Author: napass.k

  • การเก็บพิกัด GPS ด้วย Android device

    เป็นแอพสาหรับการออกพื้นที่ภาคสนามเพื่อเก็บพิกัด สามารถใช้ GPS ได้โดยไม่ต้องต่อเน็ต แต่หากจะ share to Maps ต้องอาศัยอินเตอร์เน็ตครับ ชื่อแอพ GPS Status & Toolbox ที่ใช้ฟรี บน Android device เลยคิดว่านำมาแชร์ สำหรับใครที่ต้องการเก็บพิกัด GPS แบบง่ายๆ เพื่อนำมาใช้งานต่อในด้านอื่นๆต่อไป

    เกริ่นก่อนนิดนึงว่า ปกติแล้วนักภูมิสารสนเทศ หรือผู้ที่ทำงานด้านภูมิสารสนเทศ จะใช้เครื่อง GPS ที่เฉพาะเหมาะกับงาน ซึ่งมีหลายรุ่น หลายยี่ห้อ ทั้งแบบธรรมดาและแบบถ่ายรูปพร้อมฝังพิกัดได้ด้วย ก็มีราคาที่แตกต่างกันไปตามรุ่นและฟังก์ชั่น ดูเพิ่มเติม
    10927839_760991123990934_745730649596261186_o

    มาเริ่มต้นใช้งานคร่าวๆ กันเลยดีกว่าคับ

    1. เข้า Play Store บน Android ของท่าน > ค้นหา GPS Status & Toolbox > คลิก install
    01

    2. เมื่อติดตั้งและเปิดแอพแล้วจะมีหน้าตาแบบนี้
    02

    3. ก่อนใช้แอพ ต้องเปิด GPS ทุกครั้ง
    03

    4. เปิดแอพขึ้นมาแล้ว สังเกตว่าระบบจะ loading location เพราะต้องรอให้จับสัญญาณดาวเทียมได้ก่อน *** ส่วนกลมๆที่เห็นเป็นจุดๆ จะแสดงการจับสัญญาณดาวเทียมได้กี่ดวง ความเข้มของสัญญาณแค่ไหน (ยิ่งเยอะดวงก็ยิ่งแม่นยำในการระบุพิกัดมากยิ่งขึ้น)
    04

    5. การตั้งค่าต่างๆ ที่จำเป็นของแอพ ไปที่ menu > setting
    05

    6. Distance ตั้งค่าหน่วยระยะทาง ใช้เป็น เมตร, กิโลเมตร
    06

    7. Speed จะปรับค่าตามการเดินหรือเวลาที่เรานั่งอยู่ในรถ หน่วยเป็น กิโลเมตรต่อชั่วโมง
    07

    8. Select format จะให้แสดงค่าเป็น Latitude, Longitude หรือตั้งค่าเป็น UTM เพื่อเอาไปใช้ในโปรแกรม ArcGIS ก็ได้
    08

    9. กลับมาที่หน้าจอหลัก จะแสดงค่าต่างๆ ตามที่ตั้งค่าไว้
    09

    10. ทำการเก็บค่าพิกัด lat, long โดยการแชร์ ให้เปิด menu > share
    10

    11. เลือก share ตามที่มือถือเราลงแอพไว้ หรือเลือกส่งออกไปยัง Maps ได้เลย (ในหน้าจอไม่เห็นเพราะอยู่ด้านล่างสุด)
    11

    12. สามารถ share พิกัด to email ได้ ซึ่งลิงค์ที่ได้ สามารถเปิดที่เว็บบราวเซอร์ได้เลย โดยจะเป็น Google Map
    12

    13. โหมด Radar มีคาสั่ง Mark Location ด้วย และยังสามารถ save target (ค่าแลต-ลอง)ได้อีกด้วย
    13

    14. มีคาสั่ง Show on Map ไปยัง Google maps บนมือถือเราได้ด้วย
    14

    15. ปรับการแสดงแผนที่เป็นแบบ Satellite *** ได้ภาพที่คมชัดมาก
    15

    16. นอกจากนี้ยังสามารถวัดระยะทางได้ *** ตามตัวอย่าง วัดระยะจากถนนปากซอยไปยังจุดพิกัด จะได้ระยะทาง 45 เมตร
    16

