Day: July 12, 2015

  • เรียนรู้วิธีการ Import ข้อมูลในรูปแบบไฟล์ Excel ในแบบ Single และ Multiple sheet ด้วย ASP.NET (C#)

                “ข้อมูล” นับว่าเป็นส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญในการทำงานหรือการแสดงผลข้อมูลของระบบหรือเว็บไซต์ในปัจจุบัน ซึ่งอาจมีที่มาจากการจัดการเองผ่านระบบจัดการข้อมูล (Back office) หรือมีการนำเข้าจากแหล่งอื่นเนื่องจากข้อมูลที่ต้องการบันทึกเข้าสู่ระบบดังกล่าวอาจมีจำนวนมาก ทำให้การป้อนข้อมูลผ่านระบบทีละรายการเป็นไปอย่างลำบากและเกิดความผิดพลาดได้โดยง่าย เช่น ข้อมูลการเงิน ข้อมูลการสั่งซื้อสินค้า เป็นต้น อีกทั้งยังพบว่ามีบางกรณีที่ผู้ใช้มีความต้องการดึงข้อมูลจากฐานข้อมูลและส่งออกมาในรูปแบบไฟล์อื่นๆเพื่อนำไปประมวลผลต่อไปได้โดยง่าย ซึ่งโดยทั่วไปผู้ใช้มักเก็บข้อมูลเหล่านี้ในรูปแบบไฟล์ต่างๆ เช่น ไฟล์ Excel หรือ ไฟล์ Access ดังนั้น นักพัฒนาของระบบที่มีความต้องการจัดการข้อมูลในลักษณะนี้จึงจำเป็นที่จะต้องมีความรู้เกี่ยวกับกระบวนการดังกล่าวเพื่อให้ได้ข้อมูลตามรูปแบบที่ผู้ใช้ต้องการ ซึ่งในบทความนี้ ผู้เขียนขอเสนอวิธีการ Import ข้อมูลให้ออกมาในรูปแบบไฟล์ Excel พัฒนาโดยใช้ ASP.NET ด้วย C# เนื่องจากเป็นกรณีความต้องการที่พบบ่อยและสามารถนำข้อมูลจากไฟล์ไปใช้งานต่อได้โดยง่าย ซึ่งจะพูดทั้งในลักษณะแบบ Single sheet และแบบ Multiple sheet เพื่อที่จะช่วยให้ผู้พัฒนาที่มีความสนใจสามารถเห็นภาพการทำงานโดยรวม และสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับระบบที่ท่านกำลังพัฒนาอยู่ได้

    กรณีนำเข้าข้อมูล(Import) ซึ่งในบทความนี้จะแบ่งเป็น 2 ลักษณะ ดังนี้

    • การนำเข้าข้อมูลแบบ Single sheet ถือเป็นการนำเข้าในแบบทั่วไป ไม่ซับซ้อนมากนัก
    ฝั่ง Client
    <%@ Page Language="C#" AutoEventWireup="true" 
    CodeFile="Excel.aspx.cs" Inherits="ExcelTest" %>
    <!DOCTYPE html PUBLIC "-//W3C//DTD XHTML 1.0 Transitional//EN" "http://www.w3.org/TR/xhtml1/DTD/xhtml1-transitional.dtd">
    <html xmlns="http://www.w3.org/1999/xhtml">
    <head runat="server">
    <title></title>
    </head>
    <body>
    <form id="form1" runat="server">
    <asp:FileUpload ID="FileUpload1" runat="server" />
    <div>
    <asp:GridView ID="GridView" runat="server">
    </asp:GridView>
    <asp:Button ID="btnImport" runat="server" 
    onclick="btnImport_Click" Text="Import" />
    </div>
    </form>
    </body>
    </html>
    ฝั่งเซิร์ฟเวอร์
    protected void btnImport_Click(object sender, EventArgs e)
    {
    try
    {
    ////เป็นการกำหนดชื่อของไฟล์ที่ต้องการจะบันทึกลงเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งมีการระบุพาธรวมทั้งนามสกุลของไฟล์ตามไฟล์ที่รับเข้ามา
    string fileName =  Path.Combine(Server.MapPath("~/ImportDocument"), Guid.NewGuid().ToString() + Path.GetExtension(FileUpload1.PostedFile.FileName));
    
