Day: May 22, 2021

  • Data Visualization นำเสนอข้อมูลเป็นรูป/กราฟแบบไหนดี ? กับข้อมูลที่มีอยู่

    การสือสารที่มีอรรถรสสำหรับการมอง/อ่าน ที่ข้อมูลครบถ้วนโดยมีมิติ มุมมองและการเปรียบเทียบ จบในหน้าเดียวหรือรูปเดียว คือนิยาม Data Visualization ของผมครับ เราก็มาดูกันครับ เอาข้อมูลแบบไหนมาชนกับ Data Visualization แบบไหนถึงจะตรงประเด่นการนำเสนอข้อมูลด้วยภาพ

    ต้องการเปรียบเทียบข้อมูล (Comparison)

    กลุ่มนี้ก็จะมี

    • Bar Chart
    • Line Chart
    • Bubble Chart
    • Grouped Bar
    • Table
    • Pivot Table

    Bar Chart และ Grouped Bar ใช้เปรียบเทียบข้อมูลตามเงื่อนไขที่สนใจ

    ใช้เปรียบเทียบมิติจำนวนข้อมูลที่สนใจกับช่วงที่สนใจ เช่น เปรียบเทียบเป้าหมายที่ตั้งไว้กับข้อมูลที่ทำได้จริงในแต่ละเดือน, จำนวนนักศึกษา ในแต่ละปีการศึกษา เป็นต้น

    Line Chart ใช้เปรียบเทียบเพื่อดูแนวโน้มของข้อมูล

    ใช้เปรียบเทียบมิติของข้อมูล ในเชิงต้องการดูเพื่อเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลง ดูแนวโน้ม (Trends) โดยอาจจะเทียบกับมิติของเวลา (Time Series) และยังนำไปใช้ร่วมกับ machine learning เพื่อพยากรณ์ข้อมูลในอนาคตได้ด้วย เช่น ข้อมูลการถอนรายวิชาในแต่ละเดือนเปรีบเทียบ 3 ปีที่ผ่านมา จำนวนนักเรียนที่สมัครเข้าเรียนใน มอ. แยกตามโครงการ 5 ปีที่ผ่านมา เป็นต้น ตัวอย่างเป็นเปอร์เซ็นต์นักศึกษาเพศชายกับเพศหญิง

    รูป Line Chart

    Bubble Chart ใช้แสดงข้อมูลที่มีความสัมพันธ์กันแบบ 3 มิติ

    ใช้เปรียบเทียบแบบ 3 มิติข้อมูล เช่น
    แกน X แสดง จำนวนอาจารย์
    แกน Y แสดง จำนวนเงินค่าลงทะเบียน
    ขนาดและจำนวนแต่ละฟอง แทน คณะและจำนวนนักศึกษา
    ถ้าเปรียบเทียบแบบนี้ก็จะเห็นความสัมพันธ์ของข้อมูลทั้ง 3 ข้อมูลและสามารถตั้งเป้าหมาย หาค่ามากที่สุด น้อยที่สุดที่สนใจได้

    รูป Bubble Chart ตัวอย่างเป็นข้อมูลสมมุติ

    Table ใช้เปรียบเทียบข้อมูลแบบแนวตั้ง

    เป็นการเปรียบเทียบพื้นฐานที่สุดเลย เป็นการเปรียบเทียบชุดข้อมูลที่ไม่ซับซ้อน เช่น

    รูป Table

    Pivot Table ใช้เปรียบเทียบข้อมูลแนวนอน

    เหมาะสำหรับการเปลี่ยนเทียบข้อมูลเพื่อหาความแตกต่างตามแนวนอน มักจะใช้กับเวลา เดือน ปี เป็นแนวนอนและรายการข้อมูลที่สนใจเป็นแนวตั้งที่สามารถ Filter ได้ เช่น จำนวนค่าลงทะเบียนในแต่ละปีแยกตามคณะ 5 ปีที่ผ่านมาเป็นแนวนอนและรายชื่อคณะเป็นแนวตั้งที่สามารถ Filter ได้ เป็นต้น

    รูป Pivot Table

    ต้องการดูการกระจาย (Distribution) สามารถใช้เมื่อต้องการดูความถี่ของข้อมูลว่ามีลักษณะการกระจายตัวอย่างไร

    Histogram
    Line Histrogram
    Scatter Plot
    Box Plot

    Histogram แสดงความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูล ดูการการจายความถี่ของข้อมูล

    รูป Histogram

    Scatter Plot แสดงการกระจายของการจับคู่ข้อมูล

    ภาพจาก WHO

    เหมาะสำหรับแสดงการจับคู่ข้อมูลเพื่อดูการกระจายผล
    เช่น การวัดผลก่อนเรียนและหลังเรียน การวัดผลการทดลองสองกลุ่มทดลอง การวัดน้ำหนักสองครั้งจากคนเดียวกัน 100 คนในวิธีควบคุมอาหาร เป็นต้น

    จะเห็นอะไรจาก Scatter Plot
    -แนวโน้มของข้อมูลระหว่างตัวแปร
    -ความผิดปกติจากภาพรวม
    -กลุ่มก้อนภาพรวมของข้อมูล

    Box Plot เพื่อดูการกระจายของข้อมูลและมีค่าต่างๆประกอบอยู่ในกราฟคือ ค่ากลาง ค่าการการะจาย ค่ามากสุด น้อยที่สุดและข้อมูลห่างกลุ่มมาก (Outlier)

