การติดตั้งโปรแกรม ArcGIS 10.4 for Desktop (Trial)

ArcGIS for Desktop เป็นซอฟต์แวรด้าน GIS สำหรับการสร้าง แก้ไข วิเคราะห์ จัดเก็บ และแบ่งปันข้อมูลร่วมกัน ช่วยใช้ในการตัดสินใจ เพื่อประหยัดงบประมาณ เวลา และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน สามารถแสดงผลได้ทั้งแบบ 2 มิติ และ 3 มิติ ในการติดตั้งนี้จะเป็นแบบ Trial version ซึ่งจะมีอายุการใช้งานได้ 60 วัน หลังจากนั้นก็จะไม่สามารถเปิดโปรแกรมได้ * สามารถติดตั้งได้ทั้งคอมพิวเตอร์ PC และ Notebook * การสมัครเพื่อขอรับรหัส EVA จะได้เพียง 1 account ต่อ 1 email ต่อการใช้งาน 60 วัน ความต้องการของระบบขั้นต่ำ ระบบปฏิบัติการ windows 64 bit CPU Minimum: Hyperthreaded dual core* Recommended: Quad core* RAM Minimum: 4 GB Recommended: 8 GB Optimal: 16 GB VGA 24-bit color Minimum: DirectX 9 (OpenGL 2.0)—compatible card with 512 MB RAM** Recommended: DirectX 11 (OpenGL 3.2)—compatible card with 2 GB RAM** Optimal: DirectX 11 (OpenGL 4.4)—compatible card with 4 GB RAM** Visualization cache up to 32 GB of space Disk space Minimum: 4 GB Recommended: 6 GB or higher Software Microsoft .NET Framework 4.5.1 Internet Explorer 11 การติดตั้งโปรแกรม ArcGIS เปิดหน้าเว็บไซต์ http://www.esri.com/software/arcgis/arcgis-for-desktop/free-trial กรอกข้อมูล > คลิกปุ่ม Start Trial เพื่อดาวน์โหลดโปรแกรม ระบบส่งอีเมล์ของผู้สมัคร ให้เช็คอีเมล์แล้วทำการ Active เพื่อ set password ในการเข้าสู่ระบบ ArcGIS Online เมื่อเช็คอีเมล์จะพบเมล์ใหม่ subject: Esri – Activate Your Free ArcGIS Trial ให้คลิกที่ลิงค์ เพื่อทำการ Active บัญชีผู้ใช้ เมื่อคลิก Active ลิงค์ในเมล์แล้ว จะเปิดหน้าต่างเว็บขึ้นมาเพื่อให้กรอกข้อมูลสำหรับการสร้างบัญชีผู้ใช้ คลิกปุ่ม บันทึกและดำเนินการต่อ เสร็จสิ้นขั้นตอนการลงทะเบียน > คลิกปุ่ม ใช้แอพ เข้าสู่หน้าเว็บสำหรับการดาวน์โหลดไฟล์โปรแกรม ให้คลิกดาวน์โหลด ArcMap และ ทำการ copy หมายเลขแสดงสิทธิ์การอนุญาตใช้งาน ArcMap เก็บไว้ รอการดาวน์โหลดไฟล์ ดับเบิ้ลคลิกที่ไฟล์ ArcGIS_Desktop_104_exe เพื่อติดตั้งโปรแกรม คลิกปุ่ม Next คลิกปุ่ม Close และทำเครื่องหมายเลือก Launch the setup program เพื่อเริ่มติดตั้ง คลิกปุ่ม Next เลือก I accept the license agreement แล้วคลิกปุ่ม

Read More »

