห็นว่ามีตัวเลือกมากมายว่าอยู่ที่เราเลือกไม่ว่าจะเป็น subject from to cc bcc body entire message ทั้งยังสามารถระบุช่วงเวลาที่ต้องการค้นหาหรือ กำหนด โฟลเดอร์ของเมล์ที่ต้องการค้นหาได้ด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากกำหนดเงื่อนไขในการค้นหาเยอะ และมีจดหมายจำนวนมากการค้นหาก็อาจกินเวลานานได้

    1. การย้ายบ้านจาก webmail.psu.ac.th มายัง webmail2.psu.ac.th สิ่งที่ผู้ใช้ต้องทำเองคือการย้ายข้อมูลรายชื่อผู้ติดต่อ หรือที่เรียกว่า Address book นั่นเอง
    2. Log in เข้าระบบที่ https://webmail.psu.ac.th
    webmail.psu.ac.th
    1. เมื่อ log in เข้ามาแล้วคลิกที่ Addresses
    Addresses
    1. จะได้ดังภาพ ซึ่งเป็นการแสดงรายชื่อผู้ติดต่อที่มีทั้งหมด ทั้งยังสามารถ export ออกมาได้ด้วย
    Address
    1. เมื่อต้องการจะ export เลื่อนจอลงมาด้านล่างในส่วนของ Address book export
    Address book export
    1. คลิก Export to CSV File จะเป็นการ download รายชื่อทั้งหมดออกมาเก็บไว้ในไฟล์ .csv ก็ให้เซฟไว้ในที่ที่หาเจอนะครับ
    2. กลับมาที่ https://webmail2.psu.ac.th หาก session expire ไปแล้วให้ล็อคอินใหม่
    Your session is invalid or expired.
    1. เมื่อล็อคอินเข้ามาได้ให้คลิก Contacts ที่อยู่ด้านซ้ายมือ
    Contacts
    1. จะได้ดังภาพ
    Contacts
    1. คลิกปุ่ม Import ด้านขวามือ
    Import
    1. จะได้หน้าต่าง Import contacts
    Import contacts
    1. ก็ให้กด Browse ไปยังไฟล์ที่เซฟก็ไว้จากข้อ 10.
    Import contacts
    1. คลิก Import จะได้หน้าสรุปว่า นำเข้าสำเร็จกี่รายชื่อใครบ้าง หลังจากนั้นคลิก x ได้เลย
    Successfully imported
    1. จะได้รายชื่อผู้ติดต่อไว้ใน webmail2 เรียบร้อย *หมายเหตุเพิ่มเติม อีเมลแอดเดรสของรายชื่อผู้ติดต่อนั้นต้องมีอยู่จริงเท่านั้นจึงสามารถนำเข้าได้นะครับ
    Contacts
    1. สำหรับพาร์ท 1 ก็ขอจบไว้เพียงเท่านี้รอพาร์ทต่อไปครับ ขอให้สนุก