     

    นอกจากนี้ แอพยังมีการแสดงต่างๆ อีกมากมาย อาทิเช่น ความสูง-ต่ำของพื้นที่(จากระดับน้ำทะเล) เข็มทิศ เป็นต้น ก็ลองเล่นเพิ่มเติมดูนะคับ ไม่ยาก ^^

    หมายเหตุ ความแม่นยำของการระบุค่าพิกัด ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ และพื้นที่ๆ เปิดใช้งาน (ควรอยู่ในที่โล่งแจ้ง เพื่อสะดวกในการจับสัญญาณดาวเทียม

     

  • อัพ PHP 5.2 to 5.3

    ไม่แน่ใจว่าจะเอามะพร้าวมาขายสวนหรือเปล่านะคับ แต่ก็เผื่อว่าบางท่านเจอปัญหาเดียวกันแล้วแก้ไม่ได้สักที (แบบไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมใหม่หมด)

    ด้วยตัวเองก่อนหน้านี้ติดตั้ง Apache 2.2 + PHP 5.2 + phpMyAdmin on Windows 8.1 เพื่อใช้งาน Joomla 2.5 แต่เมื่อต้องการจะติดตั้ง Joomla 3 และ Moodle ระบบกลับฟ้องว่าไม่ support PHP 5.2 จะต้องติดตั้ง PHP 5.3.10 ขึ้นไป[1] ด้วยความที่ไม่อยากติดตั้งใหม่ทั้งหมด เลยค้นหาวิธีการอัพ php 5.2 เป็น php 5.3 แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ -_-‘ หลายเว็บมีความซับซ้อนและยุ่งยากสำหรับผมมาก แต่ไปเจอมาเว็บนึง[2] ซึ่งมีวิธีการที่ง่ายมากๆ เลยอยากนำมาแชร์ให้สำหรับท่านไหนที่ประสบปัญหาเหมือนอย่างผม

    ขั้นตอนการ upgrade 

    1. เข้าเว็บ http://windows.php.net/downloads/releases/archives/  แล้วคลิกดาวน์โหลด

    php-5.3.29-Win32-VC9-x86.zip

    01

    2. เมื่อดาวน์โหลดไฟล์เสร็จแล้ว ก็ทำการ unzip

    3. เปลี่ยนชื่อโฟลเดอร์ เป็น php5

    4. copy โฟลเดอร์ php5

    5. ไปที่โฟลเดอร์ php5 เวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ที่เราเคยติดตั้งไว้ โดยให้ทำการ rename เป็น php5_old    ในที่นี้จะอยู่ที่ C:\AppServ\

    6. past โฟลเดอร์ php5 ที่ได้จากการ ข้อ 2 และ 3

    02

    7. เข้าไปที่ Control Panel > Computer Management> Service เพื่อคลิก restart service ของ Apache2.2  หรือจะคลิกขวาที่ My Computer > Manage > Service ก็ได้เหมือนกันคับ

    03

    8. ทำการทดสอบการใช้งานโดย เปิดเว็บเบราเซอร์ แล้วพิมพ์ url : localhost/phpinfo.php จะปรากฏรายละเอียดเกี่ยวกับ php 5.3.29 ที่เราได้ทำการติดตั้ง

    04

    9. เสร็จสิ้นกระบวนการ ^^

    ปล. Joomla 1.5 และ 2.5 ที่ได้เคยติดตั้งไว้ ก็ยังสามารถใช้งานได้ปกติดีคับ

    Refer :
    [1] http://www.joomla.org/technical-requirements.html
    [2] http://www.websiteadministrator.com.au/articles/install_guides/installing_php535.html

  • การติดตั้ง ArcGIS Server 10 for Windows

    ห่างหายไปนาน เพราะตอนนี้ยุ่งๆ หลายเรื่องเลยคับ ซึ่งมีหลายสิ่งในหัวสมองอันน้อยนิด อยากที่จะมาแชร์เกี่ยวสารสนเทศภูมิศาสตร์ หรือเรียกกันโดยทั่วไปว่า GIS

