การส่งค่าจาก Models แบบ Multiple มายัง Single View

โดยปกติแล้วใน MVC เราจะไม่สามารถส่งค่าที่อยู่ใน Models มามากกว่า 1 Models จาก Controller มายังวิวเดียวกันได้ ซึ่งจริงๆ แล้วมีเทคนิคที่จะทำให้สามารถส่งค่าผ่านมาได้โดยง่าย ดังหลายๆ วิธีต่อไปนี้   ดาวน์โหลด Source Code ได้ที่นี่ครับ   หมายเหตุ: ในตัวอย่างผมจะใช้ method GetTeachers() และ GetStudents() ร่วมกันในหลายวิธีนะครับ ตามนี้ครับ   1. ใช้ View Model View Model เป็น Class เดี่ยวๆ ที่อาจจะประกอบด้วยหลาย models อยู่ภายใน ซึ่งไม่ควรจะมี method อยู่ภายใน จากตัวอย่างข้างล่าง เป็น model ที่มี 2 properties ซึ่งจะต้องทำการ define strongly typed เพื่อให้ Intellisense สามารถใช้งานได้ Controller View   2.ใช้ View Data การใช้ ViewData เป็นอะไรที่ง่ายมาก สามารถเก็บค่าและส่งค่าผ่านจาก Controller ไปยัง View ได้ทันที (คล้ายกับตัวแปล Session ใน C# รุ่นก่อนๆ) ดังตัวอย่าง Controller   View   3.ใช้ Dynamic Model จะต้องทำการเรียกใช้คลาส ExpandoObject (อยู่ภายใต้ namespace: System.Dynamic เฉพาะใน .NET Framework 4.0 ขึ้นไป) จะอนุญาตให้เราเพิ่มหรือลบค่า properties ของ object ขณะ runtime ซึ่งจะทำให้เราสามารถสร้าง object และ เพิ่มหรือลบ ค่าเข้าไปใน properties ได้ ซึ่งมีข้อเสียคือการส่งค่าแบบ dynamic นี้จะไม่สามารถใช้ strongly typed model ได้ ซึ่งจะต้องนำไป cast เป็น type ที่ต้องการ เมื่อเรียกใช้อีกครั้งหนึ่ง Controller View     4. ใช้ View Bag จะเหมือนกับการใช้ View Data ซึ่ง View Data เป็น dictionary object ต่างจาก View Bag ที่เป็น dynamic property ของ ControllerBase Class Controller View   5. ใช้ Tuple Tuple คือ Object ที่ไม่สามารถเปลี่ยนรูปได้ (Immutable), ขนาดคงที่และเรียงตามลำดับ (fixed-size and ordered sequence object) โดยโครงสร้างจะมีหมายเลขที่เจาะจงและลำดับที่ของข้อมูล โดย .NET Framework รองรับได้สูงสุด 7 ข้อมูล (elements) ดังตัวอย่าง Controller View   6. ใช้การ Partial View (Partial Render in Action Method) ทำการ render partial view อยู่ภายในวิว ซึ่งเราสามารถแยกเป็นสอง partial view โดยแต่ละ partial view ก็จะมี model เป็นของจนเอง ตามตัวอย่าง Controller View  

Read More »