    ////บันทึกไฟล์ดังกล่าวลงเซิร์ฟเวอร์
    FileUpload1.PostedFile.SaveAs(fileName);
    
    string conString = "";
    
    string ext = Path.GetExtension(FileUpload1.PostedFile.FileName);
    
    ////เป็นส่วนของเงื่อนไขในการตั้งค่า ConnectionString ในการอ่านไฟล์ Excel ด้วย OleDb ซึ่งจะแยกด้วยนามสกุลของไฟล์ Excel ที่รับมา
    if (Path.GetExtension(ext) == ".xls")
    {
    conString = "Provider=Microsoft.Jet.OLEDB.4.0;Data Source=" +
     fileName + ";Extended Properties=\"Excel 8.0;HDR=Yes;IMEX=2\"";
    }
    else if (Path.GetExtension(ext) == ".xlsx")
    {
    conString = @"Provider=Microsoft.ACE.OLEDB.12.0;Data Source=" + 
    fileName + ";Extended Properties='Excel 12.0;HDR=YES;IMEX=1;';";
    }
    
    ////เป็นการเปิดการเชื่อมต่อผ่าน OleDb
    OleDbConnection con = new OleDbConnection(conString);
    
    if (con.State == System.Data.ConnectionState.Closed)
    {
    con.Open();
    }
    
    
    DataTable dtExcelSchema;
    
    dtExcelSchema = con.GetOleDbSchemaTable(OleDbSchemaGuid.Tables,
     null);
    ////ดึงค่าชื่อของ Worksheet ที่อ่านมาจากไฟล์ Excel ที่รับเข้ามา
    string SheetName = dtExcelSchema.Rows[0]["TABLE_NAME"].ToString();
    
    ////เขียนคำสั่งในการดึงข้อมูลจาก Worksheet ดังกล่าว ซึ่งลักษณะการทำงานจะคล้ายกับการเขียนคำสั่ง sql command ในการดึงข้อมูลตารางโดยทั่วไป และเปรียบ Worksheet นั้นเป็นตาราง
    string query = "Select *  from [" + SheetName + "]";
    
    OleDbCommand cmd = new OleDbCommand(query, con);
    OleDbDataAdapter da = new OleDbDataAdapter(cmd);
    DataSet ds = new DataSet();
    da.Fill(ds);
    da.Dispose();
    con.Close();
    con.Dispose();
    ////เป็นการสมมติโครงการสร้างตาราง หากเป็นการทำงานจริงส่วนนี้จะหมายถึงตารางในฐานข้อมูลของแต่ละระบบ
    DataTable table = new DataTable();
    table.Columns.Add("EmployeeID", typeof(string));
    table.Columns.Add("EmployeeName", typeof(string));
    ////เป็นการวนค่าเพื่อบันทึกลงฐานข้อมูล แต่ในกรณีนี้จะเป็นเพียงแค่การเพิ่มแถวข้อมูลลงใน datatable ที่ชื่อ table เท่านั้น
    foreach (DataRow dr in ds.Tables[0].Rows)
    {
    //// dr["EmployeeID"].ToString() ชื่อของค่าฟิลด์ต้องตรงกับชื่อของคอลัมน์ใน Worksheet ที่อ่านมาจากไฟล์ Excel
    table.Rows.Add(dr["EmployeeID"].ToString(), dr["EmployeeName"].ToString());
    }
    ////นำค่าที่ได้แสดงในกริดวิว
    GridView.DataSource = table;
    GridView.DataBind();
    
