Month: November 2023

  • จัดทำรายงาน Dashboard ด้วย Microsoft Tools(5-9)

    Forms + Power Automate (Flow) + Excel with Pivot Table + SharePoint Site Page

    ความเดิมตอนที่แล้ว แสดงขั้นตอนที่ 1 ถึง ขั้นตอนที่ 4 จัดทำรายงาน Dashboard ด้วย Microsoft Tools(1-4)

    แสดงขั้นตอนที่ 5 ถึง ขั้นตอนที่ 9

    5.1 ใช้ชี้ต ชื่อ Main สร้างข้อความตามต้องการ

    5.2 ต่อไปเราจะดึงข้อมูลมาไว้ใน เซล ต่าง ๆ แล้วจะ รวมบริการวิชาการในเซล D17 ได้

    ตัวอย่างที่ 1 เช่น จำนวนโครงการที่มีการเก็บค่าลงทะเบียน ตำแหน่ง B10 จะดึงข้อมูลด้วยวิธีเขียนอ้างอิง ดังนี้

    =IFERROR(GETPIVOTDATA("Count of ID",Sheet2!$A$1,"จัดบริการแบบ","ที่มีการเก็บค่าลงทะเบียน"),0)

    ตัวอย่างที่ 2 เช่น จำนวนคนที่มีการเก็บค่าลงทะเบียน ตำแหน่ง C10 จะดึงข้อมูลด้วยวิธีเขียนอ้างอิง ดังนี้

    =IFERROR(GETPIVOTDATA("Sum of จำนวนคน",Sheet2!$A$1,"จัดบริการแบบ","ที่มีการเก็บค่าลงทะเบียน"),0)

    ตัวอย่างที่ 3 เช่น จำนวนโครงการ IT Services ตำแหน่ง B11 จะดึงข้อมูลด้วยวิธีเขียนอ้างอิง ดังนี้

    =IFERROR(GETPIVOTDATA("Count of ID",Sheet2!$A$1,"จัดบริการแบบ","IT Services"),0)

    มาดูอีกชุด เราจะดึงข้อมูลมาไว้ใน เซล ต่าง ๆ แล้วจะ รวมบริการวิชาการในเซล D29 ได้

    ตัวอย่างที่ 4 การให้บริการอื่นๆ จำนวนโครงการ โครงการวิจัยหรือที่ปรึกษา ตำแหน่ง B26 จะดึงข้อมูลด้วยวิธีเขียนอ้างอิง ดังนี้

    =IFERROR(GETPIVOTDATA("Count of การให้บริการอื่นๆ",Sheet2!$A$42,"การให้บริการอื่นๆ","โครงการวิจัยหรือที่ปรึกษา"),0)

    ตัวอย่างที่ 5 การให้บริการอื่นๆ จำนวนคน โครงการวิจัยหรือที่ปรึกษา ตำแหน่ง C26 จะดึงข้อมูลด้วยวิธีเขียนอ้างอิง ดังนี้

    =IFERROR(GETPIVOTDATA("Sum of จำนวนคน",Sheet2!$A$42,"การให้บริการอื่นๆ","โครงการวิจัยหรือที่ปรึกษา"),0)

    ตัวอย่างที่ 6 การให้บริการอื่นๆ จำนวนครั้ง เช่าโน้ตบุ๊ค ตำแหน่ง B27 จะดึงข้อมูลด้วยวิธีเขียนอ้างอิง ดังนี้

    =IFERROR(GETPIVOTDATA("Count of การให้บริการอื่นๆ",Sheet2!$A$42,"การให้บริการอื่นๆ","เช่าโน้ตบุ๊ค"),0)

    ส่วนอื่น ๆ ก็ทำเช่นเดียวกับ ตัวอย่างที่ 1 ถึง ตัวอย่างที่ 6

    6.1 ข้อมูลที่เราเตรียมไว้ เป้าหมาย คือ ที่เราคีย์เข้าไป ส่วนรายได้จากบริการวิชาการที่ทำได้ จะเกิดจากรวมอัตโนมัติมาจากเซลต่าง ๆ

    6.2 จากข้อมูลนี้ เราสร้างกราฟแท่ง 2 แท่ง แบบแท่งกราฟไม่เว้นระยะห่างเพื่อให้ซ้อนกัน ได้ดังรูป