ไวรัส shortcut

เหตุที่ตั้งชื่อบทความว่า ไวรัส shortcut ไม่ได้หมายความว่าไวรัสประเภทนี้ชื่อ shortcut แต่เป็นอาการทีเกิดขึ้นเมื่อไวรัสตัวนี้ทำงาน โดยสาเหตุและลักษณะอาการที่พบคือ เมื่อเรานำ flash drive หรืออุปกรณ์จำพวก removable drive (เช่น external hardisk) ไปใช้งานกับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่ง ไฟล์ที่อยู่ใน flash drive หรือ removable drive จะหายไป และจะมีไฟล์ shortcut เกิดขึ้นแทนที่ โดย shortcut มักจะถูกตั้งชื่อเหมือนกับไฟล์ข้อมูลเดิมที่มีอยู่ ซึ่งหากเราเผลอเปิดไฟล์ shortcut ดังกล่าว ก็จะเป็นการไปเรียกไฟล์ไวรัสให้ทำงานนั่นเอง ส่วนไฟล์ข้อมูลเดิมนั้นไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่เมื่อแรกเริ่มที่ติดไวรัสมานั้น ไฟล์เหล่านี้จะถูกซ่อนไว้ไม่ให้เห็นนั่นเอง   ตัวอย่างไฟล์ shortcut ที่ไวรัสสร้างขึ้น ข้อสังเกตุคือจะมีไอคอนเป็นแบบ shortcut (ไอคอนรูปลูกศร)   แนวทางการแก้ไข (ในบทความนี้จะยกตัวอย่างบน Windows 8.1) อันดับแรกสิ่งที่ต้องเตรียมคือ เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ไม่ติดไวรัส เพื่อใช้สำหรับกำจัดไวรัสและกู้ข้อมูลที่อยู่ใน flash drive หรือ removable drive โดยคอมพิวเตอร์ควรมีความพร้อมดังต่อไปนี้ – ติดตั้งโปรแกรม antivirus ที่อัพเดตฐานข้อมูลไวรัสล่าสุด กรณี Windows 8.1 จะมี antivirus มาพร้อมอยู่แล้วคือ Windows Defender ซึ่งควรอัพเดตฐานข้อมูลไวรัสให้ล่าสุดก่อน – ปิด Autorun หรือ AutoPlay เพื่อป้องกันไม่ให้ไฟล์ใน  flash drive หรือ  removable drive ที่ติดไวรัส ถูกเปิดอ่านเมื่อมีการเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุให้ไวรัสแพร่กระจายต่อไปได้ เชื่อมต่อ flash drive หรือ removable drive ที่ติดไวรัสเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ จากนั้นทำการแสกนไวรัสด้วยโปแกรม antivirus ที่เตรียมไว้  และทำตามคำแนะนำของโปรแกรม antivirus  เพื่อกำจัดไฟล์ไวรัสและไฟล์ shortcut ที่ถูกไวรัสสร้างขึ้นมา   ซึ่งเมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนนี้แล้ว อาจจะพบว่า drive จะกลายเป็นพื้นที่ว่าง ๆ แต่หากดู properties ของ drive แล้วจะพบว่ามีเนื้อที่ส่วนหนึ่งถูกใช้ในการเก็บข้อมูล ซึ่งที่จริงแล้วก็คือไฟล์ข้อมูลที่ถูกไวรัสซ่อนไปนั่นเอง ตัวอย่าง falsh drive ที่ติดไวรัส หลังจากกำจัดไวรัสออกไปแล้ว จะเห็นเป็น drive ว่าง ๆ แต่เมื่อดู properties จะเห็นว่ามีเนื้อที่ส่วนหนึ่งที่มีการใช้เก็บข้อมูลอยู่   ส่วนของขั้นตอนการกู้ไฟล์ที่หายไปนั้น ก็คือการทำให้คอมพิวเตอร์ของเราเห็นไฟล์ที่ซ่อนไว้นั่นเอง ซึ่งโดยปกตินั้น เราสามารถตั้งค่าการแสดงไฟล์ได้ในหน้าต่าง File Explorer โดยก่อนเข้าไปตั้งค่านี้ ให้เราเข้าไปที่ drive ที่ต้องการกู้ข้อมูลก่อน เพื่อจะได้เห็นผลจากการตั้งค่าได้เลย  จากนั้นเลือกเมนู View ที่อยู่ด้านบน แล้วเลือกเลือกเมนู Options แล้วเลือกคำสั่ง Change folder and search options เสร็จแล้วจะปรากฏหน้าต่างสำหรับตั้งค่า ต่อมาคือให้ไปที่แท็บ View จากนั้นให้ลองเลือกตัวเลือก ดังนี้ เลือก Show hidden files, folders, and drives จากนั้นกดปุ่ม Apply หากไฟล์ที่ถูกซ่อนยังไม่ปรากฏ ให้เลือกตัวเลือก Hide protected operating system files (Recommended) แล้วกดปุ่ม Apply ซึ่งเมื่อถึงขั้นตอนนี้แล้ว ไฟล์ที่ถูกซ่อนไว้ก็น่าจะปรากฏขึ้นมาแล้ว จะสังเกตเห็นว่าไฟล์ข้อมูลที่หายไปจะปรากฏขึ้นมา แต่ไอคอนจะเป็นสีจาง ๆ เนื่องจากถูกตั้งค่าให้เป็น Hidden โดยไวรัส และเมื่อดู properties ของไฟล์ จะพบว่าไม่สามารถเปลี่ยนค่าจาก Hidden เป็นปกติได้ เนื่องจากตัวเลือก Hidden ถูก disable อยู่ วิธีการแก้ไขเพื่อเอาค่า Hidden ออกทำได้ดังนี้คือ อันดับแรก ให้กลับไปตัั้งค่าการแสดงผลไฟล์และโฟลเดอร์ให้เป็นเหมือนเดิมก่อน (ติ๊กเครื่องหมายถูกตัวเลือก Hide protected operating system files (Recommended) แล้วกดปุ่ม

