
ตรวจเช็คพื้นที่และเฝ้าระวังน้ำท่วมด้วย Google Earth
#ฝนตกต่อเนื่อง ตรวจเช็คพื้นที่และเฝ้าระวังน้ำท่วมด้วย Google Earth มาดูวิธีการเฝ้าระวังพื้นที่บ้านเรา จะเสี่ยงน้ำท่วมไหม? และต้องเฝ้าระวังพื้นที่รอบๆด้วยนะคับ #GoogleEarth #GIS #เฝ้าระวังน้ำท่วม
#ฝนตกต่อเนื่อง ตรวจเช็คพื้นที่และเฝ้าระวังน้ำท่วมด้วย Google Earth มาดูวิธีการเฝ้าระวังพื้นที่บ้านเรา จะเสี่ยงน้ำท่วมไหม? และต้องเฝ้าระวังพื้นที่รอบๆด้วยนะคับ #GoogleEarth #GIS #เฝ้าระวังน้ำท่วม
เคยเจอปัญหาว่า… มีคนทั้งนอกและในมอ. ส่งเมลล์เช้า @psu.ac.th แต่ไม่ได้รับเมลล์ (ปกติเช็คเมลล์ผ่าน google) เลยลองเข้า https://webmail.psu.ac.th ดูเพื่อที่จะเข้าไปลบเมลล์ เพราะระบบแจ้งว่าพื้นที่เมลล์เต็มแล้ว ก็ทำการลบ(ตามรูป) แต่ก็ไม่เป็นผล เหมือนว่าเมลล์ยังไม่ได้ถูกลบ และพื้นที่เมลล์ก็ยังคงเต็มอยู่เหมือนเดิม มาดูวิธีการลบเมลล์ในกล่อง Inbox กันครับ 1. select all 2. click ปุ่ม Delete 3. แล้วคลิกปุ่ม Expunge อีกครั้ง เมลล์จะถูกลบเป็นหน้าๆ ไป ก็ทำอย่างนั้นไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมด 4. Sign Out แล้วทำการ Sign in ใหม่อีกครั้ง 5. พื้นที่เก็บเมลล์ (Quota Usage) เหลือเยอะขึ้น หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับใครหลายๆคนหรือผู้ที่ประสบปัญหาเดียวกันนะครับ ^^ *** อย่าลืมหมั่นตรวจสอบ และลบเมลล์ออกบ้างนะครับเพื่อเคลียร์พื้นที่ในการจัดเก็บเมลล์
จากบทความ ELK #5 การประยุกต์ใช้ ELK ในงานด้าน GIS ของคุณคณกรณ์ ถือว่าเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการจัดทำแผนที่ GIS ซึ่งอาศัย Web Map Service หรือเรียกย่อๆว่า WMS ก็เลยทำให้คันไม้คันมือ อยากนำเสนอวิธีการสร้าง WMS บน Geoserver เพื่อนำ shape file ที่เราได้จัดทำขึ้น(ไม่ว่าจะเป็น point , line, polygon) มาใช้งานบน GIS Web Application ซึ่งทั่วไปก็จะใช้ UI เป็น Openlayers, Leaflet ฯลฯ **ลองแวะเข้าไปอ่านบทความเก่าๆของผู้เขียน จะมีการนำเสนอวิธีการนำ WMS ไปใช้ อาทิเช่นกับ Google Earth, ArcGIS เป็นต้น ขั้นตอนการสร้าง WMS บน Geoserver สร้างและกำหนด style ของข้อมูลในโปรแกรม QGIS 2. save style เป็น SLD file โดยจัดเก็บไว้ที่เดียวกับ shape file 3. Copy file ทั้งหมด 4. ไปวาง(past) ไว้ที่ root folder ของ Geoserver ซึ่งในที่นี้จะอยู่ที่ C:\Program Files\Apache Software Foundation\Tomcat 7.0\webapps\geoserver\data\shpfile\slb-gis *** ดาวน์โหลด shape file ตามตัวอย่างได้ที่นี่ 5. เปิด Geoserver manager โดยพิมพ์ url: localhost:8080/geoserver *** port สามารถปรับเปลี่ยนได้ 6. ทำการสร้าง Workspaces 7. กำหนดชื่อ Workspace และ URI 8. กำหนด properties ของ Workspace ให้เปิดใช้งาน (Enabled) Services ต่างๆ 