Author: wilailuk.p

  • ใช้ Line PC สแกน QR CODE

    เป็นกันไหมคะทุกคนเวลาที่ใช้ PC ในการดูข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ  หรือ ต้องการลงทะเบียนในการเข้าร่วมกิจกรรมอะไรสักอย่าง  บนหน้าเว็บก็จะบอกว่าสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่…  สามารถเข้าไปลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมได้ที่…  แล้วก็มีรูป QR CODE มาให้  เราก็ต้องใช้มือถือนำมาแสกน QR CODE  ที่อยู่บนจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งการดูข้อมูลหรือกรอกข้อมูลบนมือถือ  ก็ต้องยอมรับว่าไม่สะดวกเหมือนบนจอคอมพิวเตอร์ใช่มั้ยล่ะค่ะ ถ้าสแกนบนมือถือแล้วจะ Copy Link ส่งไปไว้ใน  Keep Memo  (ดูวิธีการใช้งาน Keep Memo) แล้วไปเปิดบนคอมพิวเตอร์อีกที ก็ได้เหมือนกันล่ะค่ะ  แต่มันก็เพิ่มขั้นตอนเข้าไปอีก  ไม่ต้องห่วงนะคะ เรามีวิธีมาบอกเพราะบน Line PC ก็สามารถสแกน QR CODE ได้เหมือนกันจ้า เรามาดูวิธีกันเลยค่ะ

     1.  ถ้าใครยังไม่มี Line PC ให้เข้าไป Download การใช้งานกันก่อนที่ https://line-pc.com แล้วเลือกติดตั้งตามระบบปฏิบัติการที่ใช้งาน

       2.  เปิดหน้าเว็บหรือรูปภาพที่มี QR CODE ที่ต้องการจะแสกนรอไว้ก่อน

    3. เมื่อติดตั้ง Line PC เรียบร้อยแล้วให้ Login เข้าใช้งาน

    4.  เมื่อ Login สำเร็จ ในหน้าแรกของ Line ให้คลิกเลือกที่สัญลักษณ์ …

    5.  เลือก Capture Screen

    6.  ที่ภาพ QR CODE ให้ลากคลุมรูปของ QR CODE ค้างไว้ แล้วปล่อยเม้าส์ เลือกสัญลักษณ์ สแกน QR CODE

    7.  ปรากฏ URL เพื่อให้สามารถ Copy  Go to URL  หรือ Share หน้าเว็บไซต์นั้น ๆ ได้

    เป็นไงคะ คราวนี้เวลาที่เราเจอ QR CODE ในขณะที่เราใช้ PC อยู่ ก็ไม่ต้องเสียเวลาไปหยิบมือถือขึ้นมาสแกนอีกแล้วล่ะค่ะ ^ ^

  • Event และ Vote ใน Line ใช้งานยังไงนะ

    สวัสดีค่ะทุกท่าน มาแล้ววววค่าาาาา ^_* มาเขียนเรื่องง่าย ๆ เข้าถึงได้กันทุกคน และสืบเนื่องมาจาก Blog ที่แล้ว เราได้ทราบฟังก์ชันเคล็ดไม่ลับแบบฉบับการใช้ Line กันมาแล้ว หลายคนมาบอกว่า สะดวกดี ไม่เคยรู้มาก่อนเลย รู้อย่างนี้ทำไปนานแล้ว ^ ^  ทำผู้เขียน Blog มีกำลังใจขึ้นมาเลยค่ะ  สำหรับ blog นี้เรามาดูในเรื่องของการนัดหมาย และ การโหวตกันดีกว่านะคะ ใน Line ใช้งานกันยังไง

    1. Event

    เวลาที่เราคุยแชทกับเพื่อนหรือแชทกันในไลน์กลุ่ม แล้วมีการนัดหมายกันทำกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเรื่องงานหรือไม่ใช่เรื่องงานก็ตาม ^ ^  เมื่อคุยกันเพลิน ๆ  ข้อความที่นัดกันไว้ก็ถูกเลื่อนไปด้านบน จนทำให้อาจลืมนัดกันหรือ หรือ จะดูว่าที่นัดกันไว้มันวันที่เท่าไหร่ ก็ต้องเสียเวลามาเลื่อนแชทหาข้อความที่เคยคุยเรื่องนัดกัน  ถ้าเป็นกรณีแบบนี้เรามาสร้างตารางนัดหมายโดยการใช้ Event กันดีกว่าค่ะ

