หลักจากที่ทาง Microsoft ได้ประกาศหยุดบริการ Internet Explorer (IE) อย่างถาวร เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2565 ก็ทำให้กระทบกับการใช้งานบางเว็บไซต์ (เก่าๆ) หลายเว็บไซต์ ที่ออกแบบหรือพัฒนาให้ใช้งานได้ดีบน IE แต่ต้องหันไปใช้งานบราวเซอร์อื่น เช่น กดเมนูไม่ได้บ้าง กดปุ่มแล้วไม่ทำงานบ้าง เป็นต้น ซึ่งเราจะหันไปใช้บราวเซอร์อื่นแทนก็ไม่สามารถใช้งานเว็บไซต์ที่เก่าๆ นั้นได้อย่างราบรื่นหรือสมบูรณ์อยู่ดี พอจะใช้ Microsoft edge ก็พบปัญหาแบบเดียวกัน ก็….เว็บไซต์มันเก่าแล้วอ่ะเธอออออ แต่ Microsoft ก็ไม่ทอดทิ้งอะไรที่ว่าเก่าๆ แบบไม่ใยดีผู้ใช้ขนาดนั้นนะคะ เพราะจริงๆ เรายังสามารถเปิดใช้งานเว็บไซต์ที่ว่าเก่าๆ นั้น (ย้ำจังเลย) ใน IE Compatibility View เพื่อให้ใช้งานในมุมมองดังกล่าวได้ผ่าน Microsoft Edge แต่ฟีเจอร์นี้สามารถใช้ได้อีก 7 ปี (ถึงปี 2029) เท่านั้นนะคะ ซึ่งวันนี้ผู้เขียนได้รวบรวมขั้นตอนเพื่อให้สามารถใช้งานเว็บไซต์ในโหมด IE Compatibility View บน Microsoft Edge มาแนะนำกันค่า ก่อนอื่นเลย ตั้งค่าเพื่อเปิดใช้งานคุณสมบัตินี้ให้กับ Microsoft Edge กันก่อน 1. เปิด Microsoft Edge ขึ้นมาแล้ว กดคีย์ลัด Alt + F แล้วเลือก เมนู Settings ดังรูป (หรือไป ที่ edge://settings/defaultbrowser) 2. ในหน้าจอ Settings ที่แถบด้ายนซ้ายให้เลือกเมนู “Default browser” จะแสดงส่วนของการตั้งค่า Internet Explorer Compatibility ให้กดเลือก Allow ในหัวข้อ “Allow sites to be reloaded in Internet Explorer mode (IE mode)” เพื่ออนุญาตให้สามารถโหลดเว็บไซต์ในโหมด Internet Explorer Compatibility ตอนใช้งานได้หลังจากที่ได้ตั้งค่าเรียบร้อยแล้ว ****อย่าลืมปิดและเปิดบราวเซอร์ขึ้นมาใหม่นะคะ มาดูวิธีการโหลดใช้งานเว็บไซต์ในโหมด Internet Explorer Compatibility กันค่าเมื่อเปิดเว็บไซต์ขึ้นมา ให้กดคีย์ลัด Alt + F แล้วเลือก “Reload in Internet Explorer mode” โลดดด ถ้าไม่เจอ Reload …. อนุญาตให้ตกใจนิดหน่อย แต่ ไม่เห็นไม่เจอใช่ว่าจะม่ายยยยมีน่ะ เพราะถ้าหากใช้ Microsoft Edge เวอร์ชั่น 92 หรือเก่ากว่านี้ ก็ให้เลือก More tools ก็จะพบกับ Reload in Internet Explorer Mode คร่าาา เท่านี้ก็ใช้งานเว็บไซต์ในโหมด Internet Explorer Compatibility ได้แล้วละค่า (หากต้องการปิดการใช้งานในโหมดนี้ ก็กดคีย์ลัด Alt + F แล้วเลือก Exit in Internet Explorer mode ) โดย เป็นยังไงกันบ้างค่า เว็บไซต์เก่าๆ ที่รองรับการใช้งานด้วย IE นั้น เราก็ไม่ต้องกังวลกันจะใช้งานกันไม่ได้ เพียงแค่ทำตามวิธีข้างต้นค่ะ 🙂 บางอย่างเก่าแต่ยังเก๋าอยู่น่ะ(ลาก่อนและขอบคุณน่ะ Internet Explorer) ขอขอบคุณ : https://www.addictivetips.com/windows-tips/compatibility-view-settings-edge/https://droidsans.com/how-to-use-ie-mode-on-microsoft-edge/Internet Explorer mode in Microsoft Edge
