Remote ไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์อื่นด้วย Chrome Browser

การใช้งานเทคโนโลยีการทำงานระยะไกลหรือการ remote จากเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่อง นับว่ามีความจำเป็นเพิ่มขึ้นมากในปัจจุบัน ซึ่งตัวระบบปฏิบัติการเองก็มีเครื่องมือรองรับ เช่น ใน Windows จะมี Remote Desktop นอกจากนี้ยังมีซอฟต์แวร์ที่รองรับการทำงานลักษณะนี้ เช่น TeamViewer หรือ AnyDesk ซึ่งบางซอฟต์แวร์หากใช้งานในลักษณะฟรี ก็อาจจะมีข้อจำกัดในการใช้งานบ้าง ดังนั้นในบทความนี้จะนำเสนอการใช้งาน remote ผ่าน chrome browser ซึ่งสามารถใช้งานได้ฟรี และค่อนข้างจะรองรับการทำงานทั่ว ๆ ไปได้ โดยไม่จำกัดเรื่องการเข้าใช้งาน (บางซอฟต์แวร์อาจจะมีการจำกัดจำนวนครั้งในการใช้งานในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เป็นต้น) เตรียมการเบื้องต้นก่อนการใช้งาน ติดตั้ง chrome browser ทั้งฝั่งเครื่องต้นทางและฝั่งเครื่องปลายทาง เตรียมบัญชีผู้ใช้งานสำหรับ google หรือ google account เพื่อใช้สำหรับ remote ขั้นตอนการติดตั้งและตั้งค่า Extensions “Chrome Remote Desktop” การใช้งาน remote ผ่าน chrome browser นั้น อันดับแรกจะต้องทำการติดตั้ง Extensions เพิ่มก่อน ซึ่งก็คือ Chrome Remote Desktop ซึ่งช่องทางการดาวน์โหลดสามารถทำได้จากเมนูที่อยู่ในหน้าจอ chrome ได้เลยดังรูป โดยการกดที่เมนู Apps ถ้าไม่เจอเมนู Apps ให้ไปที่เมนู Bookmarks และเลือก Show bookmark bar ดังรูป จะปรากฏแถบว่าง ๆ ใต้ช่อง URL ซึ่งแถบนี้ก็คือ bookmark bar นั่นเอง คลิกขวาที่ bookmark bar จากนั้นเลือกเมนู Show apps shortcut เมื่อกดเลือกเมนู Apps แล้ว ในหน้าจอ chrome จะปรากฏรายการดังนี้ เลือก Web Store เพื่อเข้าไปดาวน์โหลด Chrome Remote Desktop 2. ในช่อง Search the store พิมพ์ chrome remote desktop เพื่อค้นหา กดเลือก Chrome Remote Desktop จะเข้าสู่หน้าจอการติดตั้ง extension นี้เพิ่มเติมให้กับ chrome browser เมื่อกดปุ่ม Add to Chrome จะมีกล่องข้อความถามเพื่อยืนยันการติดตั้ง ให้กดปุ่ม Add extension เพื่อยืนยัน เมื่อติดตั้งสำเร็จจะมีข้อความแจ้งดังรูป สังเกตว่าหลังช่อง URL จะปรากฏไอคอน ซึ่งมีไว้สำหรับแสดงและเรียกใช้งาน extensions ที่ติดตั้งไปนั่นเอง 3. ทำการติดตั้ง Chrome Remote Desktop ทั้งฝั่งเครื่องต้นทางและปลายทางที่ต้องการ remote 4. การเรียกใช้งานสามารถทำได้ดังรูป จากนั้นเลือก Chrome Remote Desktop 5. ก่อนที่จะทำการ remote หรือตั้งค่าการ remote จะต้องทำการ login บน chrome browser ก่อนด้วยบัญขี google ที่ได้เตรียมไว้ 6. เริ่มต้นการตั้งค่าครั้งแรกโดยเลือก Remote Access ซึ่งครั้งแรกสุดจะต้องติดตั้งโปรแกรมเพิ่มเติมก่อน กดตรงไอคอนดังรูป เพื่อดาวน์โหลดโปรแกรมติดตั้งเพิ่มเติม ไฟล์ติดตั้งชื่อ chromeremotedesktophost.msi รันไฟล์นี้เพื่อทำการติดตั้งโปรแกรม หรือกดยอมรับและติดตั้งจากหน้าจอ chrome browser ดังรูป ในขั้นตอนการติดตั้งจะมีให้ตั้งชื่อเครื่อง จากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนในการสร้างรหัส PIN โดย PIN นี้ใช้สำหรับให้เครื่องต้นทางที่ต้องการ remote เข้ามา ทำการกรอกเพื่อเชื่อมต่อ เมื่อตั้งค่าเสร็จสิ้นทั้งเครื่องต้นทางและปลายทางแล้ว ในบัญชี google เดียวกัน จะเห็นเครื่องที่เราได้ตั้งค่า remote ไว้ดังรูป 7. สามารถแก้ไขชื่อเครื่องและตั้งค่ารหัส PIN ใหม่โดยเลือกที่ไอคอน จะเข้าสู่หน้าจอการตั้งค่าดังรูป 8. การปิดการเชื่อมต่อระยะไกล