    1.1 เข้ามาที่หน้าจอแชทของไลน์กลุ่มหรือไลน์ส่วนตัวของคนที่เราคุยด้วย เลือกที่เครื่องหมายขีด 3 ขีด

    1.2 เลือก Events

    1.3 เลือกวันที่ที่ต้องการนัดหมาย จากนั้นกดเครื่องหมาย +

    1.4 ระบุหัวข้อในการนัดหมาย สามารถเลือกได้ว่าเป็นการนัดหมายทั้งวันหรือระบุเป็นช่วงเวลา หากเป็นการนัดหมายกันทั้งวันก็เลือกทำเครื่องหมายถูกที่ All Day  ในส่วนของข้อมูลตรง Start : ก็จะไม่แสดงเวลา

    1.5 แต่หากต้องการระบุเป็นช่วงเวลา ให้เอาเครื่องหมายถูกที่ All Day ออก  ในส่วนของข้อมูลตรง Start :  ก็จะแสดงข้อเวลา โดยสามารถเลือกแตะตรงข้อมูลของวันและเวลาเพื่อแก้ไขได้

    1.6 สามารถระบุเวลานัดหมาย  หรือแก้ไขวันที่นัดหมายใหม่ได้  โดยเมื่อแก้ไขเรียบร้อยแล้วเลือก Done

    1.7 หากเป็นการทำกิจกรรมต่อเนื่องกันหลายวัน  สามารถมาเพิ่มเวลานัดหมายให้ขยายเป็นช่วงวันได้ตรง End   อยากกจะระบุ Location ก็สามารถทำได้  ต้องการให้มีการตอบรับการนัดหมายก็เลือกทำเครื่องหมายถูกไว้ที่ Request RSVP

    1.8 หากต้องการให้มีการแจ้งเตือนล่วงหน้าก่อนเวลานัดหมายก็สามารถทำได้โดยการเลือกทำเครื่องหมายถูกไว้ที่ All reminder เมื่อแตะเลือก จะแสดงเวลาให้เลือกว่าต้องการให้แจ้งเตือนก่อนในระยะเวลาเท่าไหร่ที่เราต้องการ ให้เลือกเวลาตามที่เราต้องการให้แจ้งเตือน

    1.9 ตรวจสอบข้อมูลการนัดหมายเรียบร้อยแล้วเลือก Done ได้เลย

    1.10 และเพื่อให้ไม่พลาดนัดสำคัญของเรา เราก็ตั้งค่าไว้ให้แสดงไว้ที่ประกาศด้านบนสุดของแชทได้เลยโดยการเลือกตั้งค่าให้ Set as announcement

    1.11 ระบบก็จะแจ้งเตือนว่าได้ตั้งค่าไว้เป็นประกาศเรียบร้อยแล้วเลือก OK

    1.13 เลือกตรงสัญญลักษณ์ < เพื่อกลับไปยังหน้าแชทของเพื่อนหรือไลน์กลุ่ม

    1.14 ในหน้าแชทแสดงการนัดหมายที่สร้างไว้ และ ถูกตั้งค่าไว้เป็นประกาศด้านบนสุดในหน้าแชทเรียบร้อยแล้ว

    1.15 และเมื่อเลือกเข้ามาดูข้อมูลในตารางนัด ก็สามารถเลือกตอบรับหรือปฏิเสธการนัดหมาย เพื่อให้ผู้นัดทราบได้เลย โดยด้านล่างแสดง Account ของผู้ที่ตอบรับหรือปฏิเสธก็จะปรากฏให้ทราบได้ทันที

    2. Vote

    เย็นนี้กินอะไรดี  งานปีใหม่จะเลี้ยงที่ไหน แล้ววันหยุดยาวนี้ล่ะจะไปจังหวัดไหนกันดี  คิดว่าทุกคนคงเคยมีหัวข้อสนทนาที่เป็นปัญหาโลกแตกแบบนี้  คุยกันไปกันมาไม่ได้ข้อสรุปกันเสียที ถ้าแบบนี้ก็เปิดโหวตแบบแฟร์ ๆ กันไปเลย มาสร้างการโหวตใน Line กันดีกว่าค่ะ