    }
    catch (Exception)
    {
    throw;
    }
    }
    • การนำเข้าข้อมูลแบบ Multiple Sheet จะใช้ในกรณีที่มีจำนวนของ Worksheet ไม่จำกัด ขึ้นอยู่กับข้อมูล ซึ่งจะมีความซับซ้อนกว่าแบบแรก โดยหลักการทำงานโดยสรุปจะเป็นในลักษณะของการดึงข้อมูล Worksheet ที่มีทั้งหมดในไฟล์ Excel ที่อ่านได้ และนำไปเพื่อวนอ่านค่าข้อมูลในแต่ละชีทและนำค่าเหล่านั้นลงฐานข้อมูล ซึ่งจะอธิบายเป็นส่วนๆดังนี้
    1. การดึงข้อมูลชื่อ Worksheet ที่มีทั้งหมดในไฟล์ที่รับเข้ามา
     public static string[] getExcelSheets(string mFile)
    {
    try
    {
    string strXlsConnString;
    strXlsConnString = "Provider=Microsoft.Jet.OLEDB.4.0;Data Source=" + mFile + ";Extended Properties='Excel 8.0;HDR=Yes;IMEX=1'";
    OleDbConnection xlsConn = new OleDbConnection(strXlsConnString);
    xlsConn.Open();
    
    ////เป็นการดึงค่าชื่อ Worksheet ของไฟล์ excel ที่กำลังอ่าน โดยตารางหรือชีทใน Excel จะมีสัญลักษณ์ $ ต่อท้ายชื่อเสมอ
    DataTable xlTable = new DataTable();
    xlTable = xlsConn.GetOleDbSchemaTable(OleDbSchemaGuid.Tables, null);
    System.String strExcelSheetNames = "";
    string sheetName;
    for (int lngStart = 0; lngStart < xlTable.Rows.Count; 
    lngStart++)
    {
    ////เป็นการเอา '' ออกจากชื่อตาราง/worksheet ที่ดึงมาได้
    sheetName = xlTable.Rows[lngStart][2].ToString().Replace("'", "");
    
    ////เป็นการคัดกรองเฉพาะตัวที่เป็นตารางหรือworksheet เนื่องจากจบด้วย $
    if (sheetName.EndsWith("$"))
    {
    ////เป็นการเชื่อมตัวสุดท้ายด้วย ~ เพื่อใช้ในการตัดคำในขั้นตอนถัดไป
    strExcelSheetNames += sheetName.Substring(0, sheetName.Length - 1) + "~";
    }
    }
    ////เป็นการตัด  ~ ตัวสุดท้ายออกจากการเชื่อมคำ
    if (strExcelSheetNames.EndsWith("~"))
    {
    strExcelSheetNames = strExcelSheetNames.Substring(0,
    strExcelSheetNames.Length - 1);
    }
    xlsConn.Close();
    xlsConn.Dispose();
    char[] chrDelimter = { '~' };
    ////เป็นการตัดคำด้วย ~ และส่งค่าตัวแปร array ของ string ที่เป็นชื่อ worksheet ทั้งหมดที่อ่านได้กลับไป
    return strExcelSheetNames.Split(chrDelimter);
    
    }
    catch (Exception exp)
    {
    throw new Exception("Error while listing the excel" +
    " sheets from upload file " + exp.Message, exp);
    }
    }
    2. การอ่านค่าข้อมูลใน Worksheet ที่มีทั้งหมดในไฟล์ที่รับเข้ามา โดยมีการส่งค่าของชื่อ Worksheet และชื่อของไฟล์ที่อ่าน รวมทั้งฟิลด์เพิ่มเติมที่ต้องการระบุในการอ่านค่า ซึ่งจะทำงานในลักษณะเดียวกับการ Import แบบ Single sheet นั่นเอง
    public static DataSet getXLData(string xlSheetName,
    string xlFileName, string AdditionalFields)
    
    {
    try
    {
    string connstr = "Provider=Microsoft.Jet.OLEDB.4.0;Data Source=" 
    +  xlFileName + ";Extended Properties='Excel 8.0;HDR=Yes;IMEX=1'";
    OleDbConnection xlConn = new OleDbConnection(connstr);
    DataSet xlTDS = new DataSet("xlDataSet");
    xlConn.Open();
    OleDbDataAdapter xlDA = new OleDbDataAdapter("Select" + AdditionalFields +  " * from [" + xlSheetName + "$] ", xlConn);
    xlDA.Fill(xlTDS);
    xlConn.Close();
    xlConn.Dispose();
    
    ////เป็นการลบแถวที่มีค่าว่างออกจากการอ่านข้อมูลในไฟล์
    RemoveEmptyRows(xlTDS.Tables[0], (AdditionalFields.Length -
    