9. จากนั้นทำการสร้าง Stores ในการเก็บข้อมูล shape file (จากขั้นตอนที่ 4) 10. เลือกชนิดของ data sources ในที่นี้จะเลือก Directory of spatial files (Shapefiles) 11. ทำตามขั้นตอนในรูป 1) เลือก Work space ที่สร้างไว้ในข้อ 7 2) กำหนดชื่อ data 3) กำหนด directory ที่เก็บ shape file 4) เลือกโฟลเดอร์ จากข้อ 4 5) คลิกปุ่ม OK จากนั้นเลืื่อนไปด้านล่างสุดของหน้าจอ เพื่อคลิกปุ่ม Save 12. จะปรากฏหน้าต่างข้อมูล shape file ที่ถูกจัดเก็บไว้ในข้อ 4 ซึ่งในที่นี้มีเพียง 1 shape file คือ slbtamb > จากนั้นคลิกที่ Publish เพื่อเปิดการใช้งานชั้นข้อมูล 13. จะแสดงชั้นข้อมูล slbtamb จากข้อ 12 14. คลิกปุ่ม Find เพื่อกำหนดระบบพิกัดให้กับชั้นข้อมูล ในที่นี้ shape file เป็นระบบ UTM ผู้เขียนจึงใช้รหัส 32647 15. จากนั้น คลิก Compute from native bounds เพื่อให้ระบบ generate พิกัดให้
Google Earth on Android ได้มี Feature ใหม่ ซึ่งสามารถนำเข้าหรือเปิด kml/kmz file ได้ และสามารถซ้อนทับชั้นข้อมูลได้หลาย layer เลยทีเดียว ถือว่าสะดวกมากๆ สำหรับคนที่ต้องการเปิดอ่าน kml/kmz file บนมือถือ ขั้นตอนการทำ 1. ก่อนอื่น ต้องเตรียม kml หรือ kmz ไฟล์ก่อน หากไม่มี ลองเข้าไป download ได้ที่เว็บฐานข้อมูลลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา http://slb-gis.envi.psu.ac.th 2. update Google Earth บน Android device ให้เป็น version ล่าสุด (ตามตัวอย่างนี้ เป็นเวอร์ชั่น 9.0.4.2) หากยังไม่ได้ติดตั้ง คลิกที่นี่ 3. เปิดแอพ Google Earth > คลิกเมนู (ตามรูป) 4. เลือก My Places 5. คลิก Import KML file 6. เลือกไฟล์ kml 7. แอพจะแสดงไฟล์ที่นำเข้า ให้คลิก Fly Here 8. แสดงข้อมูล 9. คลิกที่ point บนแผนที่ จะแสดงรายละเอียดของข้อมูล ซึ่งขึ้นอยู่กับไฟล์ kml ว่ามีข้อมูลอะไรบ้าง 10. สามารถ import kml file ได้มากกว่า 1 ไฟล์ โดยแอพจะแสดงเป็นชั้นข้อมูล(layer) ในตัวอย่างเพิ่มขอบเขตพื้นที่ลุ่มน้ำฯ 11. แสดงข้อมูล 2 layers 12. สามารถ save เป็นรูปภาพ ได้โดยคลิกที่ไอคอน กล้อง 13. นอกจากนั้น ยังสามารถดูแบบ Street View ได้ด้วย โดยคลิกที่ไอคอนรูปคน 14. จะปรากฎเส้นสีฟ้า แสดงจุดที่สามารถคลิกดูแบบ Street View ได้ > จิ้มดูเลยคับ ^^ 15. ลองจิ้มดูหน้า คณะการจัดการสิ่งแวดล้อม มอ. นะคับ ^^ 16. ดูแบบ 3D ก็คลิกที่ไอคอน 3D เลยคับ 17. แสดงเป็นรูป 3มิติ 5. นอกนั้น ก็ลองคลิกเล่นดูนะคับ ^^ ****บริการโหลดฟรี! ชั้นข้อมูลลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาเพิ่มเติมได้ที่ โครงการการพัฒนาฐานข้อมูลสารสนเทศภูมิศาสตร์ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา โดย สถานวิจัยสารสนเทศภูมิศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะการจัดการสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