การนำเข้า Web Map Services บน Google Earth

จากคราวที่แล้วพูดถึงเรื่อง การสร้างเว็บแผนที่จุดความร้อน(Hotspot) โดยใช้ WMS บน ArcGIS Server ไปแล้วนะคับ วันนี้เลยว่าจะมาพูดถึงเรื่อง การนำเข้า WMS บน Google Earth กันบ้าง เพราะปัจจุบันนี้ กระแส Web Map Service (WMS) กำลังมาแรงทีเดียวเชียว ซึ่งจะเห็นได้จากหลายๆหน่วยงานของรัฐที่จะมีการเผยแพร่ลิงค์ WMS ให้ผู้ใช้สามารถนำไปใช้ต่อยอดกับงานด้าน GIS ได้ อีกทั้งยังเป็นการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์และเป็นปัจจุบันทันเหตุการณ์ เข้ากับยุคข้อมูลข่าวสารไร้พรหมแดนไร้ขอบเขตกันอีกด้วยนะครับ   WMS ย่อมาจาก Web Map Service ถ้าจะให้อธิบายให้เข้าใจกันง่ายๆ ก็คือ การนำลิงค์ที่เว็บหรือหน่วยงานอื่นๆได้เผยแพร่ข้อมูลภูมิสารสนเทศ(GIS)ให้เรานำมาใช้นำเข้าชั้นข้อมูล เพื่อที่เราจะได้นำไปประยุกต์ใช้ในงานด้าน GIS หรือเผยแพร่เป็นแผนที่ออนไลน์ ยกตัวอย่างเช่น เรานำ WMS จุดความร้อน(hotspot) ของ NASA มาจัดทำเป็นแผนที่ออนไลน์แสดงจุดความร้อน (โดยมีรายละเอียดในการทำเพิ่มเติมนิดหน่อย) แล้วมาแปะไว้ที่หน้าเว็บของเรา เป็นต้น ตัวอย่าง แผนที่แสดงจุดความร้อนทั่วโลก 2559 (updated every hour)   ตัวอย่างหน่วยงานที่เผยแพร่ WMS ระบบภูมิสารสนเทศสถิติ โดยสำนักภูมิสารสนเทศสถิติ สำนักงานสถิติแห่งชาติ ระบบภูมิสารสนเทศสถิติ โดยศูนย์สารสนเทศยุทธศาสตร์ภาครัฐ สำนักงานสถิติแห่งชาติ Fire Information for Resource Management System โดย Firms Group of NASA โครงการการพัฒนาฐานข้อมูลสารสนเทศภูมิศาสตร์ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา โดย สถานวิจัยสารสนเทศภูมิศาสตร์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะการจัดการสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  ***อันนี้เป็นระบบ UTM ซึ่งผู้พัฒนากำลังจะทำการแปลงเป็นระบบ Lat-Long เพิ่มอีก 1 ชุด   *** ข้อดีของ WMS (Web Map Service) คือ จะเป็นการเชื่อต่อข้อมูลจากต้นทางมายังเว็บไซต์เรา โดยหากต้นทางมีการ update ข้อมูล ก็จะทำให้แผนที่ของเรา update ไปด้วยแบบอัตโนมัติ *** ข้อเสีย คือ หากเว็บต้นทางล่ม หรือยกเลิกการใช้งาน เว็บเราก็จะล่มไปด้วย (ไม่มีการแสดงผลทางหน้าเว็บ)   โดยมีขั้นตอนดังนี้ 1. เข้าไปที่เว็บไซต์ https://firms.modaps.eosdis.nasa.gov/web-services/ 2. คลิกขวาที่ลิงค์ MODIS 1km > Copy link address 3. เปิดโปรแกรม Google Earth 4. เพิ่มเลเยอร์ ภาพซ้อนทับ โดยสามารถเพิ่มด้วยการ คลิกไอคอนบน Tools bar หรือ คลิกขวาที่สถานที่ชั่วคราว > เพิ่ม > ภาพซ้อนทับ หรือ คลิกที่เมนู เพิ่ม > ภาพซ้อนทับ ก็ได้เช่นกัน 5. แท็บ รีเฟรช > คลิกปุ่ม พารามิเตอร์ WMS 6. คลิกปุ่ม เพิ่ม… > วางลิงค์ที่คัดลอกมาจากเว็บ NASA จากข้อ 2 > คลิกปุ่ม ตกลง 7. เลเยอร์โปร่งใส จะแสดงรายการ ให้เลือกชั้นข้อมูลที่ต้องการ แล้วคลิกปุ่ม เพิ่ม -> 8. รายการที่เลือกจะแสดงในส่วนของเลเยอร์ที่เลือก จากนั้นคลิกปุ่ม ตกลง 9. ใส่ชื่อชั้นข้อมูล > คลิกปุ่ม ตกลง 10. จะแสดงข้อมูล Google Earth ตามรูป *** ทางตอนกลาง ตอนบน และอีสานของไทยเรา มีความหนาแน่นของจุดความร้อนมากๆเลยนะคับ #ภัยแล้ง จากรูปจะเห็นได้ถึงการกระจายตัวหรือจุดความร้อนที่มีอยู่ทั่วโลก ซึ่งสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์ในด้านต่างๆ ต่อไป อาทิเช่น ภัยแล้ง จุดเสี่ยงการเกิดไฟป่า เป็นต้น ___จะเห็นได้ว่า การเผยแพร่ข้อมูลต่างๆที่เป็นประโยชน์จะช่วยให้สามารถนำข้อมูลนั้นมากช่วยในการคิดและวิเคราะห์ ต่อยอดงานวิจัยต่างๆ ได้อย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น

Read More »

การสร้างเว็บแผนที่จุดความร้อน(Hotspot) โดยใช้ WMS บน ArcGIS Server

จากกระแสไฟไหม้พื้นที่ทางการเกษตรทางภาคเหนือของไทย ซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลในการเตรียมพื้นดินสำหรับการเพาะปลูกทั้งของประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้เกิดวิกฤตหมอกควันไฟครอบคลุมพื้นที่ทางภาคเหนือของประเทศ ทำให้เกิดฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยสามารถติดตามสถานการณ์ค่าฝุ่นละอองได้ที่เว็บไซต์กรมควบคุมมลพิษ ผู้เขียนจึงได้จัดทำแผนที่ออนไลน์แสดงจุดความร้อน (Hotspot) แบบ Real Time (มีการอัพเดทข้อมูลจุดความร้อนทุกๆชั่วโมง) โดยใช้การนำเข้าข้อมูล WMS (Web Map Service) จากเว็บไซต์ NASA มาดูวิธีการสร้างเว็บแผนที่(Web Map Application) ด้วยการนำเข้า WMS บน ArcGIS Server 10 กันนะคับ ขั้นตอนหลักๆ จะมี 3 ส่วนคือ การสร้างไฟล์นำเข้า WMS ด้วยโปรแกรม ArcGIS Desktop การสร้าง Services บน ArcGIS Server การสร้าง Web Map Application บน ArcGIS Server โดยมีขั้นตอนดังนี้ เข้าไปที่เว็บไซต์ https://firms.modaps.eosdis.nasa.gov/web-services/ คลิกขวาที่ลิงค์ MODIS 1km > Copy link address 3. เปิดโปรแกรม ArcGIS Desktop > เปิด Catalog > คลิก GIS Server > Add WMS Server 4. วางลิงค์ที่ได้จากเว็บ ที่ช่อง URL แล้วคลิกปุ่ม Get Layer http://firms.modaps.eosdis.nasa.gov/wms/c6/?SERVICE=WMS&VERSION=1.1.1&REQUEST=GetMap&LAYERS=fires24&width=1024&height=512&BBOX=-180,-90,180,90&&SRS=EPSG:4326 5. จะปรากฏชั้นข้อมูล > คลิกปุ่ม OK 6. Catalog จะแสดง WMS จากนั้นลากข้อมูลวางไว้ตรงพื้นที่งาน 7. แสดงจุดความร้อน โดยมีชั้นข้อมูลแบบ 24 ชม. และ 48 ชม. 8. เปลี่ยนชื่อชั้นข้อมูล เพื่อเข้าใจง่ายต่อการแสดงผ่านเว็บ 9. เพิ่มข้อความในแผนที่เพื่อให้เครดิตเจ้าของข้อมูล โดยคลิกที่เมนู Insert > Text 10. พิมพ์ Power by Firms Group of NASA แล้วปรับแต่งขนาดและตำแหน่งของข้อความ 11. จากนั้นทำการ Save ไฟล์ชื่อ hotspot2016.mxd 12. ต่อไปเป็นขั้นตอนการสร้าง web map application โดยเปิด ArcGIS Server Manager 13. ทำการสร้าง Services โดยคลิกที่ Services > Manager Services > Publish a GIS Resource 14. แท็บ General ใส่ชื่อ service ตรงช่อง Name :  ในที่นี้ใช้ชื่อ hotspot2016 15. แท็บ Parameters ตรง Map Document: ให้คลิกเลือกไฟล์ที่ได้จัดทำไว้ก่อนหน้านี้ในโปรแกรม ArcGIS ในที่นี้ไฟล์ชื่อ hotspot2016.mxd 16. แท็บ Capabilities กำหนดค่าตาม default 17. แท็บ Pooling ปรับตัวเลขให้เป็น 10 ตรงช่อง Maximum number of instances > คลิกปุ่ม Save and Restart 18. เมื่อได้สร้าง Services แล้ว ต่อไปทำการสร้างเว็บ ด้วยการคลิกที่ Applications > Create Web Application 19. ตั้งชื่อเว็บเป็น Fire ซึ่งจะเป็นชื่อเว็บสำหรับการเผยแพร่ 20. แท็บ Layer เพื่อเลือก Services ที่ได้สร้างไว้ก่อนหน้านี้ คือ hotspot2016 > คลิกปุ่ม Add 21. เพิ่ม Layer แผนที่ฐาน (Basemap)

Read More »