    AdditionalFields.ToLower().Replace(" as ", "").Length) / 4);
    
    return xlTDS;
    }
    catch (Exception e)
    {
    throw new Exception("Error while reading data from excel sheet", e);
    }
    }
    
    public static void RemoveEmptyRows(DataTable dtbl,
    
    System.Int32 intNumberOfFieldsToIgnore) ////เป็นการตรวจสอบค่าว่างในแต่ละแถว
    System.String strFilter = "";
    System.Int32 intAvgColsToCheck =
    Convert.ToInt32((dtbl.Columns.Count - intNumberOfFieldsToIgnore) * 0.75);
    if (intAvgColsToCheck < 3)
    {
    intAvgColsToCheck = dtbl.Columns.Count;
    }
    System.Int32 lngEnd = dtbl.Columns.Count;
    lngEnd = lngEnd - intAvgColsToCheck;
    
    ////เป็นการเชื่อมเงื่อนไขในการดึงข้อมูลว่าให้ฟิลด์ใดบ้างที่ห้ามเป็นค่าว่าง ในที่นี้จะทำการวนดูคอลัมน์ที่มีใน worksheet นั้นๆ และเชื่อมเป็นเงื่อนไข
    for (int lngStartColumn = dtbl.Columns.Count;
    lngStartColumn > lngEnd; lngStartColumn--)
    {
    strFilter += "[" + dtbl.Columns[lngStartColumn - 1].ColumnName +
    "] IS NULL AND ";
    
    }
    
    ////ทำในกรณีที่มีอย่างน้อย 1 คอลัมน์ถูกเพิ่มเป็นเงื่อนไขในการตรวจสอบค่าว่าง และลบคำว่า “AND” สุดท้ายออก เพื่อนำไปใช้งานในการกรองข้อมูลตามเงื่อนไขนี้
    if (strFilter.Length > 1)
    {
    strFilter = strFilter.Remove(strFilter.Length - 4);
    
    }
    DataRow[] drows = dtbl.Select(strFilter);
    ////ลบแถวเมื่อพบว่าค่าของฟิลด์นั้นๆ เป็นค่าว่าง
    foreach (DataRow drow in drows)
    {
    dtbl.Rows.Remove(drow);
    }
    }
    3. เขียนการทำงานเมื่อกดปุ่ม “Import”
    protected void btnImport_Click(object sender, EventArgs e)
    
    {
    ////เรียกใช้เมธอดในการบันทึกไฟล์ Excel ที่รับเข้ามาตามพาธของโฟลเดอร์ที่กำหนด
    string fileName = uploadXLFile(FileUpload, Server.MapPath("~/ImportDocument"));
    
    ////เรียกใช้เมธอดในการดึงค่าชื่อ WorkSheet ที่มีทั้งหมดในไฟล์ โดยมีตัวแปร array ชนิด string มารับข้อมูลดังกล่าว
    string[] listExcelSheet = getExcelSheets(fileName);
    
    DataSet DSTotal = new DataSet();
    ////วนลูปข้อมูล WorkSheet ตามชื่อในตัวแปร array และส่งค่าให้กับเมธอดที่ใช้ในการอ่านค่าข้อมูลในแต่ละ WorkSheet นั้น
    for (int i = 0; i < listExcelSheet.Count(); i++)
    {
    DataSet DS = getXLData(listExcelSheet[i], fileName, "");
    DSTotal.Merge(DS);
    
    }
    
    ////แสดงผลตัวอย่างข้อมูลที่อ่านได้ในกริดวิว ซึ่งในการใช้งานจริงในส่วนนี้ผู้พัฒนาจะต้องนำข้อมูลที่อ่านได้เหล่านี้วนบันทึกลงฐานข้อมูลเช่นเดียวกับที่กล่าวไว้ในการ Import ข้อมูลแบบ Single sheet นั่นเอง
    if (DSTotal.Tables[0].Rows.Count > 0)
    {
    GvData.DataSource = DSTotal.Tables[0];
    GvData.DataBind();
    