Read More »

Print หน้าเว็บ Clean Clean ด้วย Print Friendly & PDF

บทความนี้จะมาแนะนำ Extension กันอีกเช่นเคยนะคะ วันนี้ขอนำเสนอ Print Friendly & PDF ค่ะ Extension ที่จะทำให้เรา Print หน้าเว็บที่สนใจได้แบบ Clean Clean และยังสามารถจัดการรูปแบบได้ตามที่ต้องการก่อนพิมพ์ได้ด้วยภาพโฆษณาต่างๆ จะไม่มีให้รก และเรายังสามารถลบข้อความหรือรูปภาพที่ไม่ต้องการออกไปได้ก่อนที่จะพิมพ์ ซึ่งต่างการจาก Print หน้าเว็บแบบเดิมที่เราไม่สามารถจัดการหน้าเว็บก่อนที่จะพิมพ์ได้ Extension ตัวนี้จึงช่วยทำให้เราประหยัดน้ำหมึกและกระดาษที่จะใช้ Print ค่ะ (งานรักษ์โลกก็มา) การใช้งานก็ง่ายมาก ๆ เลยค่ะ ^^ Features มีอะไรบ้าง Print Preview -> ปรับและแสดงเนื้อหาของการพิมพ์ให้เหมาะสมที่สุด Edit Before Printing  – >ปรับแต่งขนาดของรูปภาพ และข้อความ หรือจะลบรูปภาพ ข้อความที่ไม่ต้องการออกไปได้ (เลือกพิมพ์เฉพาะสิ่งที่เราต้องการ) Print or Save as PDF -> Print ทันที หรือจะบันทึกเป็น PDF ไว้ก็ได้ หรือจะส่งอีเมลก็ได้ (น่าจะเพิ่มมาตอนหลังมั้ง) เร่ิ่มจากติดตั้ง Extension ตัวนี้ให้กับ ฺBrowser ของเรากันก่อนนะคะ โดยเมื่อติดตั้งเรียบร้อยแล้วเราก็จะพบว่ามี icon ของ Print Friendly & PDF เขียว ๆ ขึ้นมา ก็เป็นอันติดตั้งส่วนขยายให้กับ Browser ของเราเรียบร้อยแล้วละค่า มาเริ่มใช้งานกันดีกว่าค่ะ วันนี้ผู้เขียนอยากจะ print นิทานไปฝากเด็ก ๆ ค่ะ เจอนิทานบนเว็บ kapook ที่สนใจแล้วค่ะ เรื่อง นิทานดาวลูกไก่ https://baby.kapook.com/view227107.html ไปที่หน้าเว็บที่สนใจจะ Print (หรือใครจะส่ง Email หรือจัดเก็บเป็น PDF ก่อนก็ได้) แล้วก็กด icon ของ Print Friendly & PDF ได้เลยค่ะ เมื่อกด Print Friendly & PDF แล้ว เอกสารจะแสดงขึ้นมาให้ ซึ่งจะเห็นว่า ภาพโฆษณาไม่มีติดมาเลย และได้มีการปรับและแสดงเนื้อหาของการพิมพ์ให้เหมาะสม ซึ่งเราก็ยังสามารถที่จะจัดการเนื้อหาและรูปภาพก่อนที่จะ Print ได้ตามต้องการอีก ดังนี้ ปรับขนาดของตัวอักษร และขนาดของรูปภาพ ลบข้อความ หรือรูปภาพที่ไม่ต้องการออไป หลังจากปรับแต่งตามที่ต้องการ (ผู้เขียนลดขนาดภาพลงหน่อย และลบข้อความบางส่วนออกไป) แล้วก็เป็นอันเสร็จ เราจะสั่ง Print เอกสารเลย หรือจะส่งเป็น Email หรือจะ บันทึกเป็น PDF ก็ได้นะคะ เดีี่ยวลองสั่ง Print นะคะ ผลลัพธ์ก้จะได้ออกมาแบบ นี้ดีงามมาก ๆ เลยละค่า ฮรี่ๆๆ ในส่วนของการส่ง Email และบันทึก PDF ก็ลองไปใช้งานกันดูนะคะ สำหรับบทความนี้ก็ขอจบลงเพียงเท่านี้นะคะ ขอบคุณมากค่ะ จุ๊บบายยย Ref : https://www.printfriendly.com/about

