Author: kanakorn.h

  • วิธีติดตั้ง Window Manager แบบน้อยที่สุดบน Ubuntu Server

    เนื่องจากต้องการสร้าง VirtualBox ขนาดเล็กสุดๆเพื่อใช้เตรียมทำ Workshop แต่จะไม่สะดวกสำหรับผู้อบรมที่ไม่คล่องเรื่องคำสั่งบน Linux มากนัก อยากให้ Copy-Paste ได้บ้าง จึงต้องหาวิธีลง Window Manager ให้พอใช้ได้

    เริ่มต้นจากติดตั้ง ubuntu server version ที่ต้องการ จะใช้พื้นที่ประมาณ 890 MB คราวนี้เลือก Window Manager ที่เล็กที่สุดแต่ใช้งานง่าย นั่นคือ LXDE หรือ lubuntu-desktop ปัญหาอยู่ที่ว่า ถ้าลงแบบ Default มันจะลากเอาสิ่งที่ไม่ต้องการมามากมาย ทำให้ขนาดที่ใช้ขยายจาก 890 MB ไปถึง 2.5 GB ซึ่งใหญ่เกินไป

    จึงไปค้นหาวิธีดูพบว่าให้ทำดังนี้
    1. sudo apt-get install –no-install-recommends lubuntu-desktop
    2. เมื่อติดตั้งเสร็จ ให้ reboot เครื่องหนึ่งรอบ ก็จะเข้าสู่ lubuntu แบบน้อยที่สุด ใช้พื้นที่ไปเพียง 1.3 GB
    3. ปัญหาต่อมา หากใช้บน VirtualBox ก็จะติดปัญหาเรื่อง Screen Resolution ที่บีบบังคับไม่ให้เปลี่ยนแปลงได้ง่ายๆ จึงต้อง ติดตั้ง Guest Additions ลงไป แต่ เนื่องจากเป็นการลงแบบเล็กที่สุด จึงไม่ติดตั้งพวก Build Tools มาด้วย จึงต้องใช้คำสั่งนี้ก่อน
    sudo apt-get install build-essential
    4. จากนั้น จึงติดตั้ง Guest Additions ต่อไป แล้วปรับ Screen Resultion ได้ตามต้องการ

  • วิธีใช้ Google Sheets ลบผู้ใช้จำนวนมากบน GAFE

    [บทความนี้ สำหรับผู้ที่มี Admin Privilege ขึ้นไป]

    ต่อจากบทความ วิธีใช้ Google Sheets เปลี่ยนแปลงข้อมูลผู้ใช้จำนวนมากบน GAFE

    เมื่อต้องการลบผู้ใช้จำนวนมาก ก็ทำเหมือนเดิม แต่เปลี่ยน Script นิดหน่อยดังนี้

    1. สร้าง Google Apps Scripts ใน Google Sheets นี้ ด้วยเมนู Tools > Script Editor … จากนั้นเลือก Blank Project แล้วกดปุ่ม Close
    2. ตั้งชื่อโปรเจค UpdateUser แล้วใส่โค๊ดดังนี้ (ปรับค่า firstRow และ lastRow ให้เหมาะสมตามต้องการ)
    3. นอกนั้นเหมือนเดิม

    หวังว่าจะเป็นประโยชน์ครับ

  • วิธีใช้ Google Sheets เปลี่ยนแปลงข้อมูลผู้ใช้จำนวนมากบน GAFE

    [บทความนี้ สำหรับผู้ที่มี Admin Privilege ขึ้นไป]

    วิธีใช้ Google Sheets สร้าง Account ใหม่ลงใน Sub Organization ของ GAFE

    เมื่อต้องการแก้ไขข้อมูลของผู้ใช้จำนวนมาก ได้แก่

    • ตั้งรหัสผ่านใหม่
    • ไม่บังคับให้เปลี่ยนรหัสผ่านในครั้งแรกที่เข้าระบบ
    • ย้าย Organization Unit ไปอยู่ภายใต้ /Students

    ใน Admin Console ของ Google Apps จะมีเครื่องมือ Users เพื่อใช้ในการจัดการผู้ใช้

    แต่เครื่องมือที่มีอยู่ มีข้อจำกัด คือ ไม่สามารถเขียนเงื่อนไขในการกรองเอาเฉพาะ Email Address ของผู้ใช้ที่ต้องการได้