Google Maps เริ่มมีบทบาทและได้รับความนิยมในการนำไปใช้ในการแปลภาพถ่ายในด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือรวมไปถึงเรื่องการใช้ประโยชน์ที่ดิน เพื่อนำไปจัดทำฐานข้อมูลภูมิสารสนเทศ หรือ GIS มากยิ่งขึ้น ด้วยความที่เป็นปัจจุบันหรือ update ค่อนข้างที่จะเป็นปัจจุบันหรือใกล้เคียงปัจจุบัน อีกทั้งผู้ใช้สามารถเข้าถึงได้ง่าย ใช้งานง่าย นักภูมิสารสนเทศ หรือนัก GIS หรือคนที่ทำงานด้าน GIS จึงมักจะเลือกที่จะนำมาใช้ในการแปลภาพถ่าย หรือเรียกว่า การสำรวจระยะไกล (Remote Sensing : RS) วันนี้เลยอยากจะขอนำเสนอ plugin ตัวนึงที่น่าสนใจ นั่นคือ ArcGoogle for ArcGIS เพื่อใช้ในการนำเข้า Google Satellite เป็น BaseMaps (แผนที่ฐาน) ในการแปลภาพถ่าย ซึ่งก่อนหน้านี้เคยนำเสนอ การติดตั้ง (OpenLayers Plugin) Google Satellite บน QGIS มาแล้วสำหรับคนที่ใช้โปรแกรม QGIS ลองแวะเข้าไปอ่านดูได้นะคับ ^^ ขั้นตอนการติดตั้ง 1. ดาวน์โหลดไฟล์ ArcGoogle ได้ ที่นี่ โดยเลือกดาวน์โหลดไฟล์ให้เหมาะกับ ArcGIS เวอร์ชั่นที่ใช้งานอยู่ For ArcGIS 9.3, 10.0, 10.1 or 10.2 For ArcGIS 10.3 or 10.4 2. เมื่อดาวน์โหลดมาแล้ว ให้ unzip จากนั้นดับเบิ้ลคลิก setup.exe 3. ติดตั้งตามรูปเลยคับ 4. ติดตั้งเสร็จสิ้น ขั้นตอนการใช้งาน 1. เปิดโปรแกรม ArcGIS หากใครยังไม่ได้ติดตั้ง สามารถเข้าไปดาวน์โหลดและติดตั้ง เวอร์ชั่นทดลองใช้งานได้ 60 วัน ที่นี่ 2. คลิกที่เมนู Customize > เลือก Customize Mode… 3. คลิกเลือก ArcGoolge-ungdungmoi.com จะแสดงแถบเมนูเครื่องมือขึ้นมา จากนั้นคลิกปุ่ม Close เพื่อปิดหน้าต่าง 4. คลิก Google Map > Google Satellite 5. จะมีชั้นข้อมูล(Layer) ขึ้นมา พร้อมกับแสดงแผนที่ Google Satellite ขึ้นมา 6. นอกจากนี้ ยังสามารถคลิกบนแผนที่ เพื่อแสดงภาพ Google Street View ได้ด้วย 7. นอกจากนี้ ยังสามารถดึงค่า Elevation จาก Google ได้ด้วย โดยการคลิกที่ไอคอน 8. กำหนด Cell size (หน่วยเป็น เมตร) (จำนวนสูงสุดของจุดแต่ละครั้งดาวน์โหลด 300m) 9. จากนั้นคลิกปุ่ม Get Elevation > รอสักครู่ จะแสดงตารางค่าขึ้นมา ** อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Elevation ที่นี่ 10. เราสามารถ export ค่า elevation ออกมาเป็น shape file ได้ โดยคลิกปุ่ม Export to Shapefile > ตั้งชื่อไฟล์ > คลิกปุ่ม Save 11. มีชั้นข้อมูล (Layer) เพิ่มขึ้นมา โดยจะมีจุด elevation อยู่บนแผนที่ และแสดงค่าและตำแหน่งพิกัด(Lat, Long) ด้วยการเปิด attribute table ดังรู) จะเห็นได้ว่า ภาพที่ได้จาก Google maps มีความละเอียดสูง สามารถซูมได้จนเห็นหลังคาบ้านหรือพื้นผิวถนน จึงทำให้การแปลภาพถ่ายมีความถูกต้องสูง ซึ่งจากการนำเข้า google maps เป็น basemaps นี้ ก็จะสามารถนำไปใช้ในด้านต่างๆ