Read More »

เก่งจริงจริงเลยนะ ตัวแค่เนี้ยะ – บันทึกข้อมูลด้วย Noteblock กล่องจิ๋วแต่แจ๋ว

กลับมาพบกันอีกแล้วค่า หลังจากที่ห่างหายไปอันเนื่องมาจากเทศกาลที่มีมากมายซะเหลือเกินค่ะ ไหนจะปีใหม่เอย ตรุษจีนเอย อีกทั้งงานราช งานหลวงก็มะรุมมะตู้มเข้ามาแบบพร้อมใจกันให้ผู้เขียนหายใจแบบหืดขึ้นคอจนไม่ได้มีเวลามาขีด ๆ เขียน ๆ เลยละค่ะ บทความนี้ว่ากันด้วยเรื่องของ Extension บน Chrome กันอีกเช่นเคยนะคะ วันนี้ขอนำเสนอ Extension ที่มีชื่อว่า Noteblock ค่ะ เจ้าตัว Extension ตัวนี้เป็น Extension ขนาดเล็ก (จิ๋ว) แต่ความสามารถไม่ได้เล็ก ๆ ตามขนาดนะคะ (แต่แจ๋ว) เพราะเจ้า Noteblock นั้น เป็นกล่องบนบราวเซอร์ที่จะมาช่วยให้เรา note ข้อมูลที่เราต้องการแบบที่ว่ามี idea อะไร อยากจะเก็บข้อมูลอะไร ก็พิมพ์พิมพ์ไว้ก่อน ได้แบบรวดเร็วเลยละค่า อย่างผู้เขียนเนี่ย จะใช้ Noteblock เป็น Tool อีกตัวนึง ด้วยความที่ต้องรับเรื่อง/รับปัญหาเกี่ยวกับการใช้งานระบบต่าง ๆ จาก User ในแต่ละวัน จากแต่ก่อนก็ใช้ Notepad note ข้อมูล (ด้วยภาษาที่เราเข้าใจแบบคนเดียว &743%@^&%$@) ไว้ก่อนบันทึกเข้าระบบเก็บสถิติบริการถาม-ตอบ ซึ่งต้องเสียเวลาในการ save เก็บไว้ในเครื่อง บวกกับนิสัย (ไม่น่ารัก) ที่จะชอบเก็บอะไร ๆ (โยนปึ้ง !) ไว้ก่อนบน Desktop เสมอ ก็จะรกหน้าจอเต็มไปหมดเลย และด้วยความที่ต้องเข้าออก Web App อยู่แล้ว ก็เลยหยิบเอา Noteblock มาใช้ซะเลย พอใช้ Noteblock แทน Note ของเราจะไม่ถูกแปะเอาไว้บน Desktop ให้รกแล้ว แถมยังไม่ต้องเสียเวลาในการ save ด้วย เพราะว่า Noteblock นั่นจะบันทึก Note ของเราบนเว็บบราวเซอร์ด้วยวิธี local storage