    ดังนั้นจึงต้องใช้วิธีการ Download Users ทั้งหมดออกมาก่อน

    เลือก Download all users … แล้วกดปุ่ม OK

    จะได้ไฟล์ UserData-psu.ac.th-20141110.csv (ชื่ออาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละโดเมน) ให้ Save ไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ก่อน แล้ว Upload ไปเก็บไว้บน Google Drive แล้วเปิดด้วย Google Sheets จากนั้นเลือกคอลัมน์ A แล้วคลิกขวาเลือก Copy ไปใส่ใน Google Sheets ใหม่

    ใน Google Sheets ใหม่ ให้ Edit > Paste ข้อมูลมาลงไว้ในคอลัมน์ A เช่นกัน

    จากนั้นในคอลัมน์ B2 ใส่สูตรว่า (นักศึกษาของมหาวิทยาลัยจะใช้ Login เป็นรหัสนักศึกษาซึ่งเป็นตัวเลขทั้งหมด จำนวน 7 หรือ 10 หลัก ตามด้วย @psu.ac.th) ดังนี้

    )

    จากนั้นให้ Copy สูตรดังกล่าวไปในคอลัมน์ B ทั้งหมด จะทำให้ ชื่อบัญชีของนักศึกษาเท่านั้นที่จะมีค่าเป็น Y ส่วนบุคลากรจะมีค่าเป็น N หลังจากนั้นให้ Filter โดยเลือกเฉพาะคอลัมน์ B ที่มีค่าเป็น Y ก็จะได้นักศึกษาทั้งหมด

     แล้วทำการเลือกข้อมูลที่ได้ Copy เอาไว้แล้วสร้าง Google Sheets ใหม่อีกอันหนึ่ง ตั้งชื่อว่า Udate Users แล้วเอาข้อมูลดังกล่าวมาใส่ในคอลัมน์ A จากนั้นสร้าง B เป็น Organization Unit Path ที่ต้องการ แล้วสร้าง C เป็น Password ที่ต้องการตั้ง และ D เป็น Status

    ต่อไป เป็นขั้นตอนการเขียน Google Apps Script

    1. สร้าง Google Apps Scripts ใน Google Sheets นี้ ด้วยเมนู Tools > Script Editor … จากนั้นเลือก Blank Project แล้วกดปุ่ม Close
    2. ตั้งชื่อโปรเจค UpdateUser แล้วใส่โค๊ดดังนี้ (ปรับค่า firstRow และ lastRow ให้เหมาะสมตามต้องการ)
    3. ถ้าลอง Run เลย จะเจอ Error อย่างนี้
      คลิก Continue -> Accept -> Dismiss
      เพราะยังไม่ได้ Enable API ไว้
    4. เนื่องจากการสร้าง Account ต้องใช้สิทธิ์ของ Admin ขึ้นไป และต้องใช้ Admin SDK Directory API ด้วย วิธีการคือใช้เมนู Resources -> Advanced Google Services แล้วเลือก Admin Directory API เป็น On
    5. จากนั้นคลิกที่ Google Developers Consol
      ที่ Admin SDK ให้เปลี่ยน ON
    6. เมื่อ Run ใหม่ ก็จะได้ผลใน Google Sheets ตามภาพ
    7. ผลที่ได้คือสามารถย้ายนักศึกษาลงไปใน OU ที่เหมาะสมได้

    หวังว่าจะเป็นประโยชน์ครับ

  • วิธีใช้ Google Sheets สร้าง Account ใหม่ลงใน Sub Organization ของ GAFE

    [บทความนี้ สำหรับผู้ที่มี GAFE Admin Privilege ขึ้นไป]

    ในการสร้างบัญชีผู้ใช้ใหม่บน GAFE นั้นทำได้หลายวิธี ได้แก่

    1. การสร้างทีละคนผ่าน Admin Console
    2. การสร้างทีละหลายๆคนด้วย CSV File
    3. การสร้างทีละหลายๆคนผ่าน Google Apps Directory Sync