    คราวที่แล้วพูดถึง Map Server ที่นิยมใช้กันในปัจจุบัน 2 เจ้าใหญ่ๆ คือ ArcGIS Server และ Geoserver (จริงๆแล้วมีตัวอื่นอีกนะคับ) ซึ่งปัจจุบัน ศูนย์ภูมิภาคเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ ภาคใต้ (SouthGIST) ติดตั้งและใช้งาน ArcGIS Server 10.0 อยู่คับ โดยใช้งานภายใต้โครงการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ฐานข้อมูลภูมิศาสตร์ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา(SLB-GIS) และคาดว่าภายในปีนี้จะติดตั้ง Geoserver เพิ่มอีกตัว โดยจะให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้

    01

    การติดตั้ง ArcGIS Server 10 for Windows

    (ติดตั้งได้ทั้งบน Windows และ Linux) จะมีส่วนหลักๆ ที่จะต้องติดตั้ง คือ

    – Windows Server ตั้งแต่ 2003 ขึ้นไป *ที่ศูนย์ฯ ติดตั้ง Windows Server 2008 R2
    – Microsort SQL Server
    – IIS version 7.0 ขึ้นไป
    – ArcGIS Server 10 Enterprise
    – Microsoft .Net Framework 3.5
    – ArcGIS Server for the Microsoft .Net Framework – GIS Service
    – ArcGIS Server for the Microsoft .Net Framework – Web Applications
    – ArcSDE for SqlServer
    – ArcGIS for Desktop

    ดูเพิ่มเติมได้ที่ ArcGIS Resource

    ขั้นตอนการติดตั้ง ศึกษาได้จาก https://youtu.be/k5nL7msvPgs

    เมื่อติดตั้งเรียบร้อยแล้ว หน้าตาสำหรับ Administrator จะเป็นแบบนี้คับ

    03

    ข้อดี ของ ArcGIS Server คือ บริหารจัดการง่าย ทำงานเพียง 2 ขั้นตอน ก็ build ออกมาเป็น Web Map Application ได้เลย

    1. Create Service โดย service นี้สามารถ share service ให้อยู่ในรูปของ WMS (Web Map Service) ได้ด้วยนะคับ เพื่อนำไปใช้ input เข้าโปรแกรมด้าน GIS อาทิเช่น ArcGIS for Desktop , QGIS เป็นต้น (ถ้ามีโอกาสจะนำเสนอเรื่อง WMS นะคับ)
    2. Create Web Application โดยการ add Service ที่เราได้สร้างไว้แล้ว จากนั้น ตั้งค่าสำหรับเว็บ

    ก็จะได้ออกมาในเป็นหน้าเว็บแมพ (Web Map Application)

    02

    ข้อด้อย ของ ArcGIS Server คือ ค่า license ที่มีราคาเป็นหลักแสนบาท ซึ่งจะต้องซื้อ ArcGIS for Desktop (8,000฿) ด้วย

    แต่ถือว่าคุ้มนะคับสำหรับบางหน่วยงานที่ไม่อยากพึ่งพา Programmer มากนัก เพราะไม่ต้อง config อะไร แค่ add service แล้วนำไปสร้างเป็นเว็บแมพได้เลย พูดได้ว่า คุณสามารถ build web map ได้ภายใน 5 นาที โดยที่ไม่ต้อง coding เลย (แต่หากต้องการจะปรับแก้เพิ่มเติมก็สามารถ coding เพิ่มได้นะคับ เพียงแต่ว่าอาจจะต้องไล่หาโค้ดกันหน่อย)

    คราวหน้าจะมาพูดถึงการประยุกต์ใช้ GIS กับ Google Earth นะคับ หลายคนถามมาเยอะเลยว่า เราจะสามารถนำ GIS มาซ้อนทับและนำเสนอผ่าน Google Earth ได้อย่างไร?