แบบถาวรเอาไว้ โดยข้อมูลจะหายไปก็ต่อเมื่อเราไป clear เท่านั้นค่ะแถมการเก็บข้อมูลที่แบ่งออกเป็น tab ได้นั้น ยังช่วยให้ง่ายต่อการจัดการข้อมูลอีกด้วยนะคะ ไม่เพียงเท่านี้ Noteblock นั้นยังมีความสามารถอื่น ๆ อีกนะคะ ดังนี้ ส่ง Note ที่เราบันทึกไว้ไปยังอีเมลได้ ดาวน์โหลด Note ที่บันทึกไว้ ออกมาเป็น ไฟล์ .txt ได้ จัดการ Note ของเราแยกเป็น tab และตั้งชื่อ tab เหล่านั้นได้ ซึ่งช่วยให้ง่ายต่อการจัดการ Note ของเราค่ะ ปรับเปลี่ยนขนาดของกล่อง Note ได้ รู้จัก Noteblock กันพอประมาณแล้ว ใครที่สนใจอยากจะลองใช้งานดู เรามาเริ่มจาก ติดตั้งเจ้า Noteblock กันก่อนค่ะ ติดตั้ง Noteblock ให้ Chrome 1. ไปที่ลิงก์ https://chrome.google.com/webstore/category/extensions ค้นหาส่วนขยาย Noteblock และกดปุ่ม Add to Chrome เพื่อเริ่มการติดตั้ง Noteblock ให้กับ Chrome 2. Chrome แสดงกล่องยืนยันการติดตั้ง Noteblock กดปุ่ม Add extension เพื่อยืนยันการติดตั้ง และรอจนกว่าจะสิ้นสุดการติดตั้ง เมื่อติดตั้งเรียบร้อยแล้ว จะมี icon Noteblock ที่มุมขวาบนของ Chrome โผล่ขึ้นมาเพื่อให้กดใช้งานค่ะ เริ่มใช้งาน Noteblock กัน! วิธีการใช้งาน Noteblock ง่าย ๆ ก็คือ คลิก icon Noteblock ก็จะมีกล่อง Noteblock โผล่ขึ้นมาบนบราวเซอร์ให้เราได้บันทึกข้อมูล ใครที่เป็นห่วงว่าเมื่อปิดบราวเซอร์ไปข้อมูลที่บันทึกไว้จะหายไปนั้น ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ข้อมูลก็ยังคงอยู่เหมือนเดิมค่ะ อย่างที่บอกไว้ว่า Noteblock จะจัดเก็บข้อมูลของเราด้วยวิธี local Storage ข้อมูลจะถูก clear เมื่อเราลบออกไปเองค่ะ หากต้องการเพิ่ม tab

Read More »