    เมื่อต้องการสร้างผู้ใช้จำนวนมาก เช่น 5,500 คน โดยต้องจัดแบ่งผู้ใช้ แยกลงไปในแต่ละ Sub Organization วิธีที่ 1. ทำได้แต่เป็นงานที่หนักมาก วิธีที่ 2. ทำไม่ได้ เพราะการใช้ CSV File ผ่าน Admin Console นั้นจะสร้างผู้ใช้รวมกันที่ Root Organization ไม่สามารถแยกลงไปใน Sub Organization ได้ ส่วนวิธีที่ 3. นั้นทำได้ แต่ต้องเข้าใจกระบวนการทำงานของ LDAP พอสมควร

    ในบทความนี้ จะนำเสนอวิธีการที่ ทำได้ง่ายเหมือนการใช้ CSV แต่สามารถแยกลงไปใน Sub Organization ได้ ด้วย Google Sheets และ Google Apps Script ดังต่อไปนี้ (ขอยกตัวอย่างเพียง 5 Account เพื่อความสะดวก)

    1. สร้าง Google Sheets แล้วใส่ข้อมูล email, firstname, lastname, OU, password, status
    2. สร้าง Google Apps Scripts ใน Google Sheets นี้ ด้วยเมนู Tools > Script Editor … จากนั้นเลือก Blank Project แล้วกดปุ่ม Close
    3. ตั้งชื่อโปรเจค AddMultiAccountToSubOU แล้วใส่โค๊ดดังนี้
    4. ถ้าลอง Run เลย จะเจอ Error อย่างนี้
      คลิก Continue -> Accept -> Dismiss
      เพราะยังงไม่ได้ Enable API ไว้
    5. เนื่องจากการสร้าง Account ต้องใช้สิทธิ์ของ Admin ขึ้นไป และต้องใช้ Admin SDK Directory API ด้วย วิธีการคือใช้เมนู Resources -> Advanced Google Services แล้วเลือก Admin Directory API เป็น On
    6. จากนั้นคลิกที่ Google Developers Consol
      ที่ Admin SDK ให้เปลี่ยน ON
    7. เมื่อ Run ใหม่ ก็จะได้ผลใน Google Sheets ตามภาพ
    8. และจะสามารถสร้างผู้ใช้ได้ตาม Sub Organization ที่ต้องการ

    หวังว่าจะเป็นประโยชน์ครับ

  • วิธีการใช้ Google Sheets เป็นระบบเฝ้าระวังเว็บไซต์ (Website Monitoring) จากภายนอกองค์กร

    จาก “วิธีการใช้ Google Sheets เป็นฐานข้อมูล” ซึ่งได้กล่าวถึงพื้นฐานการพัฒนา Google Apps Script เพื่อใช้ต่อยอดความสามารถของ Google Sheets สามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อเฝ้าระวังบริการเว็บไซต์จากภายนอกระบบเครือข่ายขององค์กรได้ (จาก Google Cloud Infrastructure เลยทีเดียว)

    ขั้นตอนในการทำ

    1. ในโปรเจค ProjectMyDB สร้างไฟล์ monitoring.gs ดังภาพ
    2. ประกอบด้วย 3 ฟังก์ชัน คือ
      function check_website(url) {  
        var response = UrlFetchApp.fetch(url, {muteHttpExceptions: true});
        return response.getResponseCode();
      }
      
      function doLog(timestamp, responseCode, timeDiff) {
        var ss = SpreadsheetApp.openByUrl('https://docs.google.com/a/psu.ac.th/spreadsheets/d/1HJmyqiBYC_AEATmdUWakLgHFyYGqSqeqSA8xEw-8o-c/edit');
        SpreadsheetApp.setActiveSpreadsheet(ss);
        SpreadsheetApp.setActiveSheet(ss.getSheetByName("Log"));
        var activeSheet=ss.getActiveSheet();
        activeSheet.appendRow([timestamp, responseCode, timeDiff]);
      }
      