    }
    }
    }
    
     public static string uploadXLFile(FileUpload fileUpload, string mPath)
     {
     mPath = Path.Combine(mPath ,Guid.NewGuid().ToString() + Path.GetExtension(fileUpload.PostedFile.FileName));
     fileUpload.SaveAs(mPath);
     return mPath;
     }
    
    

     

    จะเห็นว่าจริงๆแล้วการทำงานใน 2 ลักษณะจะมีหลักการพื้นฐานคล้ายกัน ซึ่งจะสรุปได้ดังนี้

    • บันทึกไฟล์ Excel บนเซิร์ฟเวอร์ตามพาธที่กำหนดเพื่อให้สามารถเรียกอ่านค่าได้
    • เชื่อมต่อกับ OleDb โดยการกำหนดค่าต่างๆ เพื่อใช้ในการอ่านค่าจากไฟล์ Excel นั้นๆ
    • กำหนดคำสั่ง sql command ในการดึงข้อมูลจาก WorkSheet ซึ่งต้องมีการระบุชื่อของ WorkSheet นั้นๆ
    • สั่ง run คำสั่งดังกล่าวและนำค่าที่ได้ไปประมวลผลต่อไป
    • หากเป็นกรณีแบบ Multiple sheet เราจะไม่สามารถทราบจำนวนและชื่อของ WorkSheet ตายตัว จึงต้องเพิ่มการทำงานที่ทำการวนค่าเพื่อดึงข้อมูลชื่อ WorkSheet และทำตามกระบวนการต่อไป
    หมายเหตุ : Namespace ที่ต้องอ้างอิงเพิ่มเติมในการใช้งานโค้ดที่กล่าวไว้ข้างต้น มีดังนี้
                –  System.IO
                –  System.Data.OleDb
                –  System.Data
                –  System.Text

                สำหรับในบทความนี้ผู้เขียนจะขอเสนอวิธีการ Import ข้อมูลด้วยไฟล์ Excel ไว้เพียงเท่านี้ก่อน หากมีผู้รู้ท่านใดมีข้อเสนอแนะที่ต้องการแลกเปลี่ยนความรู้ร่วมกัน สามารถชี้แจงเพิ่มเติมได้เป็นกรณีศึกษาเพื่อการเรียนรู้ หากผิดพลาดประการใด ผู้เขียนขออภัยไว้ ณ ที่นี้ค่ะ และสำหรับท่านผู้พัฒนาที่มีความสนใจเกี่ยวกับการ Export ข้อมูลไฟล์ Excel ด้วย ASP.NET(C#) สามารถติดตามต่อได้ใน Part II นะคะ

    แหล่งข้อมูลอ้างอิง :
     http://www.codeproject.com/Articles/33271/Import-and-Export-to-Multiple-Worksheets
    http://dotnetawesome.blogspot.com/2013/11/how-to-import-export-database-data-from_18.html

     

  • รวมเทคนิคการออกแบบ UI ให้สวยงามสำหรับ Designer มือใหม่ (ตอนที่ 3 จบ)

    สำหรับผู้ที่ต้องการอ่านบทความก่อนหน้านี้ ตามลิงค์ด้านล่างได้เลยครับ:
    รวมเทคนิคการออกแบบ UI ให้สวยงามสำหรับ Designer มือใหม่ (ตอนที่ 1)
    รวมเทคนิคการออกแบบ UI ให้สวยงามสำหรับ Designer มือใหม่ (ตอนที่ 2)

    มาถึงตอนสุดท้ายของบทความรวมเทคนิคการออกแบบ UI ให้สวยงามสำหรับ Designer มือใหม่ ตอนนี้มาช้าเนื่องจากผู้เขียนติดธุระทั้งวัน กว่าจะได้กลับมาเขียนก็ค่ำแล้ว ต้อขอโทษผู้อ่านด้วย เพื่อไม่ให้เสียเวลาเราไปติดตามแนวคิดข้อถัดไปกันเลยครับ