ฝึกภาษาด้วย Mate Translate

สวัสดี หนีห่าวววว ท่านผู้อ่านทุกท่าน วันนี้ทางผู้เขียนมี extension ดีๆ ที่ลงตัว มาแนะนำให้ได้รู้จักกันอีกแล้วเน้อ ไม่ต้องเกริ่นมาก ไปดูกันเลยดีกว่า จริงๆ แล้ว ณ ปัจจุบัน ถ้าจะพูดถึงการแปลภาษา extension หรือเว็บที่เราคุ้นชินกันมาก ถึงมากที่สุด ก็คงหนีไม่พ้น google translate กันใช่มั้ย ซึ่งการทำงานของ เจ้าตัว google translate เนี่ยก็ถือว่าดีอยู่แล้วเช่นเดียวกัน แต่ก็นะ ชีวิตนี้จะรู้จักแค่อันนี้อันเดียวก็คงจะดูโลกแคบไปหน่อยนึง วันนี้ผู้เขียนเลยอยากจะลองนำเสนอ extension แปลภาษาดีๆ อีกสักตัวนึง ให้ทุกคนได้รู้จัก เจ้าตัวนี้มีชื่อว่า “Mate Translate” นั่นเอง Mate Translate จะเหมาะกับผู้ใช้ที่เน้นอ่านบทความต่างประเทศ ฝึกภาษา และที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือ สำหรับใครที่ชื่นชอบการดู Netflix และฝึกภาษาจากการดูหนังดูซีรีย์ เชื่อเถอะเจ้า Mate Translate จะช่วยให้การแปลภาษาในระหว่างการดูหนังง่ายขึ้นไปอี๊กกกก เพียงแค่ คลิกบนคำศัพท์ หรือข้อความในส่วน subtitles ที่ขึ้นบนหน้าจอ ตัว extension Mate ก็จะแปลความหมายของคำนั้นขึ้นมาให้เราอ่าน ง่ายม๊ากกก เพียงแค่คลิกเดียวจริงๆ นะเออ ไม่ใช่แค่เพียงภาษาอังกฤษนะ ตัวช่วยตัวนี้สามารถแปลภาษา คำ วลี ประโยค ได้ถึง 103 ภาษา แถมยังสามารถฟังการออกเสียงอย่างถูกต้องได้ด้วย ปะ ติดตั้งกันเลย เข้าไปที่ webstore ของ google chrome ได้เลย หรือ ตามนี้นะ https://chrome.google.com/webstore/category/extensions จากนั้นค้นหาคำว่า Mate Translate (ตัวที่หน้าตาสีเขียวๆ นั่นแหละ) 2. คลิกปุ่ม “เพิ่มใน Chrome” หรือ “Add to Chrome” ได้เลย 3. ระบบก็จะถามซ้ำอีกครั้ง เราก็เลือกปุ่ม “เพิ่มส่วนขยาย” เพื่อยืนยันการติดตั้งไปอีกครั้ง 4. เมื่อติดตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะปรากฏ icon เล็กๆ ตรงมุมบนด้านขวาของหน้าจอ เมื่อคลิกครั้งแรกก็จะปรากฏหน้าต่างให้เรายอมรับเงื่อนไข จากนั้นก็คลิก Continue ต่อได้เลย 5. เรามาทดลองตั้งค่าก่อนการใช้งานกันก่อนเลยละกัน คลิกบน icon จากนั้นเลือก “ตั้งค่า” (ตรงสัญลักษณ์ฟันเฟืองนะ) เมื่อเราคลิกแล้วก็จะได้หน้าตาประมาณนี้ ปล..ระดับเราๆแล้ว ไม่ต้อง upgrade หรอก ใช้ version ฟรีนั่นแหละ 55+ หลักๆ ก็จะมาดูในส่วนของ on-page ละกัน ตัวอย่างเช่น double click translation ก็เปิด on ได้เลย เวลาเราเจอคำที่ต้องการแปลก็แค่ double click ไปบนคำนั้น ตัวช่วยก็จะแปลความหมายขึ้นมาให้เราเองทันที ไม่ต้อง copy แล้วว่าง tooltip size ก็สามารถเลือกได้ว่าหน้าจอที่แสดงคำแปลเนี่ย จะเอาขนาดไหน translate Netflix subtities ก็คือเมื่อเราคลิกบนคำใน subtitles บนหนัง หรือ วีดีโอที่ดูใน Netflix มันก็จะแปลความหมายขึ้นมาให้เราเลย ***เหมาะมากสำหรับคนที่ฝึกภาษาด้วยซีรีย์เนี่ยยย !! จริงๆ แล้วอยากให้ลองดูกันนะ ตัวช่วยแปลดีๆเนี่ย ไม่ได้มีแค่ google translate นะจ๊ะทุกคนนนนน อย่างไรก็ตามทางผู้เขียนหวังว่า blog นี้จะช่วยเหลือ หรือมีประโยชน์กับผู้อ่านได้ ไม่มากก็น้อยแหละนะ พบกันใหม่ครั้งหน้า สำหรับวันนี้ บ๊ายยยยย !! ขอบคุณแหล่งอ้างอิงดีๆ มา ณ ที่นี้ด้วยแง๊บ– https://www.9tana.com/node/5-chrome-extensions/