    หมายเหตุ วิธีทำแท่งที่สองให้ซ้อนทับกับแท่งที่หนึ่ง ค่อนข้างยาว ศึกษาเพิ่มเติมได้จาก google search ค้นว่า “excel กราฟ แท่ง ซ้อน กัน” มีคลิปสอนเยอะ (ความรู้การทำกราฟซ้อนทับ 2 แท่ง สอน Excel: การสร้างกราฟเปรียบเทียบการใช้งบประมาณกับที่เบิกจ่ายจริง https://www.youtube.com/watch?v=_JnX9kdS-Og)

    6.3 คลิกเมาส์ปุ่มขวาที่แท่งที่ 1 สีฟ้า แท่งเป้าหมาย และเลือก Format Data Series เลือกไอคอนที่ 3 Series Options กำหนดค่าให้กับ Primary Axis ด้วย Series Overlap 100% และ Gap Width 143%

    6.4 คลิกเมาส์ปุ่มขวาที่แท่งที่ 2 สีน้ำเงิน แท่งผลงานที่ทำได้ และเลือก Format Data Series เลือกไอคอนที่ 3 Series Options กำหนดค่าให้กับ Secondary Axis ด้วย Series Overlap 100% และ Gap Width 500%

    7.1 เมื่ออยู่หน้าต่าง SharePoint Site ให้คลิก New เลือก Page

    จะได้หน้าตั้งค่าเริ่มต้น ให้เลือกว่า Create Page

    7.2 จะได้หน้าต่างแบบนี้

    ควรเริ่มต้นตั้งชื่อ Title ให้คลิกตรงช่อง Add a title ควรเป็นชื่อย่อ ภาษาอังกฤษน่าจะดี เช่นในตัวอย่างนี้จะตั้งว่า OJT เป็นต้น เพราะจะถูกนำไปตั้งเป็นชื่อ Site Page ส่วนชื่อผู้ทำเพจ ก็อาจคลิกกากบาท ไม่ระบุ ก็ได้

    7.3 ถัดไปเอาเมาส์ชี้บริเวณ ด้านล่าง จนขึ้นมาเห็นเครื่องหมาย + ให้คลิก และเลือก File and Media

    จะได้หน้าคำถามว่า จะเอาไฟล์อะไรมาแสดง

    เลือก OneDrive และเลือกหาตำแหน่ง พาธของไฟล์ ที่เราเก็บไฟล์ excel นั้น เช่น ตัวอย่างข้างล่างนี้ และคลิก Select

    7.4 จะได้หน้าต่าง

    ให้คลิกเลือกเครื่องมือ Edit web part

    ช่องแรก เปลี่ยนจาก Entire workbook เป็น Range

    ช่อง Sheet name เลือกชื่อแท็บซี้ต คือ Main

    ช่อง Starting cell เป็น A1

    ช่อง Ending cell เป็น H30 (ให้ดูข้อมูลในแท็บชี้ต Main ก่อนนะว่าจะครอบคลุมข้อมูลที่จะแสดง)

    คลิก Apply

    7.5 ถ้าตรวจสอบแล้วว่า ชอบ ก็คลิกปุ่ม Publish

    7.6 ต่อไปตรวจสอบว่า Site Page ใหม่ที่สร้างไว้ถูกเก็บอยู่ที่ใด จากตัวอย่างที่สร้าง New Site Page ชื่อ OJT

    จะได้เป็นไฟล์ชื่อ OJT.aspx

    8.1 ด้านซ้ายของหน้าจอ คลิก Edit

    จะได้หน้าต่าง สำหรับตั้งค่า

    ให้คลิกที่ EDIT LINKS

    8.2 จะได้หน้าต่างใหม่ ที่มีคำว่า + link

    คลิก + link

    8.3 จะได้หน้าต่างย่อย

    ช่อง Text to display ใส่ ข้อความ เช่น ในตัวอย่างนี้ ใส่ว่า ข้อมูลตัวอย่าง

    ช่อง Address ใส่ https://emailpsuac.sharepoint.com/sites/DIIS/ISO/SERVICES/SitePages/OJT.aspx

    คลิกปุ่ม OK

    จะได้ปุ่ม Save

    คลิกปุ่ม Save

    8.4 ผลลัพธ์ เมนูด้านซ้าย จะมีรายการ ข้อมูลตัวอย่าง

    เมื่อจะส่ง Form นี้ให้กับผู้กรอกข้อมูล (หรือเราอาจจะสร้างเป็น link ไว้ในหน้า Site Page ในขั้นตอนที่ 7 ได้ เพื่อช่วยจำ)