บทความนี้ว่ากันด้วยเรื่องของ Extension บน Chrome กันอีกซักตัวนะคะ คราวนี้นำเสนอ Extension ที่จะช่วยในการ capture หน้าเว็บ ซึ่ง Easy to use มาก ๆ และ Free forever กันไปเลยค่า นั่นก็ คือ FireShot Version Lite นั่นเองงงงง เย่ ๆ เอ้า ปรบบบมือรัว ๆ สิคะ รออัลลลลไล แต่เดี๋ยวก่อนค่ะ (หยุดรัวแทบไม่ทัน) สำหรับ Version Lite ที่เราจะติดตั้งใช้งานกันวันนี้นั้น อาจไม่ได้มี feature ต่าง ๆ ที่จะดำเนินการกับภาพที่เรา capture มาได้มากมาย เช่น Custom watermarks Advanced Editor: Undo/Redo, Resize, Crop and Save features หรือ Microsoft OneNote support และบลา ๆ นะคะ ซึ่งหากเราต้องการใช้ feature ที่มีอีกมากมายเหล่านี้ได้นั้น ก็ต้อง Pay ให้กับ FireShot Version Pro กันค่ะ ตอนนี้มีโปรโมชั่น 1 แถม 1 (เอ้ย ไม่ใช่ Watsons Boots หรือ TOPS น่ะจ๊ะ) โปรโมชั่นลดราคาเหลือ US$ 39.95 อยู่ค่ะ ช้าก่อน !! อย่าเพ่งรีบสอย เพราะผู้เขียนคิดว่า Version Lite ก็เพียงพอกับการใช้งานทั่ว ๆ ไปแล้วละค่ะ อย่าง User ท่านไหนใช้งานเว็บไซต์แล้วเกิดเจอ error ครั้นจะโทรมาแจ้ง Support แล้วแจ้งรายละเอียด error ที่ยาว (มาก) นั้นว่าอย่างไร ก็คงลำบากไม่น้อย หรือเมื่อโทรมาแจ้ง Support ว่าใช้งานแล้ว error ส่วนใหญ่ Support ก็จะแนะนำให้ส่งภาพหน้าจอที่ว่า error นั้นมาเพื่อจะได้ตรวจสอบให้ บางทีก็ทำม่ายโถ๊กกกก แต่บางคนก็สบายมากจ้า กดปุ่ม Print Screen หรือไม่ก็ใช้ Snipping Tool ที่มาพร้อมกับ Windows จับภาพ แต่ก็ต้องเสียเวลาในการวางภาพ แนบไฟล์ ส่งเมล กันอี๊กกก แต่ต่อจากนี้หากใช้งาน FireShot อะไรก็ง่ายๆ ก็สะดวกสบายมากขึ้นแล้วละค่า เพราะสามารถ capture หน้าเว็บปั๊บ ก็ส่ง Email ได้เลย (Account ผู้ส่งต้องเป็น Gmail) หลังจากนั้นโทรแจ้ง Support นิดหน่อย “ส่งภาพหน้าจอ error มาแล้วน่ะคะ/น่ะครับ” จบปิ๊ง สวย ๆ ทั้ง User และ Support พอคุยกันเข้าใจ อะไรๆ ก็ดีไปโหม๊ดดด 555+ ของฟรีที่ดีก็มีในโลกนะเออ เอ้า ปรบมือรัว (ต่อ) สิคะ รออัลลลลไล และขอขอบคุณผู้พัฒนานะคะ ฮี่ ๆ ปล. ส่วนใครที่อยากทราบข้อมูลของ Version Pro กับ Lite ว่ามี Features อะไร แตกต่างกันบ้าง มากน้อยแค่ไหนนั้น ก็ลองเข้าไปดูข้อมูลเปรียบเทียบที่ลิงก์นี้ได้เลยค่ะ https://getfireshot.com/features.php เกริ่นกันซะยาวยืด ลิงหลับทั้งฝูงแย้ว มา ๆ ค่ะ สาระมีอยู่จริง มารู้จัก FireShot กันก่อนที่จะเริ่มใช้งานค่ะ เริ่มจากความสามารถในการจับภาพหน้าเว็บไซต์ก่อน ซึ่ง FireShot นั้นสามารถจับภาพหน้าเว็บได้ 3