    2.1 เข้าไปที่หน้าแชทส่วนตัวของเพื่อนหรือแชทกลุ่ม กดที่สัญลักษณ์ +

    2.2 เลือก Poll

    2.3 เลือก Create Poll

    2.4 ตั้งชื่อหัวข้อของการโหวต ตัวเลือกในการโหวต โดยในแต่ละตัวเลือกสามารถใส่รูปได้

    2.5 เลื่อนลงมาด้านล่างจะมีตัวเลือกให้เลือกดังนี้

    • Set ending date : กำหนดวันปิดโหวต
    • Multivote : โหวตแบบตอบได้หลายข้อ
    • Anonymous votes : โหวตแบบไม่แสดงชื่อ
    • Allow new options : เพิ่มตัวเลือกอื่น ๆ ในการโหวต

      ยกตัวอย่างในกรณีนี้เลือกการโหวตแบบไม่แสดงชื่อ  และ เลือกกำหนดวันปิดโหวต เมื่อกำหนดข้อมูลในการโหวตเรียบร้อยแล้วเลือก Done

    2.6 แสดงข้อมูลของการโหวต และ เราสามารถตั้งค่าให้เป็นประกาศอยู่ด้านบนสุดของแชทได้เช่นเดียวกันกับ Event  โดยการเลือกที่ Announce

    2.7 แจ้งว่าตั้งค่าให้เป็นประกาศแล้ว ให้กด OK

    2.8 กดที่สัญลักษณ์ X เพื่อปิดหน้าจอ

    2.9 ในหน้าแชทก็จะแสดงการโหวตและตั้งค่าเป็นประกาศเรียบร้อยแล้ว

    2.10 เมื่อกดเข้าไปในโหวต ก็จะแสดงกับรายการที่เราตั้งค่าให้โหวต เพื่อนก็สามารถเลือกโหวตได้ตามต้องการ จากนั้นก็เลือก Vote

    2.11 แสดงจำนวนของผู้โหวตให้ทราบ และ เนื่องจากเรามีการตั้งค่ากำหนดวันปิดโหวต ด้านบนก็จะแสดงจำนวนวันนับถอยหลังว่าอีกกี่วันถึงจะปิดโหวต

    เป็นไงคะสำหรับ 2 ฟังก์ชันนี้ คิดว่าน่าจะนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์กันได้มากขึ้นนะคะ Blog หน้าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร อย่าลืมติดตามให้ให้กำลังใจกันด้วยนะคะ ^ ^

  • เคล็ดไม่ลับแบบฉบับการใช้ Line

    มาถึงยุคนี้คงปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่มีใครไม่รู้จัก Application Line เพราตั้งแต่รุ่นเล็ก รุ่นใหญ่  ใคร ๆ ต่างก็ใช้ Line ในการส่งข้อความหากัน  แต่ใช่ว่าใน Line จะทำได้แค่การส่งข้อความเท่านั้นนะคะ ยังมีฟังก์ชันอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกหลายฟังก์ชันเลยค่ะ ว่าแล้วอย่ารอช้า เราไปดูกันเลยค่ะ ว่ามีอะไรบ้าง

    1. Line Meeting

    เราสามารถใช้ Line ในการประชุมได้เช่นเดียวกันกับ Application อื่นๆ ที่ใช้ในการประชุม เช่น  Zoom, Microsoft Team, Google Meet เป็นต้น โดยที่เราไม่ต้องเสียเวลาโหลด App การประชุมอื่น ๆ มาเพิ่มเติม ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้

    1.1 เข้ามาที่หน้าจอแชทของ Line กดปุ่ม ….

    1.2 เลือก Meeting

    1.3 เลือก Create Meeting เพื่อสร้างห้องประชุม

    1.4 ปรากฏ Link ของการประชุม โดยเราสามารถแก้ไขหัวข้อในการประชุมได้โดยการกดที่สัญลักษณ์ของการแก้ไข

    1.5 แก้ไขหัวข้อในการประชุมแล้วกดปุ่ม Save

    1.6 Copy link เพื่อส่งให้คนที่ต้องการให้มาร่วมประชุม  หรือ Invite เพื่อเลือกเพื่อนได้ หากเชิญเรียบร้อยแล้วก็กดปุ่ม Start เพื่อเริ่มต้นประชุมได้เลย