    รูป Box Chart

    Box Plot Chart จะมีข้อมูลแบ่งออกเป็น 3 ช่วงคือ
    25% (Q1) คือข้อมูล 25% แรกจากค่าต่ำขึ้นมา
    50% (Q2) คือข้อมูลตัวที่มากกว่า 25% จนถึงตัวที่ 75% โดยแสดงออกมาในรูป สี่เหลี่ยมผืนผ้า
    75% (Q3) คือข้อมูล 50% ของข้อมูลอยู่ เขียนแทนด้วยเส้นตรงอยู่ภายในรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ค่านี้คือค่าค่ากลางของข้อมูลทั้งหมด (Median) และตรงค่า เฉลี่ย (Mean) จะแทนด้วย เครื่องหมายบวก
    สำหรับตัวอย่างที่น่าจะยกได้สำหรับการศึกษาอาจจะเป็นผลการเรียนของนุักศึกษา

    ดูการแบ่งสัดส่วน (Composition) ต้องการเห็นภาพรวมพร้อมกับส่วนต่างๆที่สนใจ

    Treemap
    Donut Chart
    Stacked Area Chart
    Stacked Bar
    Pie Chart
    Waterfall Chart

    Treemap

    รูป Treemap

    เป็น Chart ตารางสี่เหลี่ยม โดยใช้สีแยกกลุ่มของข้อมูล และขนาดของสีสี่เหลี่ยมบอกถึงปริมาณของข้อมูลแต่ละกลุ่ม เป็นกราฟที่ดูง่ายเข้าใจในทันทีที่เห็น

    Pie Chart

    รูป Pie Chart

    Pie Chart เป็น Chart ที่แสดงสัดส่วนของข้อมูลดังเดิมที่เข้าใจง่าย เห็นการแยกสัดส่วนตามสีของแต่ละส่วน (เหมือนพิสซ่ามากกว่าพาย)

    ดูความสัมพันธ์ (Relationship) ของข้อมูล

    Heatmap
    Worldmap
    Column/Line Chart
    Scatter Plot
    Bubble Chart

    World map

    รูป World Map

    world map ใช้รูปแผนที่โลกในการแสดงข้อมูลที่มีความสัมพันธ์กัน เป็น Chart สมัยใหม่เข้าใจง่ายและสวยงาม

    วิเคราะห์ข้อมูลการมาอย่างยากลำบาก แต่ถ้านำเสนอไม่น่าสนใจ คนดูไม่เข้าใจ เลือกการแสดงผลไม่ตรงกับสิ่งที่ต้องการนำเสนอ เหมือนทำอาหารอร่อยแต่ไม่น่ากิน เราเลยจำเป็นที่จะต้องศึกษาวิธีนำเสนอข้อมูลในแบบ Data Visualication อย่างเข้าใจและสวยงาม

    แหล่งข้อมูลที่ใช้ศึกษาและเขียนบทความ
    แหล่งที่ 1
    แหล่งที่ 2
    แหล่งที่ 3

  • ใช้มือถือแทน Mouse และ Keyboard ก็ได้นะ

    ชีวิตคนทำงาน Office ที่ต้องใช้ Computer เป็นประจำทุกวัน ทำงานกันอย่างหนักหน่วง ถ้าเกิด Mouse หรือ Keyboard ที่ใช้งานอยู่ มีปัญหาหรือเสียหายขึ้นมา จะทำยังไง? ส่งซ่อมหรือออกไปหาซื้อใหม่ ก็ทำให้เสียเวลา
    วันนี้เรามีวิธีมาช่วยแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เปลี่ยนมือถือคุณเป็น Mouse และ Keyboard แบบ WiFi ใช้ร่วมกับคอมพิวเตอร์ของคุณได้ทั้ง Windows และ Mac รวมถึงคุมมือถือ iOS และ Android ได้ด้วย สามารถพิมพ์ผ่านมือถือได้ เพียงลง Application WiFi Mouse ลงบนเครื่อง iOS หรือ Android และคอมพิวเตอร์


    เริ่มต้นด้วย
    1. Download Application ที่ชื่อว่า WiFi Mouse มาไว้ที่มือถือของเรา ซึ่งสามารถ Download ได้ทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android



    2. Download โปรแกรมที่ http://wifimouse.necta.us/ มาไว้ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา โดยเลือก Download ตาม OS ที่เราใช้งาน



    3. หลังจากติดตั้งให้เรียบร้อย จะได้โปรแกรม Mouse Server บนคอมพิวเตอร์ และ Application WiFi Mouse บนมือถือ ดังรูป


    4. เริ่มต้นการใช้งาน มือถือและ เครื่องคอมพิวเตอร์ ต้องเชื่อมต่อ ให้อยู่ใน WiFi วงเดียวกัน จากนั้นให้เปิดโปรแกรมและ Application ที่ติดตั้งนั้นขึ้นมา จะปรากฏชื่อคอมพิวเตอร์ของเราบนมือถือ เพื่อให้เลือกใช้งาน ดังรูป



    5. เมื่อเลือกเข้าใช้งานที่ชื่อคอมพิวเตอร์ของเราแล้ว มือถือของเราก็จะกลายเป็น Mouse และ Keyboard ได้ทันที…..ว้าวววว


    6. สำหรับ Function ที่สามารถใช้งานได้ฟรี มีดังนี้
    – Keyboard


    – Presentation


    – File Browser


    – Browser


    – Screen Picture เมื่อคลิกจะสามารถ Capture หน้าจอที่เราต้องการไปวางไว้บนหน้า Desk top



    – Applications



    – Shutdown



    ชีวิต คนทำงานง่ายขึ้นเยอะ ไว้มา update เคล็ดลับดี ๆ ที่คุณอาจจะยังไม่รู้กันอีกนะคะ
    ขอบคุณ : ความรู้ดีๆ จาก Youtube