    9.1 ขณะที่อยู่ที่หน้าออกแบบสร้างแบบฟอร์ม คลิกที่ Collect responses

    9.2 กำหนดค่าต่าง ๆ อนุญาตอย่างไรบ้าง แล้วคลิกที่ Copy Link

    9.3 ส่ง link ให้กับผู้กรอกข้อมูล

    9.4. เมื่อต้องการกลับไปจัดการกับฟอร์ม ให้คลิกที่ 9 จุด ในหน้า SharePoint Site จะได้เปิดหน้า Forms ขึ้นมาให้ และเลือก My forms

    หวังว่าจะเกิดไอเดียครับ

  • จัดทำรายงาน Dashboard ด้วย Microsoft Tools(1-4)

    Forms + Power Automate (Flow) + Excel with Pivot Table + SharePoint Site Page

    แสดงขั้นตอนที่ 1 ถึง ขั้นตอนที่ 4

    1.1 คลิกที่ จุด 9 จุด มุมบนซ้าย

    1.2 คลิกที่ไอคอน Forms

    1.3 คลิก New Form และสร้างจากฟอร์มเปล่า

    1.4 ตัวอย่างฟอร์มที่สร้างด้วย Microsoft Forms

    เป็นการนำเข้าข้อมูลด้วย Microsoft Form โดยการสร้างฟอร์ม หลังจากได้ฟอร์มแล้ว เราก็ทำการ Export Data จาก Form ไปเป็น Excel ตอนนี้ก็จะได้หัวคอลัมน์เป็นชื่อของคำถามแต่ละข้อใน Form และกำหนดให้ข้อมูลเป็นชนิด Table โดยทั่วไปมักเริ่มต้นด้วยชื่อ Table1

    2.1 เมื่อทดสอบป้อนข้อมูลแล้ว ให้คลิกที่แท็บ (ด้านบน) คำว่า Responses และเลือก Open in Excel

    2.2 ในตอนทำครั้งแรก จะได้ไฟล์อยู่ใน Downloads ชื่อไฟล์ที่ได้มาอาจไม่ถูกใจก็เปลี่ยนชื่อให้เรียบร้อย

    2.3 นำไฟล์นี้ไปวางไว้ใน OneDrive ในตัวอย่างนี้ จะสร้าง Folder ชื่อ Forms เพื่อเก็บไฟล์ Excel

    2.4 ดังนั้น พาธของไฟล์ คือ /Share/Forms/DIIS-ข้อมูลบริการวิชาการ.xlsx พาธของไฟล์นี้จะถูกอ้างถึงตอนที่เราสร้าง Flow

    2.5 มาดูไส้ในกันครับว่า ในชี้ตชื่อ Sheet1 มีหัวคอลัมน์และข้อมูลแบบนี้

    ขั้นตอนในตอนนี้เป็นการใช้ Microsoft Power Automate ผูก Microsoft Forms เข้ากับ Excel file นั่นเอง

    3.1 คลิกที่ จุด 9 จุด มุมบนซ้าย เลือก Microsoft Power Automate

    3.2 คลิก Create

    3.3 สร้าง Flow โดยใช้ object ตามรูป

    ตัวอย่างการตั้งชื่อ เช่น นำเข้าข้อมูลจากFormเข้าExcel_DIIS-ข้อมูลบริการวิชาการ

    Object ขั้นที่ 1 คือ When a new response is submitted

    Object ขั้นที่ 2 คือ Get response details

    3.4 Object ขั้นที่ 3 คือ Add a row into a table

    3.5 และเลือก รายการ มาใส่ให้ครบ เมื่อคลิกที่ช่องแต่ละช่อง จะมีหน้าต่าง pop up ขึ้นมา ให้เลือก ได้ดังรูป

    เป็นการทำงานเพื่อรวมจำนวนโครงการ จำนวนคน จำนวนเงิน ตัวเลขเหล่านี้จะถูกอ้างถึงในสูตรของเซลในชี้ต Main

    4.1 สร้างแท็บชี้ตในไฟล์ Excel เพิ่ม ให้ชื่อว่า Sheet2 คือ Pivot Table

    4.2 สร้างแท็บชี้ตในไฟล์ Excel เพิ่ม Sheet3 เปลี่ยนชื่อเป็น Main

    4.3 คลิกที่ Sheet1 วางเมาส์ไว้ใน Range Table1 และเลือกเมนู Insert เลือก PivotTable