    สำหรับฟังก์ชันการใช้งานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการแชร์ไฟล์ หรือ แชร์หน้าจอ ต่าง ๆ สามารถทำได้เหมือน กันกับ App อื่นๆ  ที่ใช้ในการประชุมเลยค่ะ โดย Link ในการประชุมจะมีอายุการใช้งาน 14 วัน และ รองรับผู้เข้าร่วมประชุมได้สูงสุด 500 คน  ใช้ได้ทั้ง App Line บนมือถือ และ Line PC เวอร์ชัน 6.2.0 ขึ้นไป ถ้าใครใช้ไม่ได้ก็อย่าลืมไป Update เวอร์ชันกันก่อนนะคะ

    2. Keep

    เคยไหมคะที่บางครั้งเพื่อนส่งรูปหรือส่งไฟล์อะไรมาให้ทางแชท เราก็มีเวลาดูแค่แว้บเดียว แล้วด้วยความที่ทำแต่งาน และ งาน ^_^ อ้าว !! พอมาเปิดดูอีกทีไฟล์หมดอายุไปแล้วซะงั้น ไม่เป็นไรค่ะ เราก็แค่เก็บทุกอย่างไว้ใน Keep กันไปก่อน โดยสามารถเก็บข้อความ รูปภาพ วิดีโอ Link  และ ไฟล์ต่าง ๆ ได้ค่ะ ยกตัวอย่างการเก็บไฟล์ภาพนะคะ มีขั้นตอนดังนี้

    2.1 กดค้างที่ภาพ เมนูจะแสดงฟีเจอร์ต่าง ๆ ให้เลือก Keep

    2.2 สามารถเลือกภาพอื่น ๆ เพิ่มเติมได้อีกโดยทำเครื่องหมาย ถูก หน้าภาพที่ต้องการแล้วกดปุ่ม Save

    2.3 ระบบจะแสดงข้อความแจ้ง Save in Keep

    2.4 เวลาที่ต้องการดูข้อมูลให้มาที่หน้า Home แล้วกดที่สัญลักษณ์ Keep ด้านบน

    2.5 ก็จะเจอข้อมูลต่างๆ  ที่เราเก็บไว้ใน Keep

    2.6 หากต้องการส่งข้อมูลจาก Keep ในขณะที่กำลังแชทไลน์กับผู้อื่นก็สามารถทำได้ค่ะ โดยกดที่เครื่องหมาย +

    2.7 จะเจอกับสัญลักษณ์ Keep

    2.8 เมื่อกดเข้าไปก็จะเลือกข้อมูลที่เราเก็บไว้ใน Keep มา Share ต่อให้กับเพื่อน ๆ ได้เลยค่ะ

    เพียงเท่านี้ เรามีเวลาว่างตอนไหนก็สามารถมาดูข้อมูลที่เรา Keepไว้ได้เลยค่ะ แต่การใช้งาน Keep มีข้อจำกัดดังนี้นะคะ

    • เก็บข้อมูลได้สูงสุด 1 GB
    • เก็บความยาวของวิดีโอสูงสุด 5 นาที
    • จำกัดข้อความสูงสุด 10,000 ตัวอักษร
    • เก็บได้ไม่จำกัดระยะเวลาแต่ไฟล์ที่มีขนาดเกิน 50 MB เก็บได้ไม่เกิน 30 วัน

    3. Keep Memo

    ส่วนใครที่เป็นประเภทเวลาไปเจอรูปภาพ  Link  หรือไฟล์ต่าง ๆ ที่อยากจะเก็บไว้อ่านหรือดูภายหลัง โดยจะต้องส่งข้อมูลเหล่านี้ไปที่แชทของเพื่อนก่อน แล้วบอกว่า ฝากรูปไว้ด้วย  ฝาก Link ไว้หน่อย  ฝากไฟล์ไว้ก่อน ^_^ เราก็ไม่ต้องทำเช่นนั้นให้เพื่อนรำคาญหรือลำบากใจค่ะ ส่งมันไปไว้ใน Keep Memo ดีกว่า ซึ่งการใช้งานก็ไม่ยากค่ะ ขั้นตอนดังนี้

    3.1 ไปที่หน้าแชท แล้วค้นหา Keep Memo ในช่องค้นหา ก็จะเจอกับ Keep Memo

    3.2 เมื่อกดเข้าไป จะแสดง Keep Memo ที่สามารถส่งข้อความ Link  ไฟล์ หรือ วิดีโอ ที่เราต้องการมาในห้องแชทของตัวเราเองได้เลย