Read More »

เค้าเอาไฟล์ MP4 บน Google Drive ไปแสดงใน Video Player บนเว็บได้อย่างไร

สมมุติว่า เรามีไฟล์วิดีโอเป็น .mp4 อยู่ไฟล์หนึ่ง อยู่ใน Google Drive ต้องการเผยแพร่ เฉพาะบน Website ของเราเท่านั้น จะต้องทำอย่างไร? Javascript video player สิ่งแรกที่ต้องมีคือ ตัว Video Player บนเว็บ ลอง Google ด้วยคำว่า “javascript video player” ดู มีหลายตัวให้เลือกใช้ แต่ในที่นี้ ขอทดลองกับ video.js (เว็บไซต์ https://videojs.com ) คลิกที่ USE NOW ( https://videojs.com/getting-started/ ) จากนั้น ลองสร้างไฟล์ test.html โดยเอา Code จาก Video.js CDN ไปแปะเลย จาก Code นี้ JavaScript จาะเรียกไฟล์ .MP4 จากไฟล์ชื่อ MY_VIDEO.mp4 ซึ่ง ถ้าเอา test.html นี้ไปวางบน Web Server ก็หมายความว่า เราต้องมีไฟล์ MY_VIDEO.mp4 ด้วย ไฟล์ MP4 บน Google Drive ตัวอย่างเช่น เราอาจอัดคลิปวิดีโอการสอน อยากจะเผยแพร่บนเว็บไซต์ของหน่วยงาน ผ่าน JavaScript Video Player อย่าง video.js ข้างต้น ก็สามารถทำได้ดังนี้ แชร์ไฟล์ดังกล่าว ให้เป็น Anyone with the link can View แล้ว copy link นั้นมา หน้าตาประมาณนี้ https://drive.google.com/open?id=FILE_ID จะเห็นคำว่า id= FILE_ID ตรงนี้ให้ Copy เก็บไว้ แต่การที่เราจะเอา Link นี้ไปใช้ใน Video Player ตรง ๆ ไม่ได้ เพราะมันเป็นการเรียกใช้ Google Drive ไม่ใช่การเรียก File Content GoogleAPI วิธีการที่จะ Get Content ของไฟล์ที่ต้องการออกมากจาก Google Drive สามารถเรียกผ่าน Google API ซึ่ง หากจะทำเองก็สามารถทำได้ มีพวก node.js ให้ใช้งานอยู่ แต่พบว่า สามารถเรียกใช้ www.googleapis.com ได้ โดยอ้างอิงจาก https://googleapis.github.io/ ในที่นี้ จะเรียกผ่าน Google Drive API ใน Version 3 รูปแบบ URL จะเป็นดังนี้ ในการใช้งาน ต้องการ 2 ส่วน FILE_ID ได้จากการแชร์ไฟล์ข้างต้น API_KEY ได้มาจากการสร้าง Credential บน Google Cloud Platform วิธีการทำตามนี้ https://cloud.google.com/docs/authentication/api-keys การใช้งาน Google API นั้น มีส่วนทั้งที่ต้องจ่ายเงิน และส่วนที่ใช้ฟรี แต่ถูกจำกัด Quota ในกรณี Google Drive API สามารถใช้ได้ฟรี แต่จะมี Quota อยู่ โดยดูได้จาก https://developers.google.com/drive/api/v3/about-sdk ประกอบร่าง เมื่อได้ FILE_ID และ API_KEY มาแล้ว ก็เอาไปใส่ใน Code ข้างต้น หวังว่าจะเป็นประโยชน์ครับ Disclaimer: จุดประสงค์ของบทความนี้ เพื่อแนะนำวิธีการทำเท่านั้น โปรดนำความรู้นี้ไปใช้งานอย่างสร้างสรรค์นะครับ ผู้เขียนบทความไม่เกี่ยวข้องใด ๆ กับผู้นำไปใช้ทั้งสิ้น

Read More »