การเติมข้อมูล PDF Fill Form ผ่านโปรแกรมด้วย iTextSharp

เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาผมได้เข้าร่วมในโครงการที่ต้องพัฒนาโปรแกรมที่มีการกรอกข้อมูลลงฟอร์ม และต้องการให้พิมพ์ข้อมูลต่างๆเป็น PDF จึงได้มีโอกาสศึกษาการใช้ PDF Fill Form และ iText Sharp Library เพื่อนำมาใช้ในการพัฒนา ผมจึงคิดว่าน่าจะเอาสิ่งที่ได้ศึกษามาเล่าสู่กันฟัง เผื่อมีท่านใดสนใจจะนำไปใช้ครับ เริ่มต้นทำสร้าง PDF Fill Form โดยทั่วไปเราจะใช้งาน Pdf File เพื่ออ่านกันเป็นส่วนใหญ่ แต่จริงๆแล้ว PDF นั้นสามารถจะสร้าง form สำหรับใช้กรอกข้อมูลลงบนตัวเอกสารได้ด้วยครับ โดยมีวิธีการดังนี้ 1.นำเอกสารแบบฟอร์ม ซึ่งเป็นไฟล์ word มาทำการสั่ง export  เป็นไฟล์ PDF หรือถ้ามีไฟล์ PDF ที่เป็นแบบฟอร์มอยู่แล้วก็สามารถนำมาใช้ได้เลย โดยทำตามภาพนะครับ 2.นำไฟล์ PDF ที่ได้มา เปิดด้วยโปรแกรม Adobe Acrobat Pro 3.คลิก Tools เพื่อทำการ edit โดยโปรแกรมจะถามว่าต้องการให้โปรแกรมสร้าง field อัตโนมัติให้หรือไม่ ถ้าตอบตกลงโปรแกรมจะสร้าง field ข้อมูลให้ในพื้นที่เอกสารที่คาดว่าจะเป็นช่องว่างสำหรับกรอกข้อมูลให้ 4.ทำการแก้ไขชื่อ field ข้อมูลให้เป็นชื่อที่เราต้องการ โดยคลิกเมาส์ขวาที่กล่อง field และเลือกเมนู property จะมี Popup ให้แก้ไขรายละเอียดต่างๆของ field 5.หากต้องการเพิ่ม field ใหม่ เราสามารถเพิ่ม รูปแบบ field หลายแบบ เช่น – Text Box เป็น Field ที่ใช้เก็บข้อความต่างๆ – Check Box เป็น Field ที่ใช้เก็บค่าในการเลือกข้อมูลในฟอร์มแบบช่องสี่เหลี่ยม – Radio Box เป็น Field ที่ใช้เก็บค่าในการเลือกข้อมูลในฟอร์มเช่นกัน แต่จะแตกต่างกับ Check Box ที่เป็นวงกลม และจะเลือกค่าได้เพียงค่าเดียวในกลุ่มข้อมูลชุดเดียวกัน เช่น การกรอกข้อมูลเพศ ที่จะเลือกได้เพียงแค่เพศเดียว 6.เมื่อสร้าง field จนครบถ้วนก็ทำการบันทึกไฟล์ คลิกเลือกไปที่เมนู File -> Save เพียงเท่านี้ก็จะได้ไฟล์ PDF ที่เป็นแบบฟอร์มส่งไปให้ผู้ใช้กรอกข้อมูล และบันทึกส่งเป็นไฟล์ PDF กลับมา   ตัวอย่างการใช้ iText Sharp บน C# เติมค่าลงใน PDF Fill Form เพียงเท่านี้เราก็สามารถจะสามารถส่งข้อมูลจากโปรแกรมของเราไปกรอกในไฟล์ PDF ที่เราได้สร้างเป็น template ได้ พร้อมให้ user นำข้อมูลไปใช้ได้ทันทีครับ อ้างอิงข้อมูล http://techvalleyprojects.blogspot.com/2011/08/fill-pdf-forms-in-c-with-itextsharp.html

Read More »

Resource Governor แนวคิดการจัดการทรัพยากรใน SQL Server 2014

      Resource Governor เป็นแนวคิดใน SQL Server ซึ่งมีมาให้ใช้ตั้งแต่ SQL Server 2008 โดยมีความสามารถในการจัดการ CPU และ Memory ให้พอเหมาะกับการใช้งานของแต่ละฐานข้อมูลได้ แต่ใน SQL Server 2014 ได้มีเพิ่มเติมการจัดการ I/O เพิ่มเข้ามาทำให้ผู้ดูแลสามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้       หากจะว่าไปแล้วในการ Tuning ฐานข้อมูลนั้นส่วนใหญ่จะเน้นการทำงานไปที่ CPU และ Memory เป็นส่วนใหญ่ แต่อีกสิ่งหนึ่งที่สามารถปรับแต่งให้ประสิทธิภาพในการทำงานของฐานข้อมูลดีขึ้นได้ ก็คือ I/O นี่เอง ซึ่งทำให้ SQL Server 2014 มีคุณสมบัติในการจัดการทรัพยากรที่หลากหลายและครบถ้วนมากขึ้น ในการจัดการ Resource Governor นั้น มีสิ่งสำคัญที่เราควรรู้ 3 สิ่ง ดังนี้ Resource Pool หลังจากมีการติดตั้ง SQL Server เสร็จสิ้น ระบบจะสร้าง Resource Pool ตั้งต้นขึ้น 2 ตัว คือ internal และ default ไว้คอยสนับสนุนทรัพยากรที่ผู้ใช้กำหนด ซึ่งผู้ดูแลสามารถสร้าง Resource Pool ขึ้นมาใหม่ได้ Workload Group จะมีความสัมพันธ์กับ Resource pool กลุ่มภาระงานแต่ละกลุ่มจะถูกกำหนด Resource Pool ให้ใช้งานได้ Classification คือ การจำแนกประเภทการร้องขอที่เข้ามาในระบบให้อยู่ใน Workload Group ที่ได้กำหนดไว้ และเหมาะสมตามการใช้งาน โดยสรุปการทำงานตามแผนผัง ดังนี้       จากแผนผังจะเห็นว่ามีการจำแนกการติดต่อที่ส่งเข้ามาโดยผ่านเงื่อนไขที่ถูกสร้างไว้ภายใน Classification Function ให้เข้าไปยัง Workload Group ที่กำหนดไว้ ซึ่งในแต่ละ Workload Group ก็จะมี Pool ที่จำกัดทรัพยากรไว้เรียบร้อยแล้ว หากเรารู้ว่าการทำงานของกลุ่มไหนมีความต้องการมากกว่าก็สามารถแบ่งทรัพยากรไปให้ใช้งานได้มากกว่า โดยไม่ต้องเสียทรัพยากรไปกับกลุ่มการทำงานที่มีความสำคัญน้อยกว่า ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มมากขึ้น   ตัวอย่างการจัดการทรัพยากรใน Resource Pool USE master; GO CREATE RESOURCE POOL TestFixIOPool WITH ( MAX_IOPS_PER_VOLUME = 30, MIN_IOPS_PER_VOLUME = 1 — MIN_CPU_PERCENT=0, — MAX_CPU_PERCENT=30, — MIN_MEMORY_PERCENT=0, — MAX_MEMORY_PERCENT=30 ); GO   อ้างอิง : https://technet.microsoft.com/en-us/library/bb934084%28v=sql.105%29.aspx

Read More »