    แนวคิดที่ 21 : Try Exposing Options instead of hiding them.
    _____แนวคิดนี้กล่าวถึงการนำเอา DropdownList มาใช้สำหรับให้ผู้ใช้เลือกตัวเลือกสำคัญๆในหน้าจอนั้น อาจทำให้ผู้ใช้เลือกตัวเลือกไม่ตรงตามที่ต้องการหรือเกิดข้อผิดพลาดจากการคลิก ทำให้ข้อมูลที่ได้ไม่ตรงตามต้องการ หรือส่งผลให้เป็นการโน้มน้าวใจผู้ใช้ให้เลือกตัวเลือกที่ถูกตั้งค่าเริ่มต้นกรณีที่ผู้ใช้ยังตัดสินใจไม่ได้ หรือในกรณีตัวเลือกที่มีให้เลือกนั้นมีจำนวนน้อย นอกจากการใช้ Dropdownlist ก็อาจเปลี่ยนมาใช้ Radio Button แทนได้ จะทำให้ผู้ใช้สามารถเห็นตัวเลือกได้อย่างชัดเจน ลดขั้นตอนในการทำงานของผู้ใช้ได้อีกด้วย DropdownList จึงเหมาะกับกรณีที่มีตัวเลือกที่หลากหลายมากกว่าidea014

    แนวคิดที่ 22 : Try Showing State instead of being state agnostic.
    _____ในหัวข้อที่ผ่านมาได้มีการกล่าวถึงการออกแบบให้รองรับสำหรับการแสดงผลแบบตารางกรณีที่ไม่มีค่าข้อมูลหรือเท่ากับ 0 นั้นเอง ซึ่งในหัวข้อนี้จะกล่าวถึงการออกแบบสำหรับกรณีที่มีข้อมูลที่นอกจากจะนำข้อมูลมาแสดงผลแล้ว การแจ้งสถานะของข้อมูลในแต่ละรายการ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้ผู้ใช้รับทราบถึงผลการทำงานได้ เช่นการแสดงผลของรายการอีเมล์พร้อมทั้งแสดงสถานะว่าอ่านแล้วหรือยังไม่อ่าน รายการเรียกเก็บภาษีพร้อมแสดงสถานะว่ารายการนี้ชำระแล้ว เป็นต้น ส่งผลให้ผู้ใช้รู้ว่าควรจะดำเนินการส่วนไหนต่อ หรือสิ่งที่ได้กระทำลงไปนั้นได้ผลลัพธ์เป็นเช่นไรidea017

    แนวคิดที่ 23 : Try Direct Manipulation instead of contextless menus.
    _____ก่อนหน้านี้มีแนวคิดเกี่ยวกับการให้รวมเมนูต่างๆที่ซ้ำกัน มาไว้ในที่เดียวกันทั้งหมด เพื่อผู้ใช้จะสะดวกในการเรียกใช้เมนู แต่ในกรณีของแนวคิดนี้จะเป็นการให้เราแยกเมนูต่างๆลงไปยังรายการนั้นๆ เมื่อข้อมูลในแต่ละรายการ มีการเรียกใช้เมนูที่ไม่เหมือนกันหรือผู้ใช้สามารถจัดการกับข้อมูลแต่ละรายการได้มากน้อยไม่เท่ากัน การออกแบบให้เมนูอยู่คู่กับรายการจึงเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ใช้ไม่สับสนได้ว่าทำไมบางรายการถึงกดใช้เมนูในแถบเมนูไม่ได้ และลดขั้นตอนที่ผู้ใช้ต้องทำการเลือกรายการก่อนถึงจะไปเรียกใช้เมนูได้ ถามว่าแนวคิดไหนผิด ผู้เขียนขอตอบว่าไม่มีแบบไหนผิด แต่ขึ้นอยู่กับการนำไปใช้งานมากกว่าครับidea019