    3.3 หากจะดูข้อมูลที่อยู่ในแชท Keep Memo สามารถกดดูที่สัญลักษณ์ Keep จากหน้าแชทได้เลย

    3.4 ข้อมูลก็จะถูกจัดเก็บเข้าไปในฟังก์ชัน Keep โดยอัตโนมัติ

    มาถึงตรงนี้คุณผู้อ่านส่งสัยกันไหมคะว่าแล้ว Keep กับ Keep Memo ต่างกันอย่างไร สำหรับความแตกต่างมีดังนี้ค่ะ

    • Keep คือการเก็บข้อมูลไว้บน Cloud ของ Line คล้ายกับการจัดเก็บข้อมูลบน Google Drive แต่จะแยกหมวดหมู่ให้ชัดเจนว่าเป็นข้อมูลประเภทใดบ้าง เช่น รูป วิดีโอ ลิงค์ ข้อความ เป็นต้น
    • Keep Memo เก็บข้อมูลในลักษณะแชท เหมือนกันที่เราแชทกับเพื่อนๆ  เพียงแต่เป็นการแชทกับตัวเราเองและมีเพียงแต่เราคนเดียวที่เห็นข้อความ

    เป็นยังไงกันบ้างคะ  คิดว่าจากการที่เราจะใช้ไลน์แค่การพูดคุยกันเพียงอย่างเดียว เราน่าจะใช้ประโยชน์จากไลน์ในฟังก์ชันอื่นๆ ได้มากขึ้นนะคะ สำหรับ Blog หน้าจะเป็นการใช้ฟังก์ชันอะไรเพิ่มเติม อย่าลืมติดตามกันนะคะ ^_^

  • Text Replacement บน iOS

    สำหรับนักแชททั้งหลายเคยไหมคะ ที่เราต้องพิมพ์ประโยคเดิม ๆ บ่อย ๆ และถึงแม้เครื่องจะแสดงคำที่คาดเดามาให้เราเลือก แต่ก็ยังไม่ใช่คำที่เราต้องการ วันนี้ทางเราชาว iOS ขอมานำเสนอ Text Replacement ซึ่งฟีเจอร์นี้น่าจะถูกใจกับนักแชททั้งหลาย เพราะเราสามารถสร้างคำย่อและคำเต็มที่เราต้องการด้วยตัวเองได้เลย เราลองไปดูวิธีการตั้งค่าเลยค่ะ

    1. เข้าไปที่ Setting


    2. เลือก General


    3. เลือก Keyboard


    4. เลือก Text Replacement


    5. กดเครื่องหมาย + เพื่อเพิ่มคำที่เราต้องการ


    6. ในช่อง Phrase ให้พิมพ์คำเต็มที่เราต้องการ ส่วนช่อง Shortcut ให้เราเพิ่มคำย่อ ตัวอย่าง
    Phrase : วันนี้กินข้าวที่ไหน
    Shortcut : กข
    เสร็จแล้วให้กด SAVE


    7. แสดงคำที่เราได้บันทึกไว้


    8. เมื่อเราแชทและพิมพ์คำย่อที่เราได้สร้างไว้ ก็จะปรากฏคำเต็มให้เราเลือกส่งหาคู่สนทนาได้เลยทันที


    เป็นไงบ้างคะ สะดวกรวดเร็ว เหมาะกับนักแชทมืออาชีพอย่างพวกเราค่ะ ^^

  • การสร้างรหัสผ่านให้ไฟล์ PDF

    หลายท่านอาจจะมีไฟล์ PDF บางไฟล์ที่ค่อนข้างจะเป็นความลับ หรือไม่อยากเปิดเผยให้ใครคนอื่นทราบ เรามีวิธีการสร้างรหัสผ่านให้ไฟล์ PDF โดยที่ไม่ต้องลงโปรแกรมใด ๆ ให้เสียเวลาค่ะ เพียงทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้