Read More »

สั่งให้ Excel พูดด้วยเครื่องมือ Speak Cells

สำหรับ blog ในวันนี้ ทางผู้เขียนขอแนะนำเทคนิคการใช้งานเครื่องมือใน Quick Access Toolbar (QAT) ที่จะสามารถทำให้เราทำงานได้เร็วขึ้น โดยการเลือกเครื่องมือที่มีการใช้งานบ่อยๆ มาไว้ในที่ที่เข้าถึงง่าย   แล้ว Quick Access Toolbar คืออะไร ? อธิบายแบบง่ายๆ เลยนะ มันคือ แถบคำสั่งที่อยู่มุมบนด้านซ้ายของตัวโปแกรมชุด Office ไม่ว่าจะเป็น Excel, Word หรือ PowerPoint เพื่อให้เราสามารถเรียกใช้งานคำสั่งต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ที่เราเห็นอยู่บ่อยๆ คือพวกปุ่ม Save, Undo, Redo นั่นแหละ   แล้วถ้าหากเราต้องการ Add คำสั่งอื่นๆ เพิ่มเข้ามาละ จะต้องทำยังไง ? วิธีการเพิ่มคำสั่งใน Quick Access Toolbar วิธีที่หนึ่ง สามารถ Add ได้จากปุ่มที่เห็นอยู่แล้ว ดูตัวอย่างได้ตามรูปด้านล่าง คลิกขวาบนคำสั่งที่ต้องการ จากนั้นเลือก Add to Quick Access Toolbar วิธีที่สอง คลิก Add More Command (วิธีนี้สามารถเลือกคำสั่งแบบแปลกๆ ที่เราไม่ค่อยจะได้เห็นเข้ามาได้ด้วย) ดูตัวอย่างได้ตามรูปด้านล่าง คลิกเลือกสัญลักษณ์ สามเหลี่ยม ดังรูป เลือก “More Commands…” Choose commands from ให้เลือกแสดงเป็นแบบ All Commands หากอยากเห็นทั้งหมด หรือจะเลือกแบบ Commands Not in the ribbon ก็ได้นะ เดี๋ยวมันจะกรองให้ ตัวอย่างดังรูป จากนั้นเราจะเห็นเมนูทั้งหมด สามารถเลือกคำสั่งที่ต้องการและ คลิกปุ่ม “Add” จากนั้นคลิกปุ่ม “OK” เพื่อยืนยันการเพิ่มคำสั่งดังกล่าว สำหรับคำสั่งที่เราจะเลือกแนะนำใน Blog นี้คือ คำสั่ง “Speak Cells” เมื่อเรา Add Commands เสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็จะเห็นสัญลักษณ์คำสั่งดังกล่าวเพิ่มเข้ามาในส่วนของ Quick Access Toolbar ซึ่งประโยชน์ของเจ้าคำสั่งนี้เนี่ย คือการที่โปรแกรมจะช่วยทวนสิ่งที่เราพิมพ์เข้าไป เพื่อลดความผิดพลาด โดยไม่ต้องมานั่งเสียเวลาอ่านทวนซ้ำในสิ่งที่เราพิมพ์เข้าไปนั่นเอง (แต่ต้องเป็นภาษาอังกฤษนะ) ทางผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆ เหล่านี้น่าจะมีประโยชน์สำหรับใครหลายๆ คน (รวมถึงตัวผู้เขียนด้วย) ซึ่งนอกเหนือจาก Commands ดังกล่าวนั้น Excel ก็ยังมีเครื่องมือเจ๋งๆ ที่เราสามารถ Add เข้ามายัง Quick Access Toolbar เพิ่มเติมได้อีกเยอะแยะมากมาย ผู้อ่านสามารถทดลองคลิกๆ เลือกๆ เพิ่มเข้ามาได้เลย ไม่ต้องกลัวโปรแกรมจะเจ๊งงงงนะ ไม่ลองเล่นก็จะไม่รู้น่ะแจ๊ะ แฮ่ ^____^   ขอบคุณแหล่งข้อมูลอ้างอิง https://www.sara2u.com/tips-trick.html http://www.inwexcel.com/