    แนวคิดที่ 24 : Try Opt-Out instead of opt-in.
    _____ในการออกแบบเงื่อนไขแบบ 2 ตัวเลือกนั้น ปัจจุบันส่วนใหญ่นักออกแบบจะใช้ Checkbox มาใช้ในการเลือกเงื่อนไขกันอย่างแพร่หลาย เช่น ให้ติ๊กยอมรับผล หรือให้ติ๊กถ้าต้องการอีเมล์ตอบรับจากระบบ เป็นต้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว การที่เราออกแบบโดยใช้ Checkbox จะทำให้ผู้ใช้เสียโอกาสต่างๆพอสมควรและเป็นการแสดงตัวเลือกได้ไม่ชัดเจนนักเนื่องจากบางครั้งผู้ใช้อาจลืมไม่ได้เลือกติ๊กรายการต่างๆ การเปลี่ยนมาใช้ Radio Button เราจะสามารถทราบถึงผลลัพธ์ ที่แน่นอนกว่าและลดกรณีที่ผู้ใช้ลืมไม่ได้ติ๊กเลือกรายการที่ต้องการได้ และไม่เป็นการเอารัดเอาเปรียบผู้ใช้อีกด้วยidea026

    แนวคิดที่ 25 : Try Smart Defaults instead of asking to do extra work.
    _____มาตั้งค่าเริ่มต้นกันเถอะ เมื่อพูดถึงค่าเริ่มต้นในการกรอกข้อมูลแล้ว อาจเป็นสิ่งที่ทำได้ค่อนข้างยาก ยิ่งเป็นระบบที่กลุ่มผู้ใช้หลากหลาย การกำหนดค่าเริ่มต้นจึงทำได้ยากมาก โดยส่วนใหญ่จะยึดค่าเริ่มต้นตามกลุ่มผู้ใช้งานส่วนใหญ่ ซึ่งค่าเหล่านี้ต้องได้มาจากการรวบรวมข้อมูลของกลุ่มผู้ใช้และใช้ประสบการณ์ของผู้ออกแบบมากพอสมควร ซึ่งข้อนี้ผู้เขียนคิดว่าต้องระวังเป็นพิเศษ ถ้าออกแบบมาดีตรงตามกลุ่มผู้ใช้ส่วนใหญ่ ก็จะส่งผลให้ผู้ใช้สะดวกสบายในการกรอกข้อมูลยิ่งขึ้นไปด้วย แถมเป็นการลดเวลาในการใช้งานระบบไปในตัว แต่ถ้าออกแบบมาไม่ดี จะส่งผลให้ผู้ใช้เสียเวลามากขึ้นตามไปด้วยเช่นกันidea028

    แนวคิดที่ 26 : Try Inline Validation instead of delaying errors.
    _____การกรอกข้อมูลมักจะมาคู่กับการออกแบบเงื่อนไขเพื่อรองรับความผิดพลาดจากการกรอกข้อมูล ซึ่งผู้ออกแบบสามารถใช้เครื่องมือ Validater มาช่วยในการตรวจสอบข้อมูลตามเงื่อนไขที่เราต้องการได้ และเมื่อผู้ใช้งานกรอกข้อมูลไม่ตรงตามเงื่อนไข ก็ควรที่จะแจ้งเตือนความผิดพลาดทันทีเมื่อจบการทำงานในส่วนของการกรอกข้อมูลช่องนั้นๆ แทนการแจ้งเตือนความผิดพลาดทั้งหมดภายหลัง เพื่อผู้ใช้ไม่ต้องเสียเวลาในการย้อนกลับมาตรวจสอบข้อมูลว่าส่วนไหนของรายการที่ผิดพลาดไป และลดความกลัวหรือกังวลให้กับผู้ใช้ได้กรณีที่ผู้ใช้ทราบผลการแจ้งเตือนของข้อมูลที่ผิดพลาดหลายรายการพร้อมๆกันidea033

    แนวคิดที่ 27 : Try Forgiving Inputs instead of being strict with data.
    _____แนวคิดนี้ต่อเนื่องมาจากข้อก่อนหน้านี้ที่พูดถึงการตั้งค่าเงื่อนไขเพื่อตรวจสอบข้อมูลที่ผู้ใช้กรอกเข้าสู่ระบบ ซึ่งควรออกแบบให้มีความหลากหลายในการกรอกข้อมูลแทนที่การจำกัดเงื่อนไขในการกรอกแบบตายตัว ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้รู้สึกไม่เป็นมิตรกับระบบได้ แต่การออกแบบให้รองรับการกรอกข้อมูลหลายรูปแบบนั้น ค่อยข้างจะทำได้ยากและเสียเวลาในส่วนของการพัฒนาโปรแกรม เช่นการกรอกข้อมูลเบอร์โทรศัพท์ รูปแบบในการกรอกค่อนข้างมีหลากหลาย ไม่ว่าจะใส่วงเล็บ ใส่เครื่องหมายขีดกลาง แม้กระทั้งเว้นวรรคระหว่างกลุ่มตัวเลข ในด้านการเขียนโปรแกรมอาจเขียนได้ยากพอสมควร แต่สำหรับด้านการใช้งานถือว่าเป็นการอำนวยความสะดวกและลดเวลาในการกรอกข้อมูลแก่ผู้ใช้ได้เช่นกัน idea034