    1. เข้าเว็บ https://www.ilovepdf.com/protect-pdf


    2. คลิก Select PDF

    3. เลือกไฟล์ PDF ที่ต้องการสร้างรหัสผ่าน

    4. ระบุรหัสผ่านให้เหมือนกันทั้ง 2 ช่อง จากนั้นกดปุ่ม Protect PDF

    5. ระบบจะสร้างรหัสผ่าน ให้กดปุ่ม Download protected PDFs เพื่อ Download เอกสารไปใช้งาน

    6. เมื่อ Download เรียบร้อยแล้ว ทดลองเปิดไฟล์ PDF จะพบว่า ไฟล์ของเราปรากฏให้ใส่รหัสผ่านก่อน

    7. เมื่อใส่รหัสผ่านที่เราได้ตั้งค่าไว้ ก็จะสามารถเปิดไฟล์ PDF ได้

    ลองนำไปประยุกต์ใช้กันดูนะคะ ถ้าไม่อยากให้ใคร ๆ ก็เปิดไฟล์ PDF ของคุณได้ วิธีการตั้งค่ารหัสผ่านไว้ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจค่ะ ^^

  • ลบภาพบนเอกสาร Word ทั้งหมดได้ง่าย ๆ ภายในพริบตา

    หลายท่านคงเคยมีปัญหาในการนำข้อความจาก word  อาจจะต้องนำไป Copy ไว้ที่ไหนสักที่ หรือ นำไปเขียน blog บนเว็บ แต่ไฟล์ที่เรามีอยู่ในมือ ดูแล้วมีรูปภาพเต็มไปหมด ไอ้เราก็ต้องการเฉพาะแค่ข้อความเท่านั้น ทำไงล่ะทีนี้ จะต้องมานั่งลบรูปทีละรูปอย่างนั้นเหรอ ?? เสียเวลาชะมัด เห้อ …..  แต่เดี๋ยวก่อนค่ะ มันไม่เสียเวลาขนาดนั้น มันก็มีวิธีอยู่นะคะ ที่เราจะไม่ต้องมานั่งคลิกลบทีละรูป เอาล่ะมาดูวิธีกันดีกว่า

    1. เปิดไฟล์ที่เราต้องการลบรูปทั้งหมดขึ้นมา จะเห็นว่าในไฟล์มีรูปภาพหลายรูปเลยล่ะค่ะ


    2. คลิกที่ปุ่ม Replace


    3. ในช่อง Find What  ให้พิมพ์ ^g   ส่วนตรง Replace With ไม่ต้องกรอกอะไรลงไปค่ะ ปล่อยว่างไว้เลย  จากนั้นให้กดปุ่ม Replace All


    4. ปรากฏข้อความแจ้งดำเนินการเสร็จสิ้น กดปุ่ม OK เพื่อปิดข้อความ


    5. กดปุ่ม Close เพื่อปิดหน้าจอการ Replace


    6. จะเห็นว่ารูปทั้งหมดหายวับไปกับตา เหลือเพียงแค่ข้อความที่เราต้องการ


    เป็นไงคะ ไม่ยากเลยใช่ไหม จากที่ต้องคอยลบทีละรูป คราวนี้ใช้เวลาแค่ไม่ถึงนาทีก็ลบรูปได้ทั้งหมดเลย  ^^

  • วิธี Zoom icon บน iPhone

    เวลาที่เราจะต้องการ Capture เพื่อทำคู่มือ หรือ ต้องการส่งหน้าจอให้ผู้อื่นดูว่าใช้ Icon ไหนในการเข้าใช้งาน เราสามารถ Capture หน้าจอพร้อมทั้ง Zoom Icon ให้ผู้ใช้เห็นกันชัดๆ อีกด้วย โดยมีขั้นตอนดังนี้ค่ะ

    1. Capture หน้าจอ โดยกดปุ่ม Home พร้อมกับปุ่ม Power จะเข้าหน้าจอของการแก้ไขภาพ  เลือกเครื่องหมาย + กด แล้วเลือก Magnifier


    2. ปรากฏแว่นขยาย ให้เลือกเลื่อนไปยัง Icon ที่เราต้องการ Zoom แล้วปรับขนาดได้ตามต้องการ

    3. จะได้หน้าจอผลลัพธ์ที่เราได้ Zoom ไว้

    ซึ่งวิธีนี้เรายังสามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อ Zoom ข้อความหรือเมนูต่างๆ ได้ตามที่เราต้องการค่ะ ลองดูนะคะบางทีส่งรูปไปคนรับก็อาจจะหาเมนูหรือข้อความไม่เจอ นอกจากใช้วิธีขีดเส้นแบบวงกลมเอาตามที่เราเคย ๆ ใช้กันแล้ว วิธีนี้ก็เป็นอีกวิธี แถมยังดูมืออาชีพด้วยค่ะ