Read More »

Facebook Spam ที่หลอกมาเป็น “ข่าวสด”

วันนี้พบเพื่อนคนนึง มีโพสต์ประหลาดๆขึ้นบน Profile ดังภาพ แต่พอลองเอา Mouse Over ดูพบว่า Link ไป khaosod.me/XXXXXX ลองมั่วตามไปดู พบว่าไปเปิด Web หนึ่ง เลียบแบบ kapook.com คาดว่า เกิดจาก ก่อนหน้านี้ไปคลิก Facebook App บางอย่าง ทำให้เกิดการ ให้สิทธิ์ App เขียน Wall ได้ วิธีแก้เคยเขียนไว้แล้วใน วิธีจัดการ Facebook Spam

Read More »

การสลับภาษาด้วย “~” Linux Mint 18.2 64 bit

        สำหรับใครที่ในช่วงนี้เบื่อๆเซ็งๆระบบปฎิบัติการ Windows อยากลองอะไรใหม่ๆให้กับชีวิตบ้าง ใจก็อยากไป macOS แหละ ครั้นจะเอามาลงที่เครื่องเรา มันได้เหรอ(คิดในใจเบาๆ) ว่าแล้วก็หันไปซบอก OpenSource อย่าง linux ดีกว่า linux ก็จะประสบปัญหาการเปลี่ยนภาษาเหมือนตอนที่เราลง Windows ใหม่ๆ ต้องกด Left Alt + Shift เพื่อเปลี่ยนภาษา มันก็จะลำบากหน่อยๆ กดไปบ้างไม่ไปบ้างแต่คนที่ชินแล้วก็ปล่อยเขาไปนะค่ะ ส่วนเรายังไม่ชินปกติก็จะใช้ Grave “~” ตลอด ซึ่ง linux เดิมจะใช้ ปุ่ม Ctrl+Shift ในการเปลี่ยนภาษา สืบไปสืบมาได้ความว่า linux จะใช้ “~” แทนการอ้างอิง path home จึงไม่สามารถใช้ “~” เปลี่ยนภาษาได้ แต่สำหรับใครที่ยังไม่ชินก็สามารถติดตั้งโปรแกรมเพิ่มเติม เพื่อให้สามารถเปลี่ยนภาษาได้เนอะ             ก่อนอื่นต้องทำการ download โปรแกรมมาติดตั้งติดตั้งในเครื่องเพื่อใช้ในการสลับภาษาโดยชื่อว่าgrave-key.tar.gz สามารถ download ได้ที่ http://noc.rmutl.ac.th/main/wp-content/plugins/download-monitor/download.php?id=29         วิธีการติดตั้ง ไฟล์ที่ download มาจะมีนามสกุล .gz โดยเป็นไฟล์ zip ประเภทหนึ่งบนระบบปฎิบัติการ linux ดังนั้นก่อนการใช้งาน จึงต้องทำการ คลาย zip ก่อน โดยโปรแกรม zip จะถูกติดตั้งเป็นโปรแกรมพื้นฐานมาแล้ว จึงสามารถใช้งานได้ทันที โดยวิธีการคลายzip เข้าไปยังตำแหน่งไฟล์ที่ download คลิกขวาที่ไฟล์ แล้วเลือก “open with archive manager” โปรแกรมที่ไช้ในการคลาย zip จะถูกเปิดขึ้นมา หลังจากนั้น กด Extract แล้วเลือกตำแหน่ง เก็บไฟล์ ดังภาพที่ 1                                  ภาพที่ 1  Extract File ด้วย open with archive manager ทำการ install โปรแกรม โดยใช้ command ในส่ง install  เปิดโปรแกรม terminal เข้าไปยังตำแหน่ง path ที่ไฟล์โปรแกมอยู่ run โปรแกรม ด้วยคำสั่ง ./script.sh                                                        ภาพที่ 2 run โปรแกรม ตั้งค่า keyboard เพื่อให้สามารถใช้งานได้ โดยเปิดโปรแกรม Keyboard ตามขั้นตอนดังภาพที่ 3 หรือ Search คำว่ “keyboard” ตรงรูปแว่นขยายด้านบน                               

Read More »