    4.4 มาดูว่าใน Sheet2 มี Pivot Table อยู่หลายอัน ตามที่เราต้องรวมข้อมูล

    Pivot Table ที่ 1

    Pivot Table ที่ 2

    Pivot Table ที่ 3

    Pivot Table ที่ 4

    Pivot Table ที่ 5

    Pivot Table ที่ 6

    จัดทำรายงาน Dashboard ด้วย Microsoft Tools(5-9)

  • จัดทำรายงาน Dashboard ด้วย Microsoft Tools

    Forms + Power Automate (Flow) + Excel with Pivot Table + SharePoint Site Page

    การใช้งาน Microsoft จะมี Tools ต่าง ๆ ให้เราประกอบกันเข้าเพื่อการทำงาน เช่น เราสามารถสร้าง Site Page (คือเว็บเพจ) และดึงข้อมูลจากชี้ตใน Excel File มาแสดงเป็นข้อมูลในหน้าเว็บเพจ เพื่อจัดทำ Dashboard นำเสนอข้อมูล ตัวอย่างเช่น
    https://emailpsuac.sharepoint.com/sites/DIIS/ISO/SERVICES/SitePages/MSDdata.aspx

    จากรูปภาพตัวอย่างด้านบน ที่เห็นการจัดหัวเรื่อง จัดวางข้อความเหล่านี้เราต้องออกแบบเองนะ แล้วดึงข้อมูลจาก Pivot Table มาแสดง เช่น ตัวเลขของจำนวนโครงการ จำนวนคน จำนวนเงิน นอกจากนี้เราสามารถทำกราฟแท่งซ้อนกัน 2 แท่งเพื่อให้ดูสถานะผลสำเร็จในปัจจุบันที่จะไปถึงเป้าหมายได้
    การจัดทำ Dashboard นำเสนอข้อมูล สามารถเขียนเป็นขั้นตอนหลัก ๆ ได้ดังนี้
    1.สร้าง Form กรอกข้อมูล ด้วย Microsoft Forms
    2.สร้าง Excel file จาก Form ที่สร้างเสร็จและทดสอบป้อนข้อมูลสัก 1 รายการแล้ว
    3.สร้าง Flow เพื่อนำข้อมูลที่กรอกลง Form แต่ละครั้งลงใน Excel file ด้วย Microsoft Power Automate
    4.สร้าง Pivot Table จากข้อมูลในชี้ต Sheet1 ของ Excel file

    จัดทำรายงาน Dashboard ด้วย Microsoft Tools(1-4)

    5.สร้าง หน้า Dashboard จัดรูปแบบและดึงข้อมูลจาก Pivot Table ในชี้ต Sheet2 โดยเทคนิคอ้างอิงชื่อเซลล์
    6.สร้าง กราฟ แสดงสถานะผลสำเร็จในปัจจุบันจนถึงเป้าหมาย ด้วยกราฟแท่งจำนวน 2 แท่ง แบบแท่งกราฟไม่เว้นระยะห่างเพื่อให้ซ้อนกัน
    7.สร้าง Site Page ใน SharePoint site ของเรา โดยเลือกเครื่องมือ ชื่อ File and Media
    8.สร้าง เมนู สำหรับ Site Page ที่ทำเสร็จ หรือจะนำ Site Page ไปกำหนดเป็น Default Home Page ก็ได้
    9.ส่ง Form นี้ให้กับผู้กรอกข้อมูล

    จัดทำรายงาน Dashboard ด้วย Microsoft Tools(5-9)

  • [บันทึกกันลืม] แก้ปัญหา rejoin node rke2 ไม่ได้

    ปัญหา

    node หนึ่งใน Rancher ใช้งานได้ตามปรกติ แต่ไป sudo apt update; sudo apt upgrade แล้วเกิดเหตุให้ ต้อง restart node ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ pod ที่มาสร้างบน node นี้ไม่สามารถติดต่อกับระบบได้เลย

    อาการ

    pod จะ CrashLoopBackOff ตลอด หรือถ้าดู event จะเห็น timeout ตลอดครับ

    วิธีแก้ไข

    ได้ลอง format เครื่องก็แล้ว ทำหลายอย่างแล้วก็ไม่หาย ขอบคุณ คุณธนกร กิจศรีนภดล (เทียน) ได้ไปค้นหาวิธีการแก้ไขมาให้ โดยเหตุมาจาก Kernel ของ Ubuntu 20.04 กับ kernel ของ rke2 รุ่นที่ใช้งานอยู่ มี Bug เรื่อง UDP ตาม Link นี้