      function getTime() {
        var startTime = new Date() ;
        var responseCode=check_website("http://www.psu.ac.th");
        var endTime = new Date() ;
        var timeDiff = endTime-startTime;  
        doLog(Utilities.formatDate(new Date(), "GMT+7", "yyyyMMdd-HHmmss") , responseCode , timeDiff);
      }
    • check_website ใช้ UrlFetchApp เพื่อ url ของเว็บไซต์ แล้วรีเทิร์นผล Response Code ของ HTTP Protocol กลับไป
    • doLog ใช้สำหรับเพิ่มค่า timestamp, responseCode และ timeDiff (เวลาในการตอบสนอง) ลงใน Sheet “Log” ใน Google Sheets ที่กำหนดไว้
    • getTime ใช้คำนวนเวลาตั้งแต่เริ่มต้น แล้วเรียกใช้ฟังก์ชั่น check_website และ จับเวลาที่สิ้นสุด จากนั้นคำนวนเป็นเวลาในการตอบสนอง (timeDiff) แล้ว เรียกฟังก์ขัน doLog เพื่อเขียนข้อมูลต่อไป
    1. สร้าง Trigger ด้วยเมนู Resources > Current project’s triggers
    2. เลือกฟังก์ชัน getTime กำหนดเป็น Time-driven ทำงานในหน่วยนาที (Minute timmer) และ ทำงานทุกๆ 5 นาที แล้วกดปุ่ม Save
    3. ผลการทำงาน และการสร้าง Chart ประกอบทำให้สามารถเห็นแนวโน้มได้

    จากตัวอย่างข้างต้น ทำให้เห็นว่า การใช้ Google Apps Script ร่วมกับ Google Sheet สามารถสร้างระบบเฝ้าระวังเว็บไซต์จากภายนอกองค์กรได้อย่างง่ายๆ และไม่มีค่าใช้จ่าย ทำให้เห็นภาพการใช้งานจากภายนอกได้เป็นอย่างดี

  • วิธีการใช้ Google Sheets เป็นฐานข้อมูล

    Google Sheets เป็นหนึ่งใน Google Apps ซึ่งเป็น Application Suite ของ Google ประกอบด้วย

    ในการใช้งานทั่วไป Google Apps สามารถตอบสนองการใช้งานได้เป็นอย่างดี แต่เมื่อต้องการทำกิจกรรมบางอย่างที่นอกเหนือไปจากการใช้งานพื้นฐาน ผู้ใช้สามารถพัฒนาเพิ่มเติมได้เอง ด้วย Google Apps Script

    Google Apps Script เป็น Scripting Language ที่อยู่บนพื้นฐานของภาษา JavaScript สามารถใช้งานได้และพัฒนาต่อยอดได้ทันทีโดยไม่ต้องติดตั้งอะไรเพิ่มเติมอีกแล้ว สามารถเรียกใช้ Google Service ต่างๆได้มากมาย รวมถึง Google Sheets เพื่อสร้าง เมนูพิเศษ หรือ Macro เพื่อให้การทำงานที่ทำหลายๆขั้นตอนลดลงเหลือเพียงแค่คลิกเดียว อีกทั้งยังสามารถตั้งเวลาให้ทำงานอัตโนมัติ หรือ ตั้ง Trigger เพื่อให้ทำงานเมื่อเกิด Action ต่างๆได้อีกด้วย

    Google Apps Script มี 3 ชนิด ได้แค่ Standalone, Bound to Google Apps และ Web App ซึ่งจะสามารถใช้งานร่วมกับ Google Sites ได้อีกด้วย (Sites Gadget) รายละเอียดสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ Google Apps Script

    ในที่นี้ จะแสดงตัวอย่างการประยุกต์ใช้ Google Apps Script แบบ Standalone เพื่อพัฒนาให้ Google Sheets ทำหน้าที่เป็นฐานข้อมูล และจะนำไปสู่การต่อยอดเป็น วิธีการใช้ Google Sheets เป็นระบบเฝ้าระวังเว็บไซต์ (Website Monitoring) จากภายนอกองค์กร เพื่อตรวจสอบระยะเวลาในการตอบสนอง ( Response Time) ของเว็บไซต์ ได้อีกด้วย

    วิธีการใช้งาน Google Apps Script แบบ Standalone

    1. ใน Google Drive คลิก New > More > Connect more apps
    1. ในชื่อ search ใส่คำว่า script แล้วกด Enter
      จะพบ Google Apps Script แล้วกดปุ่ม Connect
    2. จากนั้น ใน Google Drive ให้คลิกที่ New > More > Google Apps Script
    3. จากนั้นให้คลิก Close ได้เลย
    4. จะได้พื้นที่โปรเจค (Project) ในการพัฒนา Google Apps Script โดยในแต่ละโปรเจคจะประกอบไปด้วยหลายๆไฟล์ Google Apps Script ได้