    ปล. ศูนย์ GIS ยินดีให้บริการและให้คำปรึกษาด้าน GIS ดังนี้

    • บริการผลิตแผนที่
    • บริการคำปรึกษาการประมวลผลข้อมูลสารสนเทศภูมิศาสตร์
    • บริการคำปรึกษา แนะนำการสั่งซื้อภาพ และการประมวลผลข้อมูลถ่ายดาวเทียม
    • บริการยืมแผนที่ เครื่องมือ อุปกรณ์ ด้านภูมิสารสนเทศ
    • รับนักศึกษาฝึกงานด้านภูมิสารสนเทศ
    • บริการฐานข้อมูลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม บริเวณ 14 จังหวัดภาคใต้ (ปี พ.ศ. 2555 ชุด L7018)

    และรวมไปถึงการขอใช้พื้นที่ web map application เพื่อการศึกษาและวิจัย ด้วยนะคับ

     

  • การใช้งาน Google Drive ภายในหน่วยงาน

    สืบเนื่องจากหน่วยงานมีการส่งต่อไฟล์ข้อมูลด้วย Flash Drive ซึ่งปัญหาที่ตามมาในทุกครั้งคือ flash drive มีไวรัส อีกทั้งเห็นว่า ตอนนี้มอ.เราตื่นตัวเรื่อง Google Apps. ผมก็เลยนำเสนอให้หน่วยงานใช้ Google Drive เพื่อการแชร์ไฟล์ที่สะดวกและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น (แว่วว่า คณะต้นสังกัดกำลังจะจัดอบรมให้เจ้าหน้าที่ทุกคนใช้ Google Drive อยู่ในเวลาอันใกล้นี้) ผมเลยทำคู่มือการใช้งานให้กับเจ้าหน้าที่ในหน่วยงาน เลยขอนำมาแชร์นะคับ ผิด-ถูกอย่างไร แนะนำได้นะคับ ^^

    มาเริ่มกันเลยดีกว่านะคับ ^^

    จะมี 4 ส่วนหลักๆ ดังนี้

    • การยืนยันตัวตนเพื่อใช้ PSU Web Mail on Google Apps
    • การ Login โดยใช้ PSU Mail on Google
    • การสร้างรายชื่อ Contacts
    • การสร้างโฟลเดอร์เพื่อแชร์

    การยืนยันตัวตนเพื่อใช้ PSU Web Mail on Google Apps

    ในส่วนนี้ทำเพียงครั้งแรกที่จะเริ่มเข้าใช้งาน Google Apps เท่านั้น ในการเข้าใช้งานครั้งต่อๆไป ไม่จำเป็นต้องทำขั้นตอนนี้

    1. เปิดเว็บ https://webmail.psu.ac.th > คลิก Password Setting เพื่อทำการยืนยันตัวตนในการใช้งาน Google Apps. (ทำแค่ครั้งแรกครั้งเดียว)
      01
    1. จะเป็นการยืนยันตัวตน โดยทำการใส่
      1. ใส่ข้อมูล PSU Passport
      2. ใส่รหัสผ่านของ PSU Mail โดยสามารถใช้รหัสผ่านเดิม หรือเปลี่ยนรหัสผ่านใหม่ โดยกรอกข้อมูลให้ครบทุกช่อง
      *** กรณีการตั้งรหัสผ่านใหม่ ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขในการตั้งรหัสผ่าน
      3. คลิก Change Password
      02

     Google Drive มีพื้นที่แบบไม่จำกัด (Unlimited) โดยสามารถโยนไฟล์ใหญ่ๆ ขนาด 1TB ได้สบายๆ (ไฟล์เดียวที่มีขนาด 1000 MB)
    สามารถเข้าถึง Google Drive ได้ 2 ช่องทาง คือ