    Root cause คือ: kernel bug  affects udp + vxlan when using the offloading feature of the kernel

    สรุปคือ ใช้คำสั่งนี้

    sudo ethtool -K flannel.1 tx-checksum-ip-generic off

    ผลการแก้ไข

    หายสนิท ใช้งานได้ต่อไป

  • การกำหนดค่าพื้นฐานความปลอดภัยสำหรับ IIS และ WordPress บน Windows Server

    เพื่อให้ Web Server ของเราปลอดภัยจากการถูกโจมตี บทความนี้จะเป็นการแนะนำการกำหนดค่าต่างๆของ web server ที่ให้บริการ ซึ่งทำงานด้วยบน Windows Server และ มีการติดตั้ง IIS, PHP, MySql, ASP.Net และ WordPress

    • การกำหนดส่วนของ Windows Server อ้างอิงคำแนะนำจาก Quays SSL Labs ให้ได้ระดับ A ขึ้นไป
      1. ใช้ใบรับรองจาก CA ที่น่าเชื่อถือ และ ใช้การ RSA 2048 bits (SHA256withRSA) ขึ้นไป
      2. การกำหนด Cipher Suites ที่ปลอดภัย ซึ่งจะมีเครื่องมือที่ช่วยในการกำหนดดังนี้
        • IIS Crypto เป็นโปรแกรมฟรีไม่ต้องติดตั้งสำหรับช่วยจัดการกำหนด protocols, ciphers, hashes and key exchange algorithms บน Windows Server โดยกำหนดพื้นฐานดังนี้
          1. เมนู Schannel
          1.1 Protocols เลือกกำหนดใช้งาน TLS 1.2 และ/หรือ TLS 1.3 เท่านั้น
          1.2 Cipher เลือกกำหนดเป็น AES
          1.3 Hashes เลือก SHA 256 ขึ้นไป
          1.4 Key Exchanges สามารถเลือกได้ทั้ง Diffie-Hellman, PKCS และ ECDH
          2. เมนู Cipher Suites สามารถกำหนด Cipher Suites ที่ปลอดภัยในปัจจุบัน ซึ่งค้นหาได้จากเว็บ https://www.tenable.com/plugins/nessus/156899
      3. เป็นส่วนของการกำหนดใน IIS
        • การกำหนดสำหรับ Security Headers ให้ได้ระดับ A+ อ้างอิงคำแนะนำจากเว็บ https://securityheaders.com/
        • การจัดการ Http Response Header โดยกำหนดค่าดังนี้
          1. X-Frame-Options เป็นการกำหนดเพื่อหลีกเลี่ยงจากการถูกโจมตีด้วย Clickjacking
            ตัวอย่างการกำหนดค่าเป็น SAMEORIGIN
          2. X-XSS-Protection เป็นการป้องกันการโหลดสคริปต์ข้ามไซต์
            ตัวอย่างการกำหนดเป็น 1; mode=block
          3. X-Content-Type-Options เป็นการป้องการโจมตีเนื้อหาประเภท MINE (Multipurpose Internet Mail Extensions) ซึ่งเป็นรูปแบบที่ใช้ระบุประเภทของข้อมูลที่ถูกส่งผ่านเครือข่าย หรือเก็บที่เครื่องอุปกรณ์ มันช่วยบอกให้ระบบรับรู้ว่าไฟล์เป็นประเภทไหนและวิธีการจัดการข้อมูลนั้น ที่อาจถูกใช้ในการโจมตีเพื่อหลอกลวงระบบหรือละเว้นมาตรฐานการตรวจสอบปลอดภัย เช่น application/pdf, image/jpeg, text/html
            ตัวอย่างการกำหนดค่าเป็น nosniff
          4. Referrer-Policy เป็นการควบคุมการส่งผ่านส่วนอ้างอิง เช่น ป้องกันส่วน HTTPS ไม่ให้กลับไป HTTP ที่ไม่ปลอดภัย
            ตัวอย่างการกำหนดค่าเป็น no-referrer-when-downgrade
          5. Strict-Transport-Security เป็นการช่วยให้การเข้าเว็บไซต์ด้วย HTTPS เท่านั้น
            ตัวอย่างการกำหนดค่าเป็น max-age=31536000; includeSubDomains; preload
          6. Content-Security-Policy เป็นการระบุที่มาของเนื้อหาที่ได้รับอนุญาตให้โหลดบนเว็บไซต์ เช่น JavaScript เพื่อป้องกันการโจมตีแบบ Cross-Site Scripting (XSS)