    ในการพัฒนา Google Apps Script นั้น จะต้องเขียนในรูปแบบของฟังก์ชั่น (Function) เพื่อให้สะดวกในการใช้งานต่างๆ

    ตัวอย่างเช่น มี Google Sheets อยู่ใน Google Drive ดังภาพ

    มีรายละเอียดดังนี้

    1. ชื่อของ SpreadSheet คือ “ฐานข้อมูลของฉัน”
    2. ประกอบไปด้วย Sheet ชื่อ “Sheet1” และ “Log”
    3. มี URL คือ
      https://docs.google.com/a/psu.ac.th/spreadsheets/d/1HJmyqiBYC_AEATmdUWakLgHFyYGqSqeqSA8xEw-8o-c/edit

    ต่อไปเป็นขั้นตอนการเขียน Google Apps Script เพื่อติดต่อกับ Google Sheet ข้างต้น เพื่อเขียนข้อมูลลงไป โดยตั้งชื่อโปรเจคนี้ว่า ProjectMyDB ตั้งชื่อไฟล์ว่า SheetDB.gs และตั้งชื่อฟังก์ชั่น “editSheet” ดังภาพ

    ขั้นตอนการทำงานของฟังก์ชั่น editSheet

    1. สร้างตัวแปร ss รับค่าจากการเปิด SpreadSheet จาก URL ข้างต้นด้วยคำสั่ง
      var ss = SpreadsheetApp.openByUrl('https://docs.google.com/a/psu.ac.th/spreadsheets/d/1HJmyqiBYC_AEATmdUWakLgHFyYGqSqeqSA8xEw-8o-c/edit');
    1. สั่งให้ SpreadSheet ดังกล่าว Active ด้วยคำสั่ง
      SpreadsheetApp.setActiveSpreadsheet(ss);

    1. เนื่องจากในแต่ละ SpreadSheet ประกอบด้วยหลาย Sheet จึงต้องระบุว่า จะทำงานกับ Active Sheet ชื่อ “Sheet1” ด้วยคำสั่ง
      SpreadsheetApp.setActiveSheet(ss.getSheetByName("Sheet1"));

    1. สร้างตัวแปร activeSheet เพื่อกำหนดว่ากำลังทำงาน Active Sheet ด้วยคำสั่ง
      var activeSheet=ss.getActiveSheet();

    1. เมื่อต้องการเขียนค่า “Hello World” ลงใน Active Sheet ที่ Cell “C3” ใช้คำสั่ง
      activeSheet.getRange("C3").setValue("Hello World");

    1. หากต้องการเขียนค่าทีละหลายๆ Cell หรือเป็น Range ต้องสร้างข้อมูลชนิด Array 2 มิติขึ้นมา แล้วจึงเขียนค่าลงไป กรณีต้องการใส่ค่าในช่วง “A1:C1” ใช้คำสั่ง
      var values =[  ["คณกรณ์","หอศิริธรรม","'3720024"]  ];
      activeSheet.getRange("A1:C1").setValues(values);

    1. หากต้องการเขียนค่าในช่วง “A2:A4” ใช้คำสั่ง
      values = [ ["เกรียงไกร"],["หนูทองคำ"],["'4220020"] ];
      activeSheet.getRange("A2:A4").setValues(values);

    1. เมื่อจะเก็บข้อมูลจริงๆ วิธีการข้างต้นจะไม่สะดวก เพราะจะต้องทราบว่าแถวสุดท้ายแล้วเพิ่มค่าแถวไปทีละหนึ่ง ซึ่งสามารถใช้วิธีการ Append Row กล่าวคือเขียนค่าลงไปในแถวถัดจากแถวล่าสุดที่มีข้อมูลได้ ในตัวอย่างนี้ จะสลับไปใช้ Sheet ชื่อ “Log” แล้วใส่ค่าลงไปด้วยคำสั่ง
      SpreadsheetApp.setActiveSheet(ss.getSheetByName("Log"));
      activeSheet=ss.getActiveSheet();
      var timestamp = new Date();
      activeSheet.appendRow([timestamp, 200 , 300]);
      timestamp = new Date();
      activeSheet.appendRow([timestamp, 200 , 456]);