    แนวคิดที่ 28 : Try Progressive Disclosure instead of overwhelming.
    _____ในการออกแบบแบบสอบถามผ่านระบบนั้น ผู้ออกแบบไม่ควรสร้างแบบสอบถามที่แสดงคำถามทั้งหมดให้ผู้ใช้ตอบถึงแม้บางเงื่อนไข ผู้ใช้ไม่จำเป็นที่จะตอบคำถามในข้อนั้นๆ หรือคำถามดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้เลย การออกแบบให้การตอบคำถามข้อนั้นๆเป็นการนำไปสู่คำถามข้อถัดไปจะช่วยลดคำถามที่ไม่จำเป็นกับผู้ใช้ได้ ส่งผลให้ผู้ใช้ไม่เกิดความสับสนหรือรู้สึกไม่ดีกับการตอบแบบสอบถามidea043

    แนวคิดที่ 29 : Try Useful Calculations instead of asking to do math.
    _____แนวคิดนี้เป็นตัวช่วยที่เอื้ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้ได้คล้ายๆกับกรณีที่ให้มีการแจ้งเตือนสถานะของรายการข้อมูล โดยจะกล่าวถึงการคำนวนค่าต่างๆที่สามารถทำได้ในระบบให้ผู้ใช้ทราบได้ เช่นการแจ้งเตือนหมดอายุการเป็นสมาชิกในรายการต่างๆ การบอกระยะเวลาของอีเมล์ที่ได้รับแทนการบอกเป็นวันเวลาแบบตรงๆซึ่งผู้ใช้ต้องเสียเวลาในการคิดคำนวนว่าอีเมล์ดังกล่าวมาถึงนานแล้วหรือไม่ เราอาจนำเอาแนวคิดก่อนหน้านี้มาใช้ร่วมกันได้ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้นidea053

    แนวคิดที่ 30 : Try Responsive Layouts instead of static ones.
    _____เนื่องด้วยปัจจุบันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการให้บริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง รวมถึงในปัจจุบันได้มีเครื่องมือสื่อสารหลายขนาดและรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ Tablet หรือแม้แต่โทรทัศน์เองก็สามารถใช้งานอินเตอร์เน็ตได้เช่นกัน ซึ่งมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป เช่น ความกว้าง ความสูง ความละเอียดหน้าจอ เป็นต้น ทำให้การออกแบบหน้าจอต้องคำนึงถึงการแสดงผลที่รองรับกับอุปกรณ์ต่างๆเช่นกันแทนการออกแบบให้หน้าจอแสดงผลได้เพียงบนคอมพิวเตอร์อย่างเดียว ส่งผลให้ผู้ใช้ได้รับความสะดวกสบายในการใช้งานไม่ว่าจากคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์ก็ตามidea070

    สรุปส่งท้าย
    _____สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาจนจบทั้ง 3 ตอน ซึ่งจริงๆแล้วยังมีอีกหลายแนวคิดที่ผู้เขียนไม่ได้นำเอามาเขียนในชุดบทความนี้ ผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปอ่านได้ที่ GoodUI.com เลยครับ และขออภัยถ้าอ่านแล้วไม่เข้าใจหรือผู้เขียนแปลความหมายผิดไปจากต้นฉบับ และถ้าต้องการเสริมในหัวข้อไหน สามารถมา Comment บอกกันได้ครับ จะรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง สุดท้ายนี้หวังว่าชุดบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านไม่มากก็น้อยนะครับ

    ขอบคุณครับ