            ตัวอย่างการกำหนดค่าเป็น upgrade-insecure-requests
          7. Permissions-Policy เป็นการควบคุมการเปิดใช้งานเช่น กล้อง หรือ ไมโครโฟน หรือ ฟีเจอร์อื่น ๆ
            ตัวอย่างการกำหนดค่า เช่น geolocation=(), camera=(), microphone=()
        • การปกปิดเวอร์ชันไม่แสดงในส่วนของ Header สามารถกำหนดเพิ่มเติมดังนี้
          1. เมนู IIS Manager –> Configuration Editor
            • Section: system.webServer/security/requestFiltering กำหนด removeServerHeader เป็น True เพื่อไม่ให้แสดง เวอร์ชันของ server
            • Section: system.web/httpRuntime กำหนด enableVersionHeader เป็น False เพื่อไม่ให้แสดงเวอร์ชันของ IIS หรือ ASP.Net
          2. กำหนด expose_php = Off ใน php.ini เพื่อไม่ให้แสดงเวอร์ชันของ php
          3. ลบ X-Powered-By ออกจาก HTTP Response Headers
      4. กำหนด IP Address ส่วนของ Remote Address ใน Windows Defender Firewall with Advance Security – Inbound Rules เพื่อควบคุมการเข้าถึงจากคอมพิวเตอร์ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น
      5. ปิด port ที่ไม่ได้ใช้งาน
    • การกำหนดส่วนของเว็บ
      1. การเรียกใช้งานไรบรารีจากภายนอกเว็บไซต์ เช่น เดิม จะมีการเรียกใช้โดยอ้างอิงแบบ
        src=”https://code.jquery.com/jquery-3.7.1.min.js” ซึ่งจะไม่มีการตรวจสอบความน่าเชื่อถือ
        เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าไรบรารีที่ใช้งานจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง จึงมีการเพิ่มส่วนการตรวจสอบ integrity และ crossorigin ซึ่งสามารถเลือกใช้งาน Code Integration ได้จากเว็บ https://releases.jquery.com/jquery/ หรือ https://cdnjs.com/libraries ดังตัวอย่างนี้
        • src=”https://code.jquery.com/jquery-3.7.1.min.js” integrity=”sha256-/JqT3SQfawRcv/BIHPThkBvs0OEvtFFmqPF/lYI/Cxo=” crossorigin=”anonymous” หรือ
        • src=”https://cdnjs.cloudflare.com/ajax/libs/jquery/3.7.1/jquery.min.js” integrity=”sha512-v2CJ7UaYy4JwqLDIrZUI/4hqeoQieOmAZNXBeQyjo21dadnwR+8ZaIJVT8EE2iyI61OV8e6M8PP2/4hpQINQ/g==” crossorigin=”anonymous” referrerpolicy=”no-referrer”
      2. การป้องกันการเรียกดู user data ผ่าน REST API ใน WordPress กรณีนี้ควรติดตั้งส่วนเสริมไม่ให้สามารถเรียกใช้งานผ่าน REST API โดยไม่มีการยืนยันตัวตนก่อน เช่น Disable WP REST API
    • หลังจาก กำหนดค่าเรียบร้อยแล้ว สามารถทดสอบได้ที่ https://www.ssllabs.com/ssltest/analyze.html คลิกเลือก Do not show the results on the boards ก่อนสแกน ด้วยครับ
    • Windows Server 2019 รองรับ TLS 1.2
    • Windows Server 2022 รองรับ TLS 1.2 และ TLS 1.3
      หมายเหตุ ทั้งนี้ Windows Server 2022 เพิ่มการรองรับ TLS 1.3 อย่างไรก็ตาม หากเปิดใช้งานทั้ง TLS 1.2 และ 1.3 Site Scanner จะส่งผลให้ได้เกรด A เท่านั้น เนื่องจากปัจจุบัน Windows Server ไม่รองรับการป้องกันการโจมตีแบบดาวน์เกรด หากไคลเอนต์ร้องขอ TLS 1.3 Windows จะยังคงอนุญาตให้ปรับไปใช้ TLS 1.2 ได้ และนั่นคือสาเหตุที่ Site Scanner รายงานเกรด A แทนที่จะเป็น A+