  • การนับจำนวนข้อมูลโดยใช้ Pivot Table

    ตามปกติหากเราต้องการนับจำนวนข้อมูลที่ซ้ำๆ กัน ว่ามีจำนวนเท่าไหร่ใน Excel หลาย ๆคนคงใช้ฟังก์ชัน COUNTIF ในการนับจำนวนกัน แต่วันนี้มีอีกวิธีที่จะมานำเสนอนั้นคือการใช้ Pivot Table ในการนับจำนวน ซึ่งใช้งานง่ายและไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิดค่ะ ลองมาดูวิธีกันเลยนะคะ

    1. ใน excel ที่เรามีข้อมูลซ้ำ ๆ กันหน้าตาแบบนี้

    2. ไปที่เมนู Insert เลือก Pivot Table

    3. ปรากฏหน้าจอ Create PivotTable เพื่อให้เลือกกลุ่มของข้อมูลที่ต้องการนับจำนวน ให้เลือกคอลัมน์ที่ต้องการนับจำนวน  แล้วกดปุ่ม OK  ดังรูป

    4. ปรากฏหน้าจอการทำงานของ Pivot Table ให้เลือกลากข้อมูลชื่อ-สกุล มาไว้ในช่อง  Rows และ Values สังเกตุว่าในช่อง Values ใน Excel จะใช้ฟังก์ชัน Count ให้เราโดยอัตโนมัติ ดังรูป

    5. แสดงข้อมูลผลลัพธ์ของการนับจำนวนโดยใช้ Pivot Table ดังรูป

             

    เป็นไงบ้างคะ ยังไงก็ลองดูเอาไว้เป็นทางเลือกนะคะ เพราะบางคนอาจจะไม่ถนัดในการใช้สูตร คิดว่าวิธีนี้ก็น่าจะเป็นอีกวิธีที่น่าสนในค่ะ ^^

  • การตั้งค่า iPhone ไม่ให้ App ติดตามเก็บข้อมูลส่วนตัว

    สวัสดีค่ะ หลายท่านคงเคยเจอปัญหามีเบอร์แปลกๆ  โทรเข้ามานำเสนอสินค้า ขายประกัน หรือมี SMS โฆษณาเข้ามาทั้งที่เราไม่ได้เคยใช้บริการเหล่านี้ บางท่านอาจจะใช้ App ในการแสดงข้อมูลเพื่อที่จะปฏิเสธการรับสาย แต่เราก็สามารถจัดการตั้งแต่ต้นทางได้นะคะ ไม่ให้พวก App ที่อยู่ในมือถือของเราสามารถนำข้อมูลส่วนตัวของเราไปใช้ประโยชน์ได้  แต่ก่อนจะใช้งาน Feature นี้ ให้ตรวจสอบก่อนนะคะ ว่า ได้ Update iOS เป็นเวอร์ชัน 14.5 แล้วหรือยัง ถ้า  Update แล้วอย่ารอช้าค่ะ เราไปดูวิธีกันเลย

    1. เข้าไปในส่วนของ Settings

    2. เลือก Privacy

    3. Tracking


    4. จะปรากฏ App ที่ติดตามเราอยู่ ซึ่ง App พวกนี้แหละค่ะ ที่สามารถเก็บข้อมูลเราได้ หากเราไม่ต้องการให้ app ไหนติดตามเราก็เลือกที่จะปิด App นั้น แต่หากไม่ต้องการให้ติดตามทั้งหมดก็กดปิดในครั้งเดียวได้เลยที่ Allow Apps to Request to Track

    5. จากนั้นให้เลือก Ask Apps to Stop Tracking เพื่อบอกให้ Apps หยุดติดตาม

    6. Apps ทั้งหมดก็จะถูกปิดทั้งหมดเพื่อไม่ให้ติดตามได้อีก

    เท่านี้ก็เรียบร้อยค่ะ ลองไปทำตามกันดูนะคะ อย่าลืมว่าต้อง Update iOS เป็นเวอร์ชัน 14.5 ก่อนนะจ๊ะ