    จากนั้น Save ข้อมูล แล้วสั่ง Run โดยเลือกฟังก์ชั่นชื่อ editSheet ดังภาพ

    ในการใช้งานครั้งแรก จะปรากฏหน้าต่าง Consent ขึ้นมาเพื่อขอสิทธิ์ในการเข้าใช้ไฟล์

    ผลที่ได้จากการทำงานคือ

    และ

    จะเห็นได้ว่าสามารถใช้ Google Apps Script เพื่อเขียนค่าใน Google Sheets เพื่อเป็นฐานข้อมูลได้ และสามารถประยุกต์ใช้งานอื่นๆได้อีกมากมาย

  • วิธีดูหนังแบบส่วนตัวบนเครื่องบิน

    คุณเคยเจอปัญหาเหล่านี้ไม๊ ?

    การ นั่งเครื่องบินชั้นประหยัดนั้น แสนน่าเบื่อ มีหนังหรือคลิปที่อยากดูบนมือถือ ครั้นจะต้องถือไว้มือนึง ก็ลำบาก กินขนมไปดูไปก็ไม่ได้ วางบนโต๊ะหน้าที่นั่งก็ไม่ได้เพราะมันราบ ครั้นจะหาอะไรมารองให้มันตั้งขึ้น ก็ไม่ได้รับสายตา

    ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป เมื่อใช้ เคสแบบฝาพับข้าง (ดังภาพ) เพียงแค่เปิดคลิปที่ต้องการดูไว้ เสียงหูฟังให้พร้อม

    IMG_20140906_181300.jpg

     แล้วก็ แง้มโต๊ะหน้าที่นั่งเล็กน้อย สอดฝาพับของเคส เข้าไประหว่างเบาะข้างหน้ากับโต๊ะ แล้วล็อคโต๊ะให้สนิท

     IMG_20140906_181421.jpg

    จากนั้น ก็เอนกาย พิงเบาะ แล้วก็สนุกกับคลิปหนังที่ชื่นชอบได้ ในระดับสายตาม มือนึงถือขนม มือนึงถือน้ำ ก็สบายแล้ว

    IMG_20140906_181438.jpg

     ลองดู 😉

  • เทคนิคการใช้ vi

    1. เปิด 2 ไฟล์พร้อมกัน แยกแบบแนวตั้ง
    vi test.php vi-1

    กด Esc : vsp function.inc.php
    จะได้ผลอย่างนี้

    vi-2

    คำสั่งที่น่ารู้
    Ctrl+w w สลับระหว่างหน้าจอ
    Ctrl+w q ปิดไฟล์
    Ctrl+w v เปิดไฟล์เดียวกันที่ยาวมาก ต้องการด้านนึงดูหัวไฟล์ อีกด้านนึงดูท้ายไฟล์

    2. หากต้องการเลื่อน Code หลายๆบรรทัด ไปทางขวามือ 5 Space
    Ctrl + V แล้ว เลือกบรรทัดที่ต้องการ จากนั้น
    Shift + I แล้ว เคาะ Space Bar 5 ครั้ง จากนั้น
    แล้วกดปุ่ม Esc

  • GAFE#002 วิธีแสดงอีเมลที่ยังไม่ได้อ่าน ไว้บนสุดทุกครั้ง

    การใช้งาน GAFE Email หรือ Gmail ก็ตาม วิธีที่จะแสดงเฉพาะ จดหมายที่ยังไม่ได้อ่าน (Unread) มี 3 วิธี

    1. ในช่อง Search ใส่คำว่า label:unread แล้วกดปุ่ม Enter

    2. ไป Gear > Setting > Inbox
    แล้วเปลี่ยนจาก Inbox type: Default
    เป็น Inbox type: Unread first
    แล้วกดปุ่ม Save Changes

    ผลที่ได้

    3. คลิก Dropdown ด้านข้าง Inbox

    และ สุดท้าย วิธีเลือกเฉพาะอีเมลที่ยังไม่ได้อ่าน ทำดังภาพ

    ผลที่ได้

    จบ