    A: http://drive.google.com
    B: http://drive.psu.ac.th

    การ Login โดยใช้ PSU Mail on Google

    1. เปิดเว็บ google.co.th > คลิก ลงชื่อเข้าสู่ระบบ
      01
    1. ใส่ PSU mail และ Password > คลิก ลงชื่อเข้าใช้
      02
    2. คลิกที่ > คลิก ไดร์ฟ
      03
    1. เพื่อความสะดวกในการใช้งานในรูปแบบ Folder บนเครื่องคอมพิวเตอร์ ให้คลิก Install Drive for your PC เพื่อติดตั้งโปรแกรม Google Drive บนเครื่องคอมพิวเตอร์
      04
    2. ไอคอน Google Drive จะอยู่บนหน้า Desktop ซึ่งจะทำงานในรูปแบบ My Computer ได้ (copy, past, ลาก-วาง, drag mouse)
      16

    การสร้างรายชื่อ Contacts

    1. สร้างรายชื่อ (Contacts)
      05
    2. คลิกปุ่ม New Contact > พิมพ์ชื่อ > ใส่ email แล้ว enter
      *** เพิ่มรายชื่ออีเมลล์ที่ต้องการ
      06
    1. สร้างกรุ๊ปเพื่อความง่ายในการส่งเมลล์เป็นกลุ่ม โดยคลิกที่ New Group
      07
    1. พิมพ์ชื่อกลุ่ม > คลิกปุ่ม OK
      08
    2. เปิด My Contacts > คลิกเลือกอีเมลล์ที่ต้องการให้อยู่ในกลุ่ม SouthGIST > คลิกเมนู Group > เลือก SouthGIST > คลิก Apply
      09
    3. จะเห็นได้ว่ารายชื่อที่เลือกไว้ก่อนหน้านี้ จะอยู่ในกลุ่ม SouthGIST10

    การสร้างโฟลเดอร์เพื่อแชร์

    12. คลิก Create > คลิก Folder
    11

    13. พิมพ์ชื่อโฟลเดอร์ > คลิก Create
    12

    14. โฟลเดอร์ที่สร้างจะอยู่ใน list ของ My Drive ให้คลิกโฟลเดอร์ที่ต้องการจะแชร์ > เลือก Share > คลิก Share…
    13

    15. ตรงช่องบุคคล ให้ใส่รายชื่ออีเมลล์ที่ต้องการจะแชร์ให้คนนั้น หรือเลือก Contacts Group เพื่อแชร์แบบกลุ่ม > พิมพ์ข้อความเพื่อแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับโฟลเดอร์ที่จะแชร์ให้ผู้ใช้งานแต่ละคนทราบ > คลิกปุ่ม ส่ง
    14

    16. ใช้จะได้รับเมลล์ คำเชิญให้ทำงานร่วมกัน โดยจะแสดงโฟลเดอร์ที่เราแชร์ (SouthGIST) พร้อมกับข้อความที่แจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับโฟลเดอร์ที่แชร์
    15

     

    *** คู่มือนี้ ผมเน้นการใช้งานจริงกับหน่วยงานหน่ะคับ ผิดพลาดประการใด แจ้ง-เตือน ติ-ชม ได้คับ ^^

    อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://support.google.com/drive/?hl=en#topic=14940

    Last update : 17-12-2014 15:47

  • ทำความรู้จักกับ Web Map Application

    หลายท่านคงพอจะเคยทำหรือเคยเห็นหรือเคยศึกษาเกี่ยวกับ Google maps API มากันเยอะบ้างแล้วนะคับ ในการที่จะทำ Map ลงเว็บ เพื่อแสดงข้อมูลต่างๆ โดยการพัฒนาด้วย PHP, Java, Phytan ฯลฯ

    ด้วยปัจจุบันเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ (Geo-Informatics Technology) ได้เข้ามามีบทบาทในการนำเสนอข้อมูลที่มีความซับซ้อนของชั้นข้อมูลรวมไปถึงการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อการเผยแพร่มากยิ่งขึ้น หน่วยงานของรัฐหลายแห่งมีนโยบายในการจัดทำระบบภูมิสารสนเทศในด้านต่างๆ กันมากขึ้น เพื่อความง่ายในการเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้งาน

    ตัวอย่าง ระบบภูมิสารสนเทศทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง  ของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
    01

    จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่า จะมีชั้นข้อมูลให้เลือกดูได้หลากหลาย โดยการเลือกเปิด-ปิดชั้นข้อมูลนั้นๆ เพื่อแสดงผลแผนที่บนหน้าเว็บ

    ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ จะเรียกว่าเป็นข้อมูล GIS (Geographic Information System) คือ ข้อมูลที่ได้ผ่านการวิเคราะห์ด้วยโปรแกรมทางด้าน GIS อาทิเช่น ArcGIS, ArcInfo, QGIS, uDIg เป็นต้น แล้วนำมาอัพขึ้น Map Server เพื่อแสดงข้อมูลแผนที่ในระบบออนไลน์

    คำถาม : แล้วข้อมูล GIS เราจะหาได้จากที่ไหน?
    ตอบ : จัดทำขึ้นเองด้วยโปรแกรมด้าน GIS หรือหลายหน่วยงานจะมีให้ดาวน์โหลดฟรี หรือหากเป็นข้อมูลของภาคใต้ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ ศูนย์ภูมิภาคเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (ภาคใต้) คณะการจัดการสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

    คำถาม : เราจะนำไปประยุกต์ใช้กับอะไรได้บ้าง?
    ตอบ : ในทุกๆด้าน
    05

    ลักษณะการติดต่อกันระหว่างส่วนเครื่องแม่ข่ายและส่วนของผู้ใช้งาน02

    GIS Web App. จะเชื่อต่อผ่านระบบให้บริการข้อมูลภูมิสารสนเทศผ่านเครือข่ายที่เรียกว่า WMS (Web Mapping Service) อ่านเพิ่มที่นี่ ฉะนั้น Web Map Server จะต้องติดตั้งโปรแกรมเพื่อรองรับการให้บริการ web map service ซึ่งปัจจุบันนิยมใช้ Geoserver (Freeware) และ ArcGIS Server (License) ** จริงๆแล้วมีหลากหลายค่ายให้เลือกมากมายแต่สองตัวนี้ได้รับความนิยมค่อนข้างสูง

    04 03

    *** ในส่วนของการติดตั้งและความยากง่ายในการใช้งานของ Web Map Server ทั้งสองตัวนี้ จะมาเล่าให้ฟังคราวหน้านะครับ ^^

    สรุป
    Web Application ต่างจาก Web Map Application ตรงที่… ข้อมูลที่จะแสดงลงบนแผนที่นั้นมีความซับซ้อนของชั้นข้อมูล และรวมไปถึงข้อมูลที่ผ่านการวิเคราะห์ทางด้าน GIS แล้วนำเสนอในรูปแบบแผนที่ออนไลน์ นั่นหมายถึงระบบแม่ข่าย(Server) ก็จะต้องใช้โปรแกรมที่รองรับด้าน web map service ด้วยเช่นกัน

    ตัวอย่าง Web Map App.

  • {obsoleted!!!}{ยกเลิกแล้ว!!!} เริ่มใช้งาน @psu.ac.th on Google Apps

    ด้วยทางศูนย์คอมพิวเตอร์ มอ. ได้เล็งเห็นประโยชน์และความสะดวกในการใช้งาน Google Apps จึงได้สร้าง Account บน Google Apps for Education ซึ่งผู้ใช้งาน @psu.ac.th สามารถใช้งาน email และ GDrive ที่มีพื้นที่ 30 GB อีกทั้งตัดปัญหาเรื่องการส่งเมลล์ไม่ออก(บ้างในบางครั้ง)ไปยังภายนอกมหาวิทยาลัยอีกด้วย

    บุคคลากร และนักศึกษา @psu.ac.th สามารถเช็คเมลล์ และใช้ google app ได้ผ่านทาง Browser (เสมือนเป็นการเช็คเมลล์ด้วย webmail.psu.ac.th
    โดยมีขั้นตอนตามภาพประกอบ

    1. เข้าเว็บ www.gmail.com

    01

    2. ใส่ PSU mail และ Password แล้วคลิก Sign in

    02

    3. ใส่ PSU mail Name โดยที่ไม่ต้องใส่ @psu.ac.th
    – ใส่รหัสผ่าน
    – คลิกปุ่ม Login