การ Save ภาพแผนที่จาก Google Earth เป็นภาพละเอียดคุณภาพสูง

วันนี้มาแบบ clip vdo เนื่องด้วยเวลาอันจำกัดในการนำเสนอ ไม่อยากจะพูดเลยว่า “งานยุ่งมากกกกกกกกกกกกกกกกกก” แต่ก็ไม่อยากดองความรู้นี้ไว้ 555+ ….. จริงแล้ว Google Earth Pro สามารถ save ภาพแผนที่ขนาดความละเอียดสูงได้ แต่ด้วยโปรแกรม Google Satellite Maps Downloader นี้ จะสามารถเลือก save พื้นที่ขนาด(area)ที่กว้างขึ้นได้ โดยจะได้ภาพที่มีความละเอียดสูงเช่นกัน เหมาะสำหรับนัก GIS ที่จะนำภาพนี้ไปใช้งานต่อ โดยการทำ GCP (Ground Control Point / การฝังค่าพิกัดในแผนที่) เพื่อใช้ในการแปลภาพถ่ายหรืองานอื่นๆ ต่อไป *** สามารถนำไฟล์นี้ไปสั่งพิมพ์โปสเตอร์ความละเอียดสูงขนาดใหญ่ ได้ตามร้านพิมพ์ไวนิลหรือโปสเตอร์ก็ได้เช่นกันนะคับ ไฟล์ที่ได้จากการ save ภาพแผนที่ด้วยโปรแกรมนี้ คลิกที่นี่ (49.8MB) หากมีโอกาส จะนำเสนอการทำ GCP จากภาพที่ได้จากการ save นี้ ด้วยโปรแกรม QGIS นะคับ ** โปรแกรมสามารถหา download ได้จากการค้นหาใน Google นะคับ “Google Satellite Maps Downloader”

Read More »

การวัดระยะทางบน Google Earth

จากบทความที่แล้ว การทำแผนที่ Buffer 300 เมตร สถานที่หรือบริเวณห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รอบ มอ. ทำให้สามารถมองเห็นภาพพื้นที่ห้ามฯ ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น แต่ยังคงมีหลายๆท่านอยากรู้ว่าร้านนี้ ร้านนั้น จะอยู่ในเขตโซนนิ่งหรือเปล่า? วันนี้เลยมานำเสนอวิธีง่ายๆ ในการตรวจสอบด้วยตัวเอง ด้วยการวัดระยะทางจากสถานศึกษา ไปยังร้านที่เราสงสัยว่าจะอยู่ในข่ายโซนนิ่งหรือไม่? ขั้นตอน เปิดโปรแกรม Google Earth ถ้ายังไม่ได้ติดตั้งคลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลดโปรแกรม จากประกาศสำนักนายกฯ ในข้อ 1 ห้ามผู้ใดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่หรือบริเวณซึ่งอยู่ในระยะ 300 เมตร จากรั้วหรือแนวเขตของสถานศึกษาระดับอาชีวศึกษาหรือสถาบันอุดมศึกษาทั้งของรัฐและเอกชน ฉะนั้นเราต้องสร้างขอบเขตสถานศึกษาก่อน (ขั้นตอนนี้สามารถข้ามได้) คลิกไอคอน เพิ่มรูปหลายเหลี่ยม > คลิกลงบนแผนที่ที่เป็นขอบเขตสถานที่ > กำหนดให้พื้นที่เป็นแบบโปร่งแสง เพื่อแสดงเฉพาะเส้นขอบเขต > คลิก ตกลง จากนั้นจะเริ่มทำการวัดระยะทาง โดยคลิกที่ไอคอนไม้บรรทัด > กำหนดหน่วยระยะทางเป็น เมตร คลิก 1 ครั้งที่จุดเริ่มต้นบริเวณแนวเขตสถานศึกษา > คลิก 1 ครั้งที่จุดปลายทางสถานบันเทิงที่ต้องการตรวจสอบ จะเห็นว่า pop-up แสดงระยะทาง หากต้องการไปตรวจสอบจุดต่อไป ให้คลิกปุ่ม ล้าง เพื่อลบเส้นระยะทางที่ได้ทำไว้เมื่อสักครู่นี้ (เสริม) หากต้องการวัดระยะทางโดยการใช้เส้นที่ประกอบด้วยจุดที่มากกว่า 2 จุด ให้ใช้แท็บ เส้นทาง ซึ่งลักษณะการวัดระยะทางจะเหมือนกับข้อ 5 หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับทุกท่านในการนำไปประยุกต์ใช้ในงานด้านต่างๆ นะคับ ^^

Read More »