    03

    4. จะเข้าสู่หน้าเว็บเมลล์ ซึ่งจะมีหน้าตาและลักษณะการทำงานเหมือน gmail

    04

    5. คลิกที่ไอคอนตามลูกศรสีแดง จะปรากฏ app ต่างๆ ที่เราสามารถใช้งานได้ โดย Google drive มีพื้นที่ 30GB (พื้นที่ 30 GB จะเป็นพื้นที่รวมทั้งหมดของ account ของเรา ซึ่งสามารถจัดแบ่งได้ว่าจะให้เป็น drive เท่าไหร่? email เท่าไหร่? เป็นต้น)

    05

     

    การทำ PSU mail forwarding

    1. login เข้า webmail.psu.ac.th > คลิกที่ Filters

    01

    2. คลิกปุ่ม Add a New Rule

    02

    3. คลิกเลือก drop down แรก เป็น All

    03

    4. ในส่วนของ Action ให้เลือก Redirect to the following email address
    – ใส่ psu mail ลงไปในช่อง โดยให้เติม g เข้าไปหลัง @ ตามภาพจะได้ @g.psu.ac.th
    – คลิกปุ่ม Add New Rule

    *** ติ๊กคำว่า Keep ไว้เวลาผ่านไปอาจจะทำให้ Mailbox ของมหาวิทยาลัยเต็มได้ ถ้าไม่ได้เข้ามาลบเลย ดังนั้น แนะนำให้หลังจากคุ้นเคยกับระบบแล้ว ให้เอา Keep ออกครับ

    04

    5. ติ๊กถูก แล้วคลิกปุ่ม Enable เพื่อเปิดใช้งาน

    05

    6. เสร็จสิ้นกระบวนการ

    *** ผิด-ถูกอย่างไร แจ้งแก้ไขได้นะคับ ^^

    refer : การทำ PSU mail forwarding จากเว็บ http://opensource.cc.psu.ac.th/RedirectEmail-SquirrelmailHowto

  • การตั้งค่า PSU Email สำหรับ Android device

    การตั้งค่า PSU Email สำหรับ Android device โดยใช้ app Email (ที่ติดตั้งมาพร้อมกับเครื่อง)

    บางท่านอาจจะเจอปัญหาว่า เช็คเมลล์เข้าได้ แต่ไม่สามารถส่งเมลล์ออกได้ ลองทำตามขั้นตอนนี้ดูนะครับ ^^

    1. ไปที่ไอคอน Email บน android
    Screenshot_2014-05-12-12-57-25

    2. ใส่ email address และ password
    Screenshot_2014-05-12-12-57-58

    3. กดปุ่ม Next

    4. รอการตรวจเช็คสักครู่
    Screenshot_2014-05-12-12-58-06

    5. เลือก IMAP account
    Screenshot_2014-05-12-12-58-11

    6. ในส่วนของ Incoming server settings

    • ให้ใส่ IMAP server ให้เป็น mail.psu.ac.th
    • Port : 143
      Screenshot_2014-05-12-12-58-56

    จากนั้น กดปุ่ม Next

    7. ในส่วนของ Outgoing server settings ให้ใส่

    • ให้ใส่ SMTP server ให้เป็น smtp2.psu.ac.th
    • Security type : TLS
    • Port : 587
      Screenshot_2014-05-12-12-59-30
      จากนั้น กดปุ่ม Next

    8. กำหนดค่า Account options หากไม่ต้องการปรับแก้ ก็ให้กดปุ่ม Next ได้เลย
    Screenshot_2014-05-12-12-59-37

    9. ทำการระบุ account a name และ display name หรือหากไม่ต้องการปรับเปลี่ยน ก็ให้กดปุ่ม Done เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการตั้งค่า
    Screenshot_2014-05-12-12-59-48

     

    *** การตั้งค่าบน android นี้ จะเหมือนกับการตั้งค่าที่ Outlook Express เพียงแต่ว่าจะต่างกันตรงที่ จะต้องกำหนดค่า Security type  เป็น TLS
    refer : วิธีตั้งค่า PSU Email